The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 120 Freedom Beyond Death(2)
ทหารที่อยู่ด้านหน้าหยุดขณะที่มานาซึ่งมีมลทินรอบตัวพวกเขาเริ่มผันผวน ดูเหมือนว่ามานาที่มีมลทินในตัวพวกเขากำลังต่อสู้กับออร่าที่ปล่อยออกมาจากพิณของผมอยู่ พวกเขาต่างขู่และส่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่ในไม่ช้าพวกเขาจะสงบลง
มือของผมเคลื่อนผ่านพิณโดยไม่หยุดเพื่อให้บทเพลงยังคงบรรเลงต่อไป ทหารด้านหน้าที่ต้องการเข้ามาโจมตีผมหยุดลง ในเวลาเดียวกันนั้นมานาแห่งความมืดที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็แกว่งไปมา ในไม่ช้าเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นก่อนที่มานาซึ่งมีมลทินของพวกเขาจะหายไป
แสงสีทองเริ่มล้อมรอบผู้ที่ถูกดึงมานาซึ่งมีมลทินออกจากร่างกายก่อนที่ลักษณะที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ของพวกเขาจะถูกเปิดเผยออกมา มีความสับสนบนใบหน้าของพวกเขาก่อนที่รอยยิ้มจะเผยออกมาจากผู้ที่ได้รับการรักษา
“ฉ-ฉ-ฉันเ-เป็นอิสระแล้ววววว…”
“เก-เกิดอะ-อะไรขึ้นกัน…”
และแล้วพวกที่เป็นอิสระก็เริ่มหลั่งน้ำตาออกมา ผู้ชายซึ่งเคยต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัวต่อชีวิตของพวกเขากำลังร้องไห้ด้วยความสุขจากใจจริง พวกเขามองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มในขณะที่น้ำตาไหลลงมา
“ขอบคุณและได้โปรด…ได้โปรดช่วยคนที่เหลือด้วย…”
ไม่ต้องพูดอะไรอีกเพราะพวกเขาแตกออกเป็นอนุภาคสีทองแล้ว มือของผมในตอนนี้ก็ยังไม่หยุดเล่นพิณ แต่กลับใส่พลังและมานามากขึ้นเพื่อส่งคลื่นออร่าของผมไปยังทหารที่เหลือซึ่งยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ขยับ
พลังของเพลงที่ผมส่งออกไปแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมทำให้เหล่าทหารที่ยืนอยู่ในขบวนเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบก่อนที่พวกเขาจะเริ่มส่งเสียงร้องแห่งความสับสน เท่านั้นยังไม่พอ คอร์รัปชั่นได้เข้าครอบงำพวกเขาและทำให้พวกเขาคำรามด้วยความโกรธ
เลือดไหลออกจากปากผมเพราะผลสะท้อน แต่ผมก็ยังไม่หยุดขยับมือ บาดแผลเริ่มปรากฏบนมือของผมขณะที่เลือดย้อมสายพิณที่ผมกำลังเล่นอยู่ แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขากรีดร้องด้วยความโกรธ มานาและออร่านักรบจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่ผมและบังคับให้ผมต้องถอยหลังไป ทหารทุกคนที่ยืนอยู่ทำการรวบรวมมานาขณะที่วิ่งเข้ามาหาผม มหาสมุทรสั่นสะเทือนจากการที่นักรบแห่งท้องทะเลเคลื่อนไหว แต่ระหว่างนั้นเองก็ได้มีคำพูดหนึ่งที่หลุดออกมา
“หยุด”
เสียงนั้นสงบและฟังดูมีอำนาจ เพียงคำง่ายๆ คำเดียวที่ผมได้ยินก็ทำให้ทุกอย่างหยุดลง…ไม่สิ พวกเขาถูกบังคับให้หยุดจากแรงกดดันที่ชายผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ปล่อยออกมา
ผมเงยศีรษะขึ้นไปเพื่อมองไปยังชายรูปงามที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ มานาที่มีมลทินยังคงล้อมรอบตัวเขาอยู่ แต่ร่องรอยของความบริสุทธิที่ขาดหายไปก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่เสียงร้องแห่งการต่อสู้บนใบหน้าของเขาบ่งบอกว่านี่เป็นความพยายามที่ละเอียดอ่อน
แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังหยิ่งยโสและมีอำนาจอยู่ลึกๆ แม้แต่คนที่ถูกคอร์รัปชั่นอยู่ก็ยังหยุด จิตไร้สำนึกของพวกเขาทำให้พวกเขาหยุดเนื่องจากความเคารพและความชื่นชมอย่างสุดซึ้งที่เคยมีต่อชายผู้นี้ ซาเวียร์เงยหน้าขึ้นมองเด็กชายที่ให้โอกาสเขาได้รับการปลดปล่อย โอกาสที่จะให้นักรบของเขาได้พักผ่อนอย่างสงบ
“ได้โปรด…”
ซาเวียร์พูดเพียงคำๆ เดียว แต่มันกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ของเขา ผมไม่ได้พูดอะไรและจับพิณแน่นขึ้นในขณะที่หายใจเข้าลึกๆ ชายคนหนึ่งที่เคยยืนอยู่บนจนสูงสุดของโลกนี้กำลังขอร้องผม นี่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังที่เขาได้รับและมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องปฏิเสธมันกันหล่ะ?
มานาทั้งหมดภายในร่างกายของผมสั่นขึ้น ผมใส่มันทั้งหมดลงไปที่มือของตัวเองก่อนจะต้องกัดปากด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเลือดที่ไหลลงไปตามสายพิณด้วยความมุ่งมั่น เนื่องจากการห้ามปรามของซาเวียร์ทำให้ทหารไม่สามารถต่อสู้กลับผมได้
“ข้าจะไม่ตายอย่างไร้ชีวิต
ข้าจะไม่อยู่ด้วยความหวาดกลัว
ไม่ว่าจะล่วงหล่นหรือถูกเผาไหม้
ข้าเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
เพื่อให้ชีวิตของข้าเปิดออก
เพื่อให้ข้าหวั่นเกรงน้อยลง
เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น
เพื่อคลายหัวใจของข้า
จนกลายเป็นปีก
คบเพลิง คำสัญญา
ข้าเลือกที่จะเสี่ยงกับสิ่งสำคัญของตัวเอง
ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งที่มาถึงข้าในฐานะเมล็ดพันธุ์
ไปที่ถัดไปเป็นดอก
และสิ่งที่มาเกิดแก่ข้าอย่างดอกไม้บาน
ไปเป็นผลไม้”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
อย่ายอมแพ้
พัฒนาหัวใจ
กำลังในประเทศของเจ้าที่มากเกินไป
หมดไปกับการพัฒนาจิตใจ
แทนหัวใจ
จงมีความเห็นอกเห็นใจ
ไม่ใช่แค่กับเพื่อนของเจ้าเท่านั้น
แต่สำหรับทุกคน
จงมีความเห็นอกเห็นใจ
จงทำงานเพื่อสันติภาพ
เพื่อหัวใจของเจาและเพื่อโลก
ทำงานเพื่อสันติภาพ
และข้าจะพูดอีกครั้ง
จงอย่ายอมแพ้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นรอบตัวเจา
จงอย่ายอมแพ้”
“เวลานั้นจะมาถึง
รุ่งอรุณแห่งวันใหม่
วันใหม่…
ให้อภัย, ลืมมันไป
และเดินหน้าต่อไป
ถามตัวเอง
ว่าต้องการทำซ้ำแบบเดิมหรือไม่?
อาจถึงเวลาแล้วสำหรับสิ่งใหม่”
ครั้งนี้เสียงของผมไม่มีแรง ไม่สั่นคลอน มันสงบและเยือกเย็น เพลงที่ผมร้องออกไปได้ล่องลึกเข้าไปในหัวใจของผู้ฟัง ครั้งนี้ผมทุ่มเทมานาและหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม ชั่วครู่หนึ่งภาพเลือนลางของครอบครัวในอดีตของผมก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งในไม่ช้ามันก็ถูกแทนที่ด้วยครอบครัวใหม่ของผม
ไม่มีอะไรในชีวิตที่เป็นนิรันดร์ เราทุกคนจะมีคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตเสมอ ในขณะที่คนเก่าๆ อาจจะจางหายไปบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจากไปแล้ว แต่มันหมายความว่าเราเติบโตขึ้นต่างหาก สิ่งเดียวที่เราทำได้คืออย่าลืมพวกเขา คราวนี้เสียงของผมเต็มไปด้วยอารมณ์
ทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกใจสั่น ภาพของพ่อแม่ ผู้เป็นที่รักและคนที่พวกเขาคิดถึงหรือสูญเสียปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา โลกเงียบลงและมีเพียงเสียงเพลงและบทกวีที่ผมเล่นอยู่เท่านั้นที่ดังอยู่ในโลก
ดวงตาของเกรซน้ำตาไหล เธอรู้สึกได้ถึงความสูญเสียในน้ำเสียงของเขา ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น นอร่า, เอลด้าและมิร่า ครอบครัวของออสตินรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน น้ำตาร่วงลงมาชั่วขณะ ทหารที่ได้ยินต่างก็หยุดเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์
มานาที่มีมลทินพยายามต่อสู้ พยายามดึงคอร์รัปชั่นกลับมา แต่คราวนี้มันกลับล้มเหลว ไม่วาคอร์รัปชั่นจะรุนแรงแค่ไหน…ก็ไม่อาจต่อกรกับความรักและความรู้สึกที่แท้จริงได้ ไม่ใช่ว่าสิ่งชั่วร้ายจะบังเกิดได้เพียงสิ่งเดียวในใจของผู้คน แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้และความปรารถนาเดียวที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าอยู่ด้วย
ทหารทุกคนเริ่มน้ำตาซึม มานาที่มีมลทินจากความมืดถูกลบออกไปอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดลืมตาตื่นแล้ว พวกเขาต่างรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งในตอนที่พวกเขามองไปยังเด็กหนึ่มซึ่งยืนอยู่บนเนินเขาก่อนที่ภาพอันสวยงามจะถูกสร้างขึ้นเมื่อเหล่าทหารเริ่มแตกออกเป็นอนุภาคสีทองกัน
ท้องฟ้าดูเปล่งประกายในตอนที่อนุภาคลอยอยู่บนท้องฟ้า สัมผัสได้ถึงแสงสะท้อนในท้องทะเล ทั้งบนบกและในทะเลต่างส่องแสงสีทองอร่ามตาแก่ผู้ที่พบเห็น นี่เป็นภาพที่ทุกคนที่ได้เห็นจะไม่มีวันลืมไปตลอดช่วงชีวิตของพวกเขาเลย
เป็นวันที่บรรดาชาวเลในอนาคตจะเรียกมันว่า…ส่วนที่เหลือของทะเลสีทอง
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต