The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - บทที่429
บทที่429
ผู้แปล : N.
“มันเกิดอะไรขึ้น!” ในห้องตรวจสอบระบบไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ ได้เกิดสัญญาณเตือนดังขึ้นในเวลานี้ นั้นจึงทำให้พวกพนักงานหลายคนดูที่หน้าจอการฉายด้วยความสยองขวัญ
ตามสถานการณ์นี้ รถไร้คนขับกำลังชนรถที่อยู่ข้างหน้าอย่างจัง!
ถ้ามันเกิดขึ้นจริง และด้วยความเร็วของรถทั้งสองคัน มันจะต้องเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขึ้นอย่างแน่นอน!
“ว้าย!” คนขับผู้หญิงยังคงกรีดร้องด้วยความสยองขวัญอยู่ในรถ แต่ในเวลานี้เธอสับสนไปหมด มันจึงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่เธอจะรู้ตัวว่าจะต้องทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ รถยนต์ที่ใช้ระบบไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ ได้กลายเป็นเทพเจ้าแห่งวงการขับขี่รถทันที มันได้ทำการดริฟท์ 180 องศา โดยใช้การดริฟท์นี้เองเบียงเบนตัวรถของมันออกมาจากเลนที่รถของคนขับผู้หญิงอยู่ ก่อนที่มันจะหลบออกไป
ด้านหลังรถไร้คนขับ เหว่ยเจียนที่เหยียบคันเร่งมาด้วยความเร็ว ได้รีบพยายามเหยียบเบรกให้รถของตัวเองหยุด ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเขาเองที่จะต้องชน และนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“แม่*!” เหว่ยเจียนได้สถบออกมาด้วยความตื่นตกใจ เขาได้รีบหักพวงมาลัยไปอีกทางจนสุด ก่อนที่รถของเขาจะชนเข้ากับรถของผู้หญิงคนนั้นอย่างจัง แต่โชคดีที่การชนของพวกเขานั้นโดนตัวรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตาม
“พระเจ้า! นั้นรถมันดริฟท์ได้เอง!” ในห้องตรวจสอบระบบรถไร้คนขับ พนักงานหลายคนต่างก็ตกตะลึงกับการดริฟท์ครั้งนี้ เพราะรถมันได้ทำการติดสินใจเพียง 0.01 วินาทีเท่านั้น และยังอยู่บนความเร็วที่มากอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้กับระบบเอไออัจฉริยะ!
หลังจากเกิดอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยการจราจร รถของพวกเขาได้ส่งสัญญาณเตือนเข้ามา ก่อนที่มันจะได้ขับไปจอดยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อบันทึกสถานการณ์การจราจรผ่านกล้องระยะไกล
“รีบส่งคนไปเดียวนี้!” หัวหน้าทีมที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นได้รีบทำการสั่งการลงไปทันที
ในขณะเดียวกัน รถคันอื่นๆที่อยู่บนถนนก็ได้หยุดลงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คนขับผู้หญิงเองก็ได้ทำการปลดเข็มขัดนิรภัยลง แล้วออกจากรถของเธอก่อนที่เธอจะมองดูแผลที่ตัวรถของเธอด้วยน้ำตา
เธอได้หันไปมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่จ้วงหยานที่เห็นว่าสถานการณ์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาจึงได้รีบหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ เธอขับรถบ้าอะไรเนี้ย?” เหว่ยเจี้ยนเองก็ได้ก้าวลงจากรถของเขาด้วยท่าทางจริงจัง “ เธอรู้ตัวไหมว่าเกือบจะฆ่าฉันไปแล้ว”
“และนี้รถของฉันก็ยังเป็นรอยอีก!”
เหว่ยเจี้ยนได้โกรธออกมาจริงๆ เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบลง เขามีความคิดที่ต้องการจะไประเบิดรถของผู้หญิงตรงหน้า
“ฉัน … ฉันไม่ผิดนะ! ก็เมื่อกี้มันมีรถจักยานยนต์ไฟฟ้าเปลี่ยนเลนกะทันหันนี้!” คนขับผู้หญิงเองก็ได้อธิบายออกมาอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะพูดอะไร!” เหว่ยเจี้ยนพยายามทำให้เขาดูเป็นผู้เสียหาย เขาจึงพยายามแสดงท่าทางหยิ่งผยอง “คุณได้ทำให้รถของฉันเป็นรอย ดังนั้นคุณต้องจ่ายค่าซ้อมมาให้ฉัน เข้าใจไหม?!”
ตอนนี้เขาไม่สามารถโจมตีรถยนต์ไร้คนขับได้ ดังนั้นเขาจึงได้เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาแทน และภายใต้สายตาที่จับตามองของทุกคน เขายังได้ไปเปิดประตูรถเพื่อที่จะให้พวกเขาเห็นถึงข้าวของที่เสียหายด้านใน
หลังจากนั้นเขาได้แสดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างรุนแรง: “เห็นมั้ยว่าฉันมีงานศิลปะและงานฝีมือมูลค่านับล้านหยวน แต่ตอนนี้พวกมันได้พังไปหมดแล้ว!!”
คนขับผู้หญิงที่เห็นภาพนั้น เธอก็ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาและขอร้อง: “ได้โปรด! มันเป็นเพราะรถจักยานยนต์ไฟฟ้าคันนั้น ฉันไม่ผิด และฉันเองก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น!”
“ฉันไม่สน! ยังไงคุณก็ต้องจ่ายมันอยู่ดี” เหว่ยเจี้ยนเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นแสดงท่าทางอ่อนแอลง เขากับยิ่งได้ใจ ดังนั้นเขาจึงพยายามขมขู่เธอให้มากขึ้น
“เอาไง! เธอจะจ่ายฉันยังไงฮะ!”
เหว่ยเจี้ยนรู้ว่าคนขับรถที่เป็นผู้หญิงคนนี้ไม่มีเงินมากนัก ดังนั้นเขาจึงได้จงใจเข้าใกล้รถของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ
“โทรหาตำรวจ! ให้ตำรวจจราจรมาจัดการจะดีที่สุด และคุณมีกล้องบันทึกเหตุการณ์ไหม?” มีคนขับรถพลเมืองดีได้พยายามเข้ามาช่วยเหลือ
“ไม่! เครื่องบันทึกของฉันพึ่งจะเสียเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นฉันจึงนำมันออกไป” เหว่ยเจี้ยนได้พูดต่อว่า “แต่ฉันคิดว่ารถตรงนั้นจะต้องมีมันอย่างแน่นอน! ทำไมเราถึงไม่ไปขอดูจากเขาละ?”
เขาได้แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ารถที่จอดอยู่ข้างทางที่ห่างจากเขาไปไม่ไกลนั้นคือรถไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ ชายคนที่เข้ามาช่วยที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดขึ้นว่า: “นั่นคือรถที่ใช้ระบบไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟนะ! และตอนนี้มันก็กำลังอยู่ในช่วงการทดสอบอยู่!”
“รถไร้คนขับ! มันนั้นแหละที่เป็นต้นเหตุที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!” เหว่ยเจี้ยนได้แกล้งสาปแช่งออกมา “ฉันจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าไม่มีมัน”
“และงานฝีมือของฉันเองก็จะไม่พัง! รู้ไหมว่าเจ้านายของฉันจะทำอะไรกับฉันบ้างเมื่อรู้ว่างานฝีมือของเขาถูกทำลาย! “
รูปลักษณ์ที่ไม่สบายใจของเหว่ยเจี้ยนทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นั้นเกิดความสงสารขึ้นมา และนั้นทำให้พวกเขาต่างก็เกิดข้อสงสัยว่าอุบัติเหตุนี้อาจจะเกิดขึ้นมาจากรถยนต์ที่ใช้ระบบไร้คนขับก็เป็นได้
“ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น” ผู้ใช้รถที่ไม่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นได้ถามขึ้นมา
” เกิดอุบัติเหตุขึ้นนะ!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ ไม่รู้สิ! แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนบอกว่ามีรถที่ใช้ระบบไร้คนขับอะไรนี้และทำให้เกิดอุบัติเหตุ!” จ้วงหยานที่พึ่งหลบหนีไปก่อนหน้านี้ ได้ปลอมตัวเป็นคนมุงและพยายามทำให้เรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น
“มันเป็นความจริงเหรอ! มันดูอันตรายมากเลยนะ! เราควรจะโทรหาตำรวจ!”
“ใช่! ฉันเองก็คิดว่าจะโทรหาสถานีโทรทัศน์มาทำข่าวนี้เหมือนกัน!” จ้วงหยานพูดจบ เขาก็ได้ทำการติดต่อไปยังสถานีโทรทัศน์จริง ๆ : “สวัสดี! สถานีโทรทัศน์เจียงเฉิงทีวีใช้ไหม? พอดีผมได้รับเบาะแสที่สำคัญมากจากอุบัติเหตุของรถไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ ใช้! มันเกิดที่ถนน XX … “
จ้วงหยานพยายามแก้ไข้ให้มันกลับมาอยู่ในการควบคุมของเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมไอ้รถบ้านั้นถึงสามารถหลบออกไปได้ก็ตาม
……
ตำรวจจราจรได้เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาได้รับแจ้งเหตุ และบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน
“คุณตำรวจ! ดูนี้สิครับ! รถยนต์และสินค้าของผมได้รับความเสียหายหมดเลย!”
ตำรวจที่มาถึงที่เกิดเหตุได้ทำการบันทึกปากคำเบื้องต้น ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการสำรวจที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เหว่ยเจี้ยยังคงแสดงสีหน้าร้องไห้ออกมามันเหมือนกับว่าเขานั้นได้รับความอยุติธรรม และต้องการใช้เรื่องนี้เรียกร้องค่าตอบแทนจากอีกฝ่ายให้ได้
คนขับรถผู้หญิงเองก็ทำการโทรเรียกสามีของตัวเองอย่างกระวนกระวาย และเธออยากให้สามีของเธอดูแลเรื่องนี้แทนเธอ เหตุที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องมาจากการเรียกเงินชดเชยหลายล้านหยวนที่เหว่ยเจี้ยได้พูดออกมาก่อนหน้านั้นเองที่ทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมาก!
“พวกคุณคงเป็นคนของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟใช้ไหม? พวกคุณจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ยังไงฮะ!” เหว่ยเจี้ยได้พยายามสร้างสถานการณ์ให้ใหญ่โตยิ่งขึ้น โดนที่เขาได้ร้องตะโกนออกมาว่า “เห็นได้ชัดว่าที่มันเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็เพราะรถยนต์ของบริษัทของพวกคุณ!”
“คุณครับ! หยุดพูดจาว่าร้ายเรานะครับ!” พนักงานที่เป็นตัวแทนของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟได้พูดออกมาอย่างสงบ: “อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรถยนต์ของเราแต่อย่างใด รถของเรานั้นได้ขับตามกฎจราจรทุกอย่าง ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้เราควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนสรุปจะเป็นการดีที่สุด “
“ก็เห็นๆอยู่ว่ามันเกิดเพราะรถไร้คนขับอะไรนั้นของพวกคุณ!” เหว่ยเจี้ยที่ได้เจอกับการตอบกลับมาแบบนั้น เขาถึงกับไม่สามารถคิดเหตุผลอื่นๆมาโต้ตอบได้ทัน
และในเวลาเดียวกันก็ได้บังเอิญที่นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์เจียงเฉิงทีวีมาถึงที่เกิดเหตุพอดี
“ นายเห็นไหมว่าเราเกือบจะมาสายแล้ว! ถ้าเราพลาดเหตุการณ์ละก็บอกอได้ฆ่าพวกเราแน่! “
“โชคดีที่รีบออกมาตั้งแต่ที่ได้รับข้อมูลนะ!”
“พระเจ้า! พวกนายดูงานฝีมือทั้งหมดนี้สิ! มันไม่ใช้งานแกะสลักโดยผู้เชี่ยวชาญหรอกเหรอ? ถ้าคิดเป็นมูลค่าละก็เกินหนึ่งล้านหยวนอย่างแน่นอน”