The Book - ตอนที่ 4 บทที่ 1 องค์ 1
นี่ก็สองสามวันที่ผ่านพ้นปี 2000 มาแล้ว แต่ชีวิตของผมก็ยังจมจ่อมอยู่กับเกมและหนังสือการ์ตูนอยู่เช่นเคย ร่างเอนกายลงบนเสื่อไฟฟ้า นั่งนับเงินแต๊ะเอียปีใหม่ ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะเอาไปซื้ออะไรดีอยู่นั้นเอง อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเหลืออีกแค่สามวัน วันหยุดช่วงฤดูหนาวก็จะหมดลงแล้ว แถมรู้ดีด้วยว่ายังไม่ได้ทำการบ้านช่วงปิดภาคเรียนเลยแม้แต่น้อย ผมจึงต้องใช้เวลาช่วงเช้าของวันที่ 4 มกรา ปั่นการบ้านคณิตศาสตร์ที่ยังทำไม่เสร็จอย่างร้อนรน แต่ไม่ว่าจะเปิดหนังสือแล้วเปิดหนังสืออีก อ่านสูตรคำนวณมากมายซักเท่าไหร่ ความเข้าใจก็ดูจะไม่เข้าหัว จะหมุนดินสอซักกี่ครั้ง ก็ไม่พบว่าจะแก้ปัญหาอะไรได้เลยซักนิด
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะออกไปสูดอากาศข้างนอกเสียหน่อย ด้วยความตั้งใจว่าจะเดินออกไปซื้อซาลาเปาที่ร้านสะดวกซื้อ ทำให้ผมกลั้นใจเดินฝ่าลมหนาวจนมาถึงร้านแถวบ้านที่ชื่อว่า “ซันมาร์ท” ผมยืนอ่านหนังสือแมกกาซีนเพื่ออ่านรีวิวของเกมใหม่ ๆ จากนั้นจึงหยิบนิตยสารการ์ตูนขึ้นมาอ่านส่วนพูดคุยกับนักเขียนซึ่งอยู่ในหน้าสารบัญ
ในส่วนนี้ของหน้าสารบัญของนิตยสารที่ผมโปรดปราน นักเขียนที่ลงผลงานแต่ละคนจะเขียนข้อความสั้น ๆ ความยาวราว ๆ สี่สิบตัวอักษร ความน่าสนุกของส่วนนี้ ก็คือการที่คุณจะได้เห็นเสี้ยวหนึ่งของโฉมหน้านักวาดคนนั้น ๆ นั่นเอง ถึงจะรู้สึกเห็นใจผู้เขียนอยู่บ้างที่ต้องมานั่งเค้นสมองเขียนข้อความสัพเพเหระอยู่ทุกอาทิตย์ก็ตามที ระหว่างที่ผมกำลังยืนอ่านนิตยสารโดยมีคนคุมร้านเพ่งมองดูอยู่อย่างไม่พอใจนั้นเอง สายตาก็เหลือบมาเห็นข้อความประจำสัปดาห์ของคิชิเบะ โรฮัง เข้าพอดี
คิชิเบะ โรฮัง เป็นนักวาดการ์ตูนชื่อก้องซึ่งโด่งดังไปทั่วประเทศ มีผลงานเปิดตัวตอนอายุ 16 ปี และจากวันนั้นถึงวันนี้ที่ล่วงเข้าสู่วัย 20 เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียนการ์ตูนชั้นนำของวงการได้อย่างรวดเร็ว ผลงานเรื่อง “หนุ่มพิงค์ดาร์ก” ของเขา เต็มไปด้วยภาพลายเส้นที่แปลกประหลาด ตัวละครที่มีเอกลักษณ์ และอักษรเสียงประกอบฉากอันโดดเด่น ภาพตัวละครที่โพสท่าสุดแสนเท่ซึ่งวาดอยู่บนปกหนังสือรวมเล่มต่างจับตาต้องใจนักอ่านอย่างอยู่หมัด โดยข้อความของเขาในนิตยสารก็เขียนไว้ว่า
“ถึงเวลาในเรื่องจะผ่านไปแค่ 50 วัน แต่ภาค 3 ที่ยาวนานก็จบลงในตอนนี้แล้ว ส่วนภาค 4 จะเริ่มในตอนหน้าแล้วครับ”
มันทำเอาผมตื่นเต้นมากทีเดียว จากเหตุการณ์อันน่าสะท้านสะเทือนในภาค 3 ที่จบลงไป ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินอย่างไรต่อไป หลังจากที่เฝ้าเพ้อฝันถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ซื้อซาลาเปาแล้วเดินออกมาจากร้าน
ที่ข้างถนนนั้นเอง ชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังก้มตัวลงให้อาหารแมวอยู่
เขาคือคิชิเบะ โรฮัง
“อ้าว นั่นโคอิจิคุงใช่ไหมน่ะ?”
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ?”
“ดูแล้วเดี๋ยวก็รู้เองน่ะแหละ”
รอบ ๆ ขนมปังกรอบรูปแมวที่ตกกระจาย มีแมว 34 ตัวมาชุมนุมกันอยู่เต็มไปหมด หากคุณสงสัยว่าทำไมนักเขียนการ์ตูนแถวหน้าของวงการ ถึงได้ถ่อสังขารมาอยู่ในเมืองไกลปืนเที่ยงทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นแบบนี้ นั่นก็เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของเขานั่นเอง ผมได้รู้จักกับเขาในช่วงหน้าร้อนของปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมา ด้วยเหตุผลกลใดก็สุดจะคาดเดาได้ เขาดูท่าทางจะถูกชะตากับผมไม่น้อย จนเรากลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด ทำเอาพวกแฟนการ์ตูนเดนตายของเขาแอบมองผมอย่างอิจฉาตาร้อนเสมอ ๆ กระนั้นผมก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยครั้งเท่าใดนัก
“เห ไม่ยักรู้นะครับ ว่าอาจารย์ก็เป็นพวกรักสัตว์กับเขาเหมือนกัน”
เหล่าแมวต่างกำลังเพลิดเพลินกับอาหารที่คิชิเบะ โรฮัง นำมาป้อนให้ ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วน่าประทับใจ กระทั่งบรรดาแมวต่างเริ่มน้ำลายไหลย้อยแล้วค่อย ๆ ฟุบไปทีละตัว ๆ
“อาจารย์ครับ…?”
แมวทั้ง 34 ต่างสลบไสลอยู่กับพื้น เล่นเอาผมใจไม่ดีจนต้องจ้องมองไปที่คิชิเบะ โรฮัง
“ใจเย็น ๆ น่า ฉันก็แค่ผสมยานอนหลับลงในอาหารแค่นั้นเอง”
เขาหยิบแมวสีเทาตัวหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ จับขาหน้าของมันชี้มาที่ผม ในขณะที่แมวตัวนั้นยังคงหลับไหลไม่ได้สติ
“ดูที่อุ้งเท้ามันสิ มีรอยหมึกเปื้อนอยู่เต็มไปหมดเลยใช่ไหมล่ะ ฉันได้ยินเสียงตึงตังในห้องทำงาน พอเข้าไปตรวจดู เลยเห็นว่าโต๊ะเละเทะไปหมด ขวดหมึกหล่นคว่ำ หัวปากกาและเครื่องเขียนงี้กระจายเกลื่อน แค่ฉันเปิดหน้าต่างระบายอากาศไว้แป๊บเดียวเอง ไม่น่าเปิดเลยจริง ๆ น้า ส่วนต้นฉบับของฉันก็เต็มไปด้วยรอยเลอะหมึกรูปอุ้งเท้าแมว ดังนั้นก็อย่างที่เห็นล่ะนะ ไอ้เจ้านี่นี่แหละที่เป็นตัวการ ยิ่งเกลียดแมวอยู่ด้วย ตอนนี้ฉันละฉุนขาดเลยล่ะ เธอรู้ไหมโคอิจิคุง? ในเมืองกวางเจาน่ะ เขามีประเพณีกินแมวกันด้วยนะ ว่ากันว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงลิบทีเดียว เคยได้ยินมาว่าในโอกินาว่าก็มีคนที่กินแมวอยู่เหมือนกัน สงสัยจังว่ารสชาติมันจะเป็นยังไงกันน้า?”
นิ้วที่เรียวยาวของเขาดูราวกับกำลังตั้งใจเค้นคอเจ้าแมวสีเทานี่อยู่เลย
“ล้อเล่นน่ะ ใครจะไปกินลงเนอะ”
คิชิเบะ โรฮัง หันหน้ามา แล้วส่งรอยยิ้มที่ดูเหมือนผีร้ายให้ผม
“ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นแมวจรจัดล่ะนะ แบบนี้จะไปเรียกร้องค่าเสียหายอะไรกับใครก็คงไม่ได้แฮะ”
“นี่คุณเป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไรครับเนี่ย? ลงทุนถ่อมาถึงที่นี่เพื่อจะมาวางยาแมวแค่นี้เนี่ยนะ? ถ้าว่างขนาดนั้น ไม่เอาเวลาไปคิดเนื้อเรื่องของหนุ่มพิงค์ดาร์กภาค 4 ล่ะครับ?”
“ภาค 4 เหรอ? คิดจนเสร็จไปแล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันคิดเผื่อไปจนจบภาค 9 แล้วด้วยซ้ำ”
“ล้อกันเล่นละมั้งครับ…?”
สีหน้าของคิชิเบะ โรฮัง ยังคงเปี่ยมไปด้วยความจริงจัง
“เดี๋ยวนะ จริงเหรอครับน่ะ?”
“คิดเสร็จไปทุกอย่างตั้งแต่เนื้อเรื่องยันบทสนทนาแล้ว ที่เหลือก็แค่เอาลงต้นฉบับแค่นั้นเอง”
เขาวางแมวกลับลงบนพื้น ใช้มือปัดขนแมวที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้า จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
“ก็คงต้องโทรบอกเทศบาลให้มาจัดการสินะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันไม่ได้ทำเพราะโกรธแค้นอะไรมันหรอกนะ”
โกหกชัด ๆ หน้าตอนกดโทรศัพท์งี้ระรื่นเชียว
“อย่าเลยดีกว่าครับ บางทีอาจจะมีคนที่คอยดูแลมันอยู่ก็ได้ ถึงจะไม่มีปลอกคอก็เถอะ”
ระหว่างที่ผมพูดอยู่นั้นเอง อยู่ ๆ เขาก็หยุดชะงัก ดวงตาจ้องไปที่หนึ่งไม่กระพริบ
“อาจารย์โรฮัง…?”
ผมร้องเรียก แต่เขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่ส่งเสียงตอบกลับมา
ฤดูหนาวของโมริโอซึ่งเป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือนั้น หนาวจับใจไม่น้อย ลมหายใจของผู้คนต่างก็เป็นไอสีขาวล่องลอยไปตามสายลม ในยามนั้นแทบไม่มีรถผ่านมาบนถนนข้างซันมาร์ท จึงทำให้บรรยากาศเงียบเชียบเป็นอย่างยิ่ง หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากร้านซันมาร์ท หยุดชะงัก แล้วกรีดร้องสั้น ๆ ออกมา จนทำให้พนักงานในร้านคนหนึ่งต้องตามออกมาดู ขมวดคิ้วพร้อมทั้งใช้มือทั้งสองปิดปากไว้ สายตาของคิชิเบะ โรฮัง ยังคงจับจ้องไปที่ด้านหลังของผม
“ไอ้แมวตัวนั้นนี่ มันอะไรกันน่ะ?”
คิชิเบะ โรฮังพูดพึมพำกับตัวเอง
ในระหว่างที่เราไม่ทันรู้ตัว มีแมวอีกตัวหนึ่งมาจากไหนไม่รู้ มาร่วมกินขนมที่ตกอยู่บนพื้นถนนด้วย มันใช้อุ้งเท้าเคาะขนมเล่นไปมา จากนั้นจึงดมกลิ่นแล้วเอาเข้าปาก เสียงเคี้ยวอาหารดังกรอบแกรบ มันเป็นแมวพันธุ์ขนสั้น ส่วนสีสันบนตัวมันนั้นยากที่จะบอก เนื่องจากบนตัวมันนั้น มีสิ่งคล้ายเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันใช่เลือดจริง ๆ หรือเปล่า แต่สีเหล่านั้นดูเหมือนกับจะแห้งติดอยู่บนตัวเจ้าแมวนี่มาแล้วมากว่าครึ่งวัน คราบที่เปลี่ยนคล้ำจนเกือบเป็นสีดำ กระจายอยู่ทั่วตัวราวกับมันเคยไปกลิ้งเล่นในกองเลือด ความเหนียวของเลือดทำให้ขนติดกันเป็นสังกะตัง
ราวกับว่าเจ้าแมวตัวนี้กำลังบาดเจ็บร้ายแรง แต่แท้จริงแล้วก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ขาทั้งหน้าหลังของมันก็ยังเคลื่อนไหวอย่างปกติ แถมยังดูมีความอยากอาหารไม่น้อย หากนั่นจะเป็นเลือดจริง ๆ ก็คงจะติดเจ้าแมวนี่มาจากที่อื่น ระหว่างที่พวกเรากำลังตกตะลึงและมองมันอยู่นั้นเอง น้ำลายของมันก็เริ่มไหลยืด จากนั้นจึงร่วงไปกองกับพื้น แล้วเข้าสู่ห้วงฝันไปด้วยฤทธิ์ของยาสลบ
ในวันนั้นเอง วันที่อากาศของของโมริโอเย็นยะเยือก แอ่งน้ำข้าง ๆ จุดรอรถเมล์จับตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง สุนัขเลี้ยงต่างหมอบราบกับพื้นไม่ขยับตัวด้วยความหนาวเหน็บ ประกายสีขาวของหิมะพัดผ่านสายตาและร่วงหล่นบนพื้นอย่างแผ่วเบา พวกเราไม่เคยคิดเลยว่า การปรากฏตัวของเจ้าแมวที่มีคราบเลือดเปรอะไปทั้งตัว ซึ่งนำไปสู่การพบศพผู้เสียชีวิต จะเป็นการเปิดม่านแห่งคดีปริศนาซึ่งใช้เวลากว่าสามเดือนจึงจะคลี่คลายลงได้ ทว่านี่ก็เป็นเวลาที่อิงจากมุมมองของพวกเราเท่านั้น เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่แท้จริงนั้น ได้เริ่มต้นมานานแสนนานก่อนหน้านี่เสียอีก พวกเราเพิ่งได้มาพบเห็นเอาตอนกลางทางเท่านั้น
แต่หากจะเล่าแล้ว เราอาจต้องย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น ช่วงที่เขายังเป็นเซลล์เล็ก ๆ ในครรภ์ของมารดาเลยทีเดียว