The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - บทที่420
บทที่420
ผู้แปล : N.
ลูชินที่ได้ฟังเรื่องการสร้างโลกเสมือนจริงจากคาคุบะจิงหยาน เขาก็ได้ตอบปฏิเสธกลับไปทันที เหตุที่เขาทำแบบนั้นก็เนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างปัญญาประดิษฐ์ แต่มันก็ยังคงต้องใช้เวลาในการเติบโตมากกว่านี้ ดังนั้นแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวมันก็ทำให้เขาตอบปฏิเสธไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
……
หนึ่งเดือนต่อมาบริษัทที่ได้รับการบริหารงานโดยซูเสียวก็ได้ทำการครอบครองตลาดเกมและความบันเทิงในประเทศจีนทั้งหมด
ครั้งสุดท้ายที่ได้มีการเปิดตัวเจ้าเครื่องฉายภาพสามมิติมันก็ผ่านมาแล้วครึ่งปี ในช่วงเวลานั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ การที่ทางห้างสรรพสินค้าและศูนย์รวมความบันเทิงจำนวนมากต่างก็มีการจัดสร้างโซนพื้นที่สำหรับอุปกรณ์นี้โดยเฉพาะ ซึ่งมันก็ได้รับการตอบรับจากผู้เล่นจำนวนมาก แม้กระทั่งลูชินเองก็มักจะเล่นเกมในเครื่องฉายสามมิติเป็นเวลาหลายชั่วโมง
ห้องเล่นเกมที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง ตอนนี้มันได้กลายเป็นโลกแห่งเกมไปอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ได้อรรถรสอย่างเต็มที่ ลูชินถึงกับได้สั่งให้มีการติดตั้งพวกอุปกรณ์อย่างการปรับอุอุณหภูมิและอื่นๆเข้ามาอีกจำนวนมาก
ฉากในเกมตอนนี้ ทำให้เห็นได้ว่าตัวของเขากำลังเดินอยู่ในวงกตใต้ดินที่มืดมิด ซึ่งเป็นเกมที่มีสไตล์ที่น่ากลัวระดับปานกลาง ลูชินได้ควบคุมตัวละครของเขาที่ถือไฟฉายส่องไปรอบด้าน เพื่อที่ว่าเขาจะสามารถเห็นสภาพรอบๆได้บ้าง
และระหว่างนั้นเองตรงมุมหนึ่งของทางเดิน ก็ได้มีภาพเขียนสีน้ำมันแปลกๆแขวนอยู่ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่ากลัวเป็นอย่างมากภายใต้แสงสลัวๆนี้
“อ่า! มีผี! พี่เขยช่วยด้วย!” ลูชินที่กำลังตั้งใจหาทางออกอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของซู่เสี่ยวดังขึ้นมา ที่วันนี้เธอมาเล่นเกมกับเขาได้นั้น ก็เนื่องมาจากการที่เธอสอบเข้ามหาลัยได้เป็นที่เรียบร้อย
และทางครอบครัวของเธอจึงอยากจะให้ช่วงเวลาว่างกับเธอในช่วงนี้
แต่สำหรับซู่จิงแล้วเธอไม่คิดแบบนั้น เมื่อเธอเห็นว่าซู่เสี่ยวได้ว่างลงจากการสอบเข้ามหาลัย เธอก็ได้นำตัวของน้องสาวตัวเองมาฝึกงานในบริษัทลู่เทคโนโลยี เพื่อที่จะทำให้เธอได้เรียนรู้งานไปในตัว
แต่ซู่เสี่ยวกับไม่ได้สนใจการบริหาร หรือ บัญชี เลย เธอนั้นสนใจพวก เกม การเต้นรำและร้องเพลงมากกว่า ดังนั้นซู่จิงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งเธอมายังบริษัทของซูเสียวเป็นกรณีพิเศษ
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี และเธอก็ได้ยินมาว่าลูชินได้ซ่อนตัวอยู่ในบริษัทที่เธอกำลังฝึกงานอยู่ ดังนั้นเธอจึงได้แอบมาหาลูชินก่อนที่เธอจะชวนลูชินเล่มเกมกัน
“ ดูดีๆ! นั้นไม่ใช้ผี มันเป็นเบาะแสนะ เธอต้องสังเกตมันดีๆ” ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ตะโกนออกมา
“ไม่! มันน่ากลัวเกินไป หนูไม่กล้าดูมัน!” ซู่เสี่ยวยังคงร้องตะโกนออกมา “หน้ากากนั้นกำลังเคลื่อนไหว … มันกำลังบินมาทางหนูแล้ว!”
“ไม่เห็นมีอะไร!”
……
หลังจากนั้นพวกลูชินก็ได้เดินออกมาจากห้องเล่นเกม
“ถ้าเธอกลัวมันมากขนาดนั้น ทำไมตอนแรกที่บอกให้พี่ปรับระดับไปสูงสุดละ?!”
“ก็ใครมันจะไปคิดว่าเกมนี้จะน่ากลัวแบบนี้ละ!” ซู่เสี่ยวได้แต่ก้มหน้าลงและพูดเสียงเบา
“เกมสนุกไหม?” ระหว่างที่ลูชินและซู่เสี่ยวกำลังคุยกันอยู่นั้น ตรงหน้าของพวกเขาก็ได้ปรากฏเสียงหนึ่งขึ้น
ในวันนี้ซูเสียวได้สวมชุดสูทแบบผู้หญิงสีขาวที่มีซับในสีเทาอ่อน สไตล์การแต่งหน้าของเธอเองก็ยังคงไว้ที่เบาๆแต่ดูสง่างาม เครื่องประดับที่เธอเลือกมาสวมใส่เองก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่มันกับยิ่งทำให้เธอด้วยสวยงามมากขึ้น
แต่เมื่อซู่เสี่ยวได้เห็นดวงตาของซูเสียวมองมายังพี่เขยของตัวเอง เธอก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆสำหรับทั้งสองคนนี้
เธอจึงได้กอดแขนของลูชินแน่นขึ้นทันทีและพูดออกมาว่า “ เกมสยองขวัญใหม่ของบริษัทเราน่ากลัวมากเห็นได้ชัดว่าหนูนั้นไม่กล้าเล่นคนเดียว แต่โชคดีที่หนูมีพี่เขยมาเล่นเป็นเพื่อน!”
ซูเสียวไม่สนใจการเคลื่อนไหวเล็กๆของซู่เสี่ยวเลย เธอทำเพียงแสดงรอยยิ้มออกมาเท่านั้น
“โอเค! นี้ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว พวกเราควรจะไปหามื้อเย็นทานกันได้แล้ว” ลูชินได้พูดขึ้นมา หลังจากที่เขาเองก็สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เช่นกัน
“โอ้! หนูอยากจะกินกุ้งตัวใหญ่” ซู่เสี่ยวได้บอกสิ่งที่เธอต้องการออกมาทันที
“ยัยหมูเอ้ย!”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ได้ออกจากบริษัทไป โดยที่ซูเสียวรับหน้าที่ขับรถ ส่วนลูชินและซู่เสี่ยวนั้นก็ได้เป็นคนนั่งไปแทน
“อืม! ลูชิน! ฉันได้ยินมาว่าคุณได้เปิดโครงการใหม่อย่างโครงการรถไร้คนขับใช้ไหม?” ซู่เสียวได้ถามขึ้นมาระหว่างทางไปร้านอาหาร “แล้วคุณพอจะบอกได้ไหมว่าเมื่อไหร่รถแบบนั้นจะออกมา พอดีฉันกำลังขี้เกรียดที่จะขับรถไปไหนเองแล้ว “
“ ในเรื่องนี้มันน่าจะเสร็จสมบูรณ์แบบในช่วงปีนี้ เพราะตัวโครงการนี้มันถือว่าเป็นเรื่องยากระดับหนึ่งเลยที่เดียวที่” ลูชินได้ตอบกลับมา
แต่ด้วยความช่วยเหลือของบริษัทลู่เทคโนโลยี จึงทำให้บริษัทของจินฟานนั้นก้าวหน้าไปได้เร็วมากขึ้น และยิ่งตอนนี้พวกนั้นได้นำปัญญาประดิษฐ์ที่เหมาะสมสำหรับการขับขี่แบบไร้คนขับไปทดลองใช้อีกด้วย เขาหวังว่าจะได้รับข่าวดีเร็วๆนี้
นอกจากนี้แล้วการส่งสัญญาณเองก็ได้ทำผ่านเครือข่ายการสื่อสาร6G ซึ่งนั้นจะทำให้ระบบสามารถระบุตำแหน่งเสริมได้แม่นยำมากขึ้น และด้วยระบบนี้มันจะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น!
ในปัจจุบันระบบที่ถูกนับว่าดีที่สุดนั้น สามารถคำนวณได้อย่างเม่นยำนั้นอยู่ในช่วงระยะห่างประมาณสิบเมตร แต่ด้วยระบบที่กระทำผ่านสัญญาณ6Gนี้แล้ว มันจะทำให้รถของพวกเขานั้นสามารถคำนวณได้ในระยะทางอย่างน้อยยี่สิบเมตรอย่างไม่มีปัญหา
ซู่เสี่ยวที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก็ได้พูดขึ้นว่า “ว้าว! มันเป็นเรื่องจริงเหรอกค่ะ? แบบนี้หนูก็ไม่จำเป็นจะต้องมีใบขับขี่อะดิ?”
“ฮิฮิ! นั่นเยี่ยมไปเลย! เพราะก่อนหน้านี้หนูเองก็เคยไปเรียนขับรถมาเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าหนูนั้นไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปสอบขอรับใบขับขี่ได้ และหนูยังถูกครูฝึกต่อว่าอีกด้วย!”
“ แล้วเธอทำอะไรลงไปละ ถึงทำให้คนสอนขับรถไม่พอใจ” ลูชินได้ถามออกมา
พรสวรรค์ของซู่เสี่ยวในด้านการแสดงนั้นนับว่าใช้ได้เลย เธอจึงได้ทำการเลียนแบบน้ำเสียงของครูฝึกสอนขับรถและพูดว่า “คุณได้เห็นไหมว่าตรงนั้นมีคนอยู่! แล้วคุณยังขับเข้าไปใกล้เขาทำไม? “
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนน้ำเสียงกลับมาเป็นเธออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยความสับสนเล็กน้อย: “ฉันเห็นแล้ว”
“แล้วคุณจะยังขับไปใกล้เขาทำไมกัน?”
“ก็ฉันคิดว่าระยะห่างแค่นั้นก็พอที่จะทำให้เขาไม่โดนชนแล้ว”
“แต่ตอนนี้เธอได้ชนคนไปแล้วนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า … ” ลูชินและซูเสียวที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็หัวเราะออกมา
ซู่เสี่ยวที่เล่าเรื่องทีเกิดขึ้นจบ เธอก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “พี่เขยรู้ไหมว่าหนูได้ไปลงฝึกกับสถาบันสอนขับรถถึงสามแห่ง แต่ทุกแห่งก็เป็นเหมือนเดิม คือหนูสอบไม่ผ่าน!”
“ฮิฮิ! แม้ว่าจะอีกไม่นานมันจะมีรถยนต์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนขับ แต่ยังไงเธอก็จำเป็นจะต้องมีใบขับขี่อยู่ดี” ซูเสี่ยวได้พูดออกมา
“แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น!” ลูชินได้พูดต่อว่า “เพราะเทคโนโลยีรถไร้คนขับนั้นถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องมีความชำนาญในการขับขี่รถมาก่อนก็สามารถใช้ได้ ดังนั้นในเรื่องของใบขับขี่นี้ฉันจึงคิดว่ามันคงไม่จำเป็น”
“ว้าว! พี่เขยพูดจริงเหรอ? แล้วเมื่อไหร่พี่เขยจะว่างขายละ?” ซูเสี่ยวพูดออกมาอย่างดีใจ “ฮิฮิ! แบบนี้หนูก็ไม่ต้องไปง้อไอ้พวกสถาบันฝึกรถอะไรนั้นอีกแล้ว”
เมื่อซู่เสี่ยวพูดจบลง มันก็เป็นช่วงที่รถของเธอติดสัญญาณไฟพอดี ดังนั้นเธอจึงได้พูดขึ้นต่อว่า: “หนูคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่ามั้ย? ถ้าในอนาคตพี่เขยจะสร้างรถที่สามารถบินได้ แบบนี้มันก็อาจจะช่วยทำให้ลดปัญหารถติดไปได้ด้วย!”
“ไอ้เรื่องนั้นมันยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้หรอก แต่ถ้าเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกันละก็ สามารถลองทำได้” ลูชินได้พูดออกมาแบบยิ้มๆ
ในโลกปัจจุบันนั้นได้มีบริษัทบางแห่งที่สามารถสร้างรถยนต์ที่บินได้แล้ว แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้นกับเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจอย่างมาก หรือจะพูดง่ายๆก็คือไม่มีคุณค่าในทางปฏิบัติเลย สู้นำเงินที่จะมาซื้อรถบินได้ไปซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวขนาดเล็ก มันจะเป็นอะไรที่ดีกว่าอย่างมาก
นอกจากนี้รถบินได้นั้นยังไม่เหมาะสำหรับการขนส่งมวลชน มันไม่ง่ายในการจัดการและราคาเองก็สูงเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อนำมาคิดคำนวณดีๆแล้วมันกับไม่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก
“หรือว่านายกำลังคิดเรื่องนี้มาก่อน?” ซูเสียงสังเกตจากการตอบคำถามของลูชินกับซู่เสี่ยว ก็เห็นเบาะแสอะไรบางอย่างจากประโยคนี้ของลูชิน
“ฮาฮาฮา!” ลูชินหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ผมคงไม่มีอะไรปิดพี่ได้เลย! ใช้แล้ว! ผมได้เริ่มโครงการใหม่อย่างรถยนต์พลังงานใหม่ไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และตอนนี้มันก็ได้อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขอีกเล็กน้อยก็จะเสร็จสมบรูณ์แล้ว”