The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 182 Fight End
คนทั้งสนามเฝ้าดูขณะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อตอนจบของการแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ร่างกายที่เหมือนเปลวไฟของมารัคพุ่งมาข้างหน้าในขณะที่ความร้อนจากร่างกายของเขาดูเหมือนจะทำให้บรรยากาศร้อนขึ้น มือของเขาเคลื่อนมาข้างหน้าในขณะที่เขาเข้ามาใกล้ผม มีเพียงความพร่ามัวเมื่อมือที่เหมือนเปลวไฟของเขาต่อยมาที่หน้าอกของผม
ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงรอบตัวเขาก็ดูเหมือนจะมีชีวิตเมื่อพวกมันตามหมัดของเขามาและแรงสะท้อนของหมัดที่ตามหลังมาด้วยความร้อนนั้นเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ดวงตาของผมวิเคราะห์พวกมันอย่างใจเย็นขณะที่มานาในตัวเพิ่มขึ้น ในไม่ช้าก็มีบาเรียหลายชั้นเริ่มปรากฎขึ้นมาล้อมรอบผมด้วยความเร็วสูง
นักเวทย์บางคนที่เฝ้าดูอยู่มีสีหน้าไม่เชื่อเมื่อเห็นความเร็วในการร่ายคาถาของผมที่เกิดขึ้น ในไม่ช้าหมัดของมารัคก็พุ่งเข้าใส่พวกมัน แม้ว่าด้วยพละกำลังอันมหาศาลของเขาก็ทำให้บาเรียร้าวเพียงเท่านั้น แต่ก็น่าเศร้าที่แรงสะท้อนหมัดของเขาพุ่งเข้าใส่พร้อมๆ กันทำให้รอยร้าวของบาเรียแตกกระจายออกไปพร้อมกับร่างกายของผมที่บินออกไป
และในขณะที่ผมกระเด็นออกไป นาริคก็มาปรากฏตัวเหนือผม ผมสามารถมองเห็นดวงตาที่เฉียบคมผ่านหมวกของเขาได้เลยในตอนที่เขาจามขวานลงมาเพื่อฟันผม มานาที่อยู่รอบๆ ดูเหมือนจะสั่นคลอนเมื่อขวานเคลื่อนเข้ามาหาร่างกายของผมด้วยความเร็วและนั่นยังไม่จบเพราะได้มีแส้นับร้อยตามเข้ามาล้อมโจมตีผมจากทุกหนทุกแห่งอีกด้วย
น่าเศร้าสำหรับพวกเขาที่การโจมตีของพวกเขาถูกกำหนดให้ล้มเหลวเมื่อพื้นดินด้านล่างแยกตัวออกเพื่อปกป้องผม ราวกับว่าโลกต้องการปกป้องผมจากทุกสิ่งที่เป็นอันตราย การโจมตีของนาริคลงสู่พื้นดินทำให้แผ่นดินระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในไม่ช้าแส้ที่ล้อมรอบเขาดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาขณะที่พวกมันเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อโจมตีผมหลังจากที่มองเห็นผมบางส่วน
แต่ในตอนนั้นเองกลับมีหอกดินนับร้อยพุ่งขึ้นมาจากพื้นเพื่อป้องกันแส้ที่ต้องการทำร้ายผม ในไม่ช้าก็มีเสาดินโผล่ขึ้นมาจากพื้นก่อนจะกระแทกทั้งนาริคและมาริคออกไป
ขณะที่ความสงบกำลังก่อตัวขึ้น โรไนโรก็ปรากฏตัวต่อหน้าผมด้วยความเร็วที่ผมไม่อาจเทียบได้
ก็นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิดหล่ะนะ…เมื่อโรไนโรขยับมือด้วยความเร็วจนทำลายกำแพงความเร็ว ขณะที่เรเปียร์ของเขาโจมตีผมมาอย่างน้อยร้อยครั้งและผมก็บินออกไปพร้อมกับเสียงตู้ม
ไม่มีใครนอกจากผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นที่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่ผมบินออกไปได้
ในไม่ช้าผมก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับที่มีฝุ่นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและปล่องภูเขาไฟก็ถูกสร้างขึ้นในตำแหน่งที่ผมร่อนลงมา
ในไม่ช้าความเงียบก็เกิดขึ้นมา ทุกคนเห็นเจ้าชายทั้ง 3 หอบขณะกำลังมองไปยังฝุ่นที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
การเปิดใช้งานและถือครองเทคนิคลับต้องใช้มานาจำนวนมากและพวกเขาก็กำลังใช้มันจนหมดแล้ว ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้ยินเสียงตบมือ
แปะ…แปะ…แปะ
ฝุ่นผงเคลื่อนตัวออกไปขณะที่ผมปรากฏตัวโดยที่ยังคงปลอดภัยดีและไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ เลย ผมต้องบอกเลยว่าเด็กเหล่านี้เก่งและแข็งแกร่งจริงๆ
ถ้าเป็นคนอื่นนอกจากผมที่ต่อสู้กับพวกเขาทั้ง 3 คน พวกเขาคงโดนจัดการไปแล้ว แต่น่าเศร้าที่พวกเขากำลังสู้อยู่กับผม
ผมมองเจ้าชายทั้ง 3 ด้วยรอยยิ้มขณะที่พูด
“ตอนนี้ผมสนุกมากเลย แต่น่าเศร้าที่ยังไม่ดีพอ แถมยังใช้เวลานานไปแล้วอีกด้วย เตรียมตัวกันให้พร้อมหล่ะเพราะถึงตาผมแล้ว”
และเมื่อผมพูดจบ ทุกคนก็มีสีหน้าจริงจัง หลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะโจมตีอย่างจริงจัง
ในไม่ช้าแสงก็สว่างวาบในร่างกายของผมขณะที่มันโฟกัสไปที่ขา นักเวทย์ระดับสูงที่เห็นสิ่งนี้ก็อดไม่ได้ที่ตาของพวกเขาจะกระตุกเมื่อเห็นสิ่งที่ผมกำลังทำ
ตอนนี้ผมกำลังแสดงการควบคุมธาตุแสงที่สมบูรณ์แบบอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกันกับธาตุดิน ไม่เพียงแต่ผมจะมีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์อย่างสูงสุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยิงธนูและการฝึกฝนร่างกายด้วย จนบางคนเริ่มคิดว่าพวกเขากำลังฝันอยู่ไปแล้ว
น่าเศร้าที่นี่ไม่ใช่ความฝันเพราะผมหายตัวไปจากจุดที่เคยยืนอยู่ก่อนจะปรากฏอีกครั้งตัวต่อหน้ามารัค
และก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้อะไรผมก็ชกเข้าไปที่ท้องของเขาเป็นร้อยครั้ง บริเวณรอบๆ จุดที่ผมชกดูเหมือนจะแตกออกพร้อมกับมารัคที่พ่นเลือดออกมาก่อนที่เขาจะสลบไปในขณะที่ร่างกายของเขาบินออกไป
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นในขณะที่ผมหายตัวไปอีกครั้งก่อนจะมาปรากฏตัวต่อหน้านาริคและจับขาของเขาไว้กับพื้นด้วยเวทย์ดิน
มือของผมขยับไปชี้ที่เขาก่อนที่ท้องฟ้าจะมีเสียงดังกึกก้องเมื่อสายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาจากท้องฟ้ากระทบกับนาริค เป็นเรื่องปกติที่เกราะน้ำของเขาจะทำให้เขาถูกย่างก่อนจะเข้าสู่นิทราไป
สุดท้ายผมก็หันไปหาโรไนโรที่อยู่ข้างหน้าตัวเองพร้อมกับกำลังกวัดแกว่งเรเปียร์ของเขามาที่ใบหน้าของผม แต่น่าเศร้าสำหรับเขาที่ความเร็วของเขาช้าเกินไปสำหรับผม
ผมเพียงแค่เทเลพอร์ตไปข้างหลังเขาก่อนจะจับคอเขาและเหวี่ยงเขาไปด้านข้าง ซึ่งขณะที่เขากำลังบินออกไป ก้อนหินรูปร่างคล้ายลูกบอลหลายร้อยก้อนก็พุ่งโจมตีเขาจากทุกทิศทุกทาง ในไม่ช้าเขาก็ถูกโจมตีจนสลบไปอีกคน
และด้วยเหตุนี้ผมจึงยืนอยู่ใจกลางเวทีอย่างเยือกเย็นท่ามกลางผู้ชมที่ตกตะลึง ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังผู้ชมพร้อมกับชูมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าตัวเองชนะแล้ว จากนั้นกรรมการก็ผละออกจากความงุนงง
“ผ-ผู้ช-ชนะคือ…ออสติน ไลออนฮาร์ท”
“โว้วววววว!!”
และด้วยคำพูดของผู้ตัดสิน ผู้ชมก็หลุดออกจากความงุนงงก่อนที่พวกเขาจะเริ่มปรบมือและในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มตะโกนชื่อของผมอย่างกระตือรือร้น
“ออสติน…ออสติน…ออสติน”
ผมยิ้มและโบกมือให้พวกเขา
ผมทำแบบนั้นอยู่อีก 2-3 นาทีก่อนที่จะเริ่มเดินออกไป ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งและทรงพลังนั้นต่างพูดไม่ออกและวิตกกังวลกันอย่างแท้จริง ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไป พวกเขาสามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงถึงความลึกของสิ่งที่ผมทำและความแข็งแกร่งของผมทำให้พวกเขากลัวมากขึ้นเพราะผมยังไม่ได้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงขีดจำกัดของตัวเองเลย!
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่ผู้คนกลัวมากที่สุดคือสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก และตอนนี้ผมก็ถูกจัดอยู่ในประเภทนั้นแล้ว หลังจากทักษะทั้งหมดที่ผมแสดงออกมานั้นน่าเหลือเชื่อมาก ผมค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองอยู่ในเรดาร์ของผู้ทรงพลังมากแล้ว แต่เดี๋ยวก่อนทำไมผมต้องสนใจด้วยหล่ะ?
‘ฉันคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะหยุดกั๊กพลัง’
ผมไม่ใช่ตัวเอกที่จะคอยกั๊กสิ่งที่ตัวเองทำได้ ฐานะของผมนั้นสูงมาก ยิ่งกว่านั้นผมยังมีมังกรที่ดุร้ายและเทพธิดาคอยปกป้องอยู่อีกด้วย
ในโลกนี้คงมีเพียงเทพธิดาสูงสุดเท่านั้นที่จะทำอะไรผมได้ แต่เธอคงไม่มาเสียเวลากับผมหรอกใช่ไหม?
แต่น่าเศร้าที่ในตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าเทพธิดาผมสีชมพูองค์หนึ่งกำลังเฝ้าดูตัวเองอยู่ และการเฝ้าดูผมก็ก่อให้เกิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น…
“เขาแข็งแกร่ง”
เอลล่าพูดขณะที่ขมวดคิ้ว
แต่น่าเศร้าที่คำตอบที่เธอได้รับคือความเงียบจากเด็กผู้หญิง 3 คนภายในห้องที่กำลังมองไปยังออสตินที่เดินออกจากสนามไปด้วยสายตาที่แตกต่างกัน
นอร่าภูมิใจ ในขณะที่โอลิเวียขมวดคิ้วและคาร์เมลมีสีหน้าจริงจังก่อนจะหันไปหาเอลล่าและพูดขึ้น
“เอลล่า เปลี่ยนระดับอันตรายสำหรับออสตินและกลุ่มของเขา”
“เอ่อ? ได้ค่ะ เราควรให้เขาอยู่ในระดับไหนดีคะ?”
คาร์เมลมองไปที่ออสตินที่จากไปก่อนที่เธอจะพูดอีกครั้ง
“ระดับนักบุญ….”
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต