The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 119 Freedom Beyond Death(1)
มิร่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอรู้มาก่อนแล้วว่าหลานชายสุดที่รักของเธอจะเข้าเรียนที่สถาบันบาบิโลนในปีนี้ ในฐานะที่เป็นน้าของเขา เธอสามารถดึงเชือกสองสามเส้นเพื่อช่วยให้เขาเข้าสถาบันได้ง่ายขึ้นได้
ตำแหน่งคณบดีแห่งสถาบันบาบิโลนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นสถาบันนี้เป็นสถาบันที่รวบรวมอัจฉริยะจากทั่วโลกเอาไว้ จึงมั่นใดได้ว่าผู้บริหารระดับสูงของสถาบันควรเป็นกลาง ดังนั้นตำแหน่งคณบดีจึงถูกเปลี่ยนแปลงในทุกๆ 30 ปี คณบดีคุณล่าสุดพึ่งจะเกษียณไปเมื่อปีที่แล้ว ก่อนจะมอบให้มิร่าซึ่งปัจจุบันไม่สังกัดอำนาจใดๆ เป็นคนดูแลต่อ
“มิร่า เราไม่ต้องทำอะไรใช่ไหม?”
เกรซถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลขณะมองไปยังภาพของออสติน มิร่าได้แต่ส่ายหัวหลังจากที่ได้ยินคำถามของเกรซ ในฐานะคณบดีของสถาบัน เธอรู้ความจริงเกี่ยวกับโลกที่ถูกปิดตายนั่นอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าคนที่ปลดล็อคมันได้จะเป็นหลานชายของเธอหล่ะ
‘เด็กนั่นชอบสร้างปัญหาตลอดเลย…’
มิร่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าออสตินเจอปัญหาบ่อยขนาดนี้ เธออยากจะลากเขาออกจากโลกนั้นและทำให้จิตใจเขาสงบจริงๆ แต่เมื่อเธอมองไปยังชายผมสีเงินรูปหล่อที่ยืนอยู่บนหน้าผาที่กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพอย่างไม่เกรงกลัว เธอก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยว่าหลานชายของเธอเติบโตขึ้นมาอย่างดีจริงๆ
“ใจเย็นๆ ก่อนเกรซดูเขาสิ แม้ว่าเขาจะเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ แต่เขาก็ยังคงสงบอยู่ซึ่งหมายความว่าเขาคงจะมีแผนบางอย่าง ณ จุดนี้เราทำได้แต่เชื่อใจเขาเท่านั้น”
แม้จิตใจจะยังไม่สงบ เกรซก็ทำได้เพียงผงกศีรษะขณะที่มองกลับไปยังหน้าจอ
กลับมาที่ภายในโลกปิดตาย ออสตินกำลังกลั้นหายใจในขณะที่ร่างกายของเขากำลังปรับตัวให้เข้ากับแรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมาจากกองทัพข้างหน้า
“เห้อออ…โชคของเรานี่มัน”
ตอนนี้บ่นไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าผมต้องการออกไปจากที่นี่ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่หล่ะก็ ผมต้องโฟกัสกับสถานการณ์ปัจจุบันก่อน
ผมจดจ่อกับพลังของตัวเองและในไม่ช้า พิณสีน้ำเงินและสีม่วงที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผม สายของพิณเป็นสีม่วงซึ่งตัดกับสีน้ำเงิน
ตั้งแต่ผมเข้ามาในโลกนี้เจ้าพิณนี่ก็เอาแต่ฮัมเพลงอยู่ในตัวผม ดูเหมือนว่ามันอยากจะบรรเลงเพลง และเมื่อผมนำมันออกมาเสียงคลื่นขนาดใหญ่ก็กระทบผม คำพูดที่เจ็บปวดถาโถมเข้ามาเติมเต็มจิตใจของผม
‘ช่วย…ด้วย…ช่ว-’
‘หนี…ลูกกกกก…หนี’
‘ขอร้อง…ไม่…เอาแล้วววว…’
แต่ละเสียงต่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อได้ยินพวกมันด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของผมก็บีบแน่นในขณะที่น้ำตาของผมร่วงหล่นลงมาจากดวงตา เสียงต่างๆ ดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกมันจะหายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือพิณอันไพเราะที่ลอยเข้ามาหาผม
“เข้าใจแล้ว…อยากจะช่วยพวกเขาสินะ…”
ผมไม่ได้รับคำตอบและมีเพียงเสียงพิณเท่านั้นที่ดังขึ้นมา ผมยิ้มพร้อมกับเช็ดน้ำตาก่อนจะถือพิณแล้วเดินไปที่ปลายหน้าผา ผมยืนตระหง่านในขณะที่มองดูทหารนับพันที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องโลกของพวกเขา แต่บัดนี้พวกเขากลับยืนอยู่ต่อหน้าผมราวกับเป็นเพียงสัตว์ที่ถูกล่ามโซ่
ผู้กล้าที่ควรถูกฝังอย่างมีเกียรติกลับถูกถูกล่ามไว้เหมือนสัตว์โดยไม่ได้พักผ่อน ทหารด้านหน้าผมเห่าหอนก่อนที่พวกเขาจะคำรามมาทางผม มานาที่มีมลทินหนาแน่นเข้ามาล้อมรอบตัวผม แต่แล้วก็มีออร่าสีฟ้าที่สงบออกมาจากพิณเพื่อปกป้องผม ผมมองไปที่กษัตริย์ผู้ประทับบนบัลลังก์ก่อนที่ผมจะพูด
“ผมไม่รู้ว่าความเจ็บปวดของคุณมันเป็นยังไง แต่ผมสามารถช่วยลดความเจ็บปวดที่พวกคุณทุกคนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ได้ครับ”
พอผมพูดจบ ทหารหลายร้อยคนก็เริ่มวิ่งเข้ามาหาผมแบบไม่มีกลยุทธ์หรือเกียรติใดๆ เหลือไว้เพียงแค่ความป่าเถื่อนล้วนๆ
ผมกำพิณไว้แน่นพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ เป็นความจริงที่ว่าไม่มีใครสามารถรอดได้หลังจากถูกคอร์รัปชั่น แต่นั่นใช้ได้กับผู้ที่ถืออาวุธปกติเท่านั้น สิ่งที่ผมถืออยู่นั้นเคยทำให้โลกนี้กลับหัวกลับหางมาแล้ว
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกขณะที่มือของผมลากผ่านสายพิณสีม่วงที่สวยงามก่อนจะมีเสียงที่น่าหลงใหลถูกบรรเลงขึ้นมา มันกระเพื่อมในมหาสมุทรขณะที่มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้า แสงออร่าที่ฟุ้งไปด้วยสีฟ้าและสีม่วงแผ่กระจายออกมาจากจุดที่ผมยืนอยู่ก่อนจะกระทบกับเหล่าทหารที่วิ่งเข้ามาทางผม
ทันทีที่เสียงของพิณไปถึงพวกเขา เหล่าทหารที่กำลังวิ่งมาทางผมก็หยุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันกำลังถูกชำระล้าง แต่ในไม่ช้ามานาที่มีมลทินก็พยายามที่จะฟื้นตัวกลับมา แต่ผมจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?
ผมไม่ได้หยุดในขณะที่มือของผมเคลื่อนผ่านพิณอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการหยุดพัก ส่งเสียงเพลงที่ครั้งหนึ่งเคยสั่นคลอนวิญญาณออกไป ผมหลับตาลงขณะที่จดจ่อกับการแสดงของตัวเอง แม้จะคิดว่ามันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังภายในของพวกเขา
ผมเปิดปากของตัวเองก่อนที่จะเริ่มร้องเพลงบทกวี
“ข้าขอจดจำชายและหญิง
ผู้ปกป้องเสรีภาพและวิถีชีวิตของพวกเราอย่างกล้าหาญ
การรับใช้และเสียสละอย่างกล้าหาญของพวกท่าน
ส่องประกายเจิดจ้าเกินกว่าที่จะมีใครเทียบได้
ข้าขออธิษฐานขอให้พวกท่านกลับมาอย่างปลอดภัย
เพื่อพวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับชีวิตที่พวกเขาต่อสู้เพื่อมัน”
“ขอบคุณ ถึงแม้เราจะไม่ได้เจอกัน
พวกท่านเสียสละอย่างสูงสุดเพื่อประเทศของเรา
ท่านทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลังและปกป้องทุกคน
ขอให้ครอบครัวของพวกท่านได้รับการคุ้มครองเมื่อพวกท่านจากไป
ขอให้พวกท่านได้รับการคุ้มครองด้วย ขอบคุณ”
“ผู้ที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน
ถูกรับเลี้ยงโดยผู้ไม่มีสายโลหิต ไม่มีสาเหตุ
ข้าเดินไปตามถนนที่ไร้ซึ่งทางออก
แต่ความคุ้นเคยทำให้ข้าสบายใจ…”
เสียงของผมไม่ดังนัก แต่ต้องขอบคุณความสามารถแฝงและความสามารถเปิดใช้งานของพิณนี่ที่ผมใช้ เสียงของผมจึงสั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ ผมไม่ได้หยุดเล่นพิณเลยแม้แต่ครู่เดียวและผลปรากฏว่า พวกที่เข้ามาโจมตีผมหยุดลงอย่างสมบูรณ์
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ทุกคนที่กำลังดูเองก็ด้วย แม้แต่ทหารที่เหลือไปจนถึงคนที่ดูสิ่งต่างๆ ข้างนอกก็หยุด ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทุกคนดูเหมือนจะถูกดึงเข้าไปในเพลงพร้อมกับที่ภาพบางอย่างเริ่มปรากฏขึ้นในใจของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนได้เห็นภาพของชายผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้นำกองทัพ ทุกคนได้เห็นภาพทหารที่ปกป้องบ้านเมือง, ปกป้องชีวิตและครอบครัวด้วยการสังเวยชีวิต แม้แต่นักเรียนที่มีความมุ่งมั่นอ่อนแอบางคนก็ยังร้องไห้ในสเตเดี้ยม
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต