The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 273 The Power I Hold
“แล้วเรามาที่นี่เพื่อคุยอะไรกันหล่ะ?”
ปีศาจวัยกลางคนที่หล่อเหลาถามในขณะที่เขาเอนหลังพิงเก้าอี้
เผ่าสิงโตตอบคำถามนั้น
“มันเกี่ยวกับการถือกำเนิดของจักพรรดิคนใหม่และองค์กร ‘นั่น’”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้อุณหภูมิในห้องก็เย็นลง และผู้ชายบางคนก็มีสีหน้าซีดเซียว ดูเหมือนความเกลียดชังจะก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา ในขณะเดียวกันผมเอนหัวพิงเบาะศีรษะในขณะที่จ้องมองทั้งหมดนี้ด้วยสายตาที่สงบ
“บัดซบ….แค่บอกข้อมูลที่พวกนายมีมาให้ฉันก็พอ ฉันจะฆ่าไอ้สารเลวพวกนั้นให้หมดเอง!”
ชายร่างใหญ่หูแหลมพูดขึ้น เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาแต่แตกต่างจากเอลฟ์ที่ผอมบางและซูบผอมคนๆ นี้คือคำจำกัดความของพลังกล้ามเนื้อ เขามีกล้ามเนื้ออยู่ทุกที่ ชายคนนี้เป็นคนของเผ่านิฟลินของเผ่าพันธ์เอล์ฟซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่หายากที่เน้นพลังกายมากกว่าพลังเวทย์ซึ่งหาชมได้ยากยิ่ง
“ใจเย็นๆ พี่ชาย เราทุกคนรู้ว่านายโกรธ แต่นี่เราต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด”
ราชาปีศาจพูด ชายคนนั้นมีผิวสีม่วงและมีดวงตาสองสีที่แตกต่างกันโดยที่พวกมันเป็นสีเขียวและสีแดง มีเขา 2 เขาเหมือนแพะที่มีสีเขียวและสีแดงงอกออกมาจากหัวของเขา เมื่อมองไปที่ชายกล้ามโตทั้งสิบเอ็ดคน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ
“จำไว้ว่าคนเหล่านี้พรากคนที่เรารักไป การแก้แค้นของเราต้องเจ็บปวดและสยดสยอง”
“เห้อออ…ฉันรู้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันนึกถึงวิธีที่เราฆ่าโซคาร์เลือดของฉันก็เดือดพล่านทุกทีเลย”
ทันทีที่ได้ยินชื่อโซคาร์ ทุกคนก็มีอารมณ์ที่ซับซ้อนในดวงตาของพวกเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนทรยศ แต่ก็ไม่ได้มีใครเกลียดเขา เพราะทุกคนรู้ว่าโซคาร์ทำในสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อปกป้องคนที่เขารักและหากพวกเขาเจอสถานการ์เดียวกัน พวกเขาก็อาจจะทำแบบเดียวกันก็ได้
ผมนิ่งเงียบขณะที่มองดูทั้งหมดนี้ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าโดยการหยิบเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นการกระทำของผม คนที่เหลือก็ทำเช่นเดียวกัน
ผมอ่านข้อมูลด้วยสายตาที่สงบนิ่งขณะที่มองผ่านเอกสารอย่างเงียบๆ และไม่กี่นาทีหลังจากนั้นผมก็ถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น
“เห้อออ…..ชักจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้วสินะครับ”
ไม่มีใครตอบคำพูดของผมในขณะที่พวกเขากำลังจมอยู่กับข้อมูลที่อ่าน มันไม่ได้เป็นเพียงความจริงที่ว่าบางอาณาจักรอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกมันแล้ว ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจมีเบี้ยอยู่แล้วหนึ่งตัวหรือมากกว่านั้น หากเราแตะต้องตัวใดตัวหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็จะตอบสนองเหมือนกับสายใยที่เชื่อมต่อกัน
การทรมานพวกมันนั้นไม่มีประโยชน์เช่นกัน พวกมันทั้งหมดมีวงเวทย์พิเศษบางอย่างบนพวกมันซึ่งจะฆ่าพวกมันโดยอัตโนมัติหากพวกมันพูดอะไรตาม ในขณะที่พวกที่ระดับสูงกว่าจะมีเครื่องหมายมรณะติดอยู่ พวกระดับสูงทั้งหมดนั้นบ้าไปแล้ว การจัดการกับพวกมันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว
“ดูเหมือนว่าเราจะพึ่งได้แค่แผนของออสตินเท่านั้นสินะ”
ในที่สุดราล์ฟก็พูดในขณะที่เขามองมาที่ผมด้วยสายตาที่ซับซ้อน คนอื่นๆ ที่เหลือก็ถอนหายใจเช่นกัน เพราะพวกเขาเข้าใจว่าผมคือความหวังสุดท้ายในการแก้แค้นของพวกเขา
ผมยิ้มและส่ายหัว
“ไม่มีปัญหาครับ พวกเราต่างก็รู้ว่าการจัดการกับ ‘เจ้าพวกนั้น’ ไม่เคยง่ายเลย สิ่งที่เราทำได้ที่นี่คือการเฝ้าระวังและหวังว่าจะเกิดการลื่นล้มเพียงครั้งเดียว นั่นคือเวลาที่เราจะโจมตีครับ”
“อ่า นั่นดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของเรา”
ราล์ฟพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในไม่ช้ารอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาพูด
“อย่างน้อยก็มีข่าวดีอยู่ ยินดีด้วยที่น้าของนายได้เป็นจักรพรรดิคนใหม่นะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และในไม่ช้าคนอื่นๆ ก็เริ่มแสดงความยินดีกับผม ทั้งหมดนี้ในขณะที่ผมยังคงยิ้มและรับสิ่งเหล่านี้เมื่อพวกเขาทั้งหมดเงียบลงผมก็พูดต่อ
“ทุกคนครับ ผมต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ ผมต้องการข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้ที่ฉวยโอกาสนี้กระทำกับน้าของผม ผมต้องการทราบทั้งหมด แม้กระทั่งรายละเอียดที่เล็กที่สุดก็ตามครับ”
“ได้เลย”
“อ่า ฉันจะดูว่าจะหาอะไรเจอบ้าง”
“ไม่ต้องห่วง เราจะทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ทันทีที่ผมพูดจบ คนที่เหลือก็เริ่มสนับสนุนผม พวกเขาทุกคนเต็มใจช่วยเหลือและผมก็ซาบซึ่งกับความช่วยเหลือของพวกเขา
ผมไม่เหมือนกับตัวเอกคนอื่นๆ ที่จะไม่สนใจและรอให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นก่อน ผมชอบที่จะดับปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นมากกว่า
ผมรู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำร้ายน้าของผมได้ และผมก็เชื่อมั่นในความสามารถของเธอ 100% แต่ผมก็ยังจะช่วยเธอ ถึงผมจะหน้าซื่อใจคด แต่ก็ช่วยไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมเป็น
ทำไมผมจะต้องวิ่งหาอำนาจและองค์กรมากขึ้น? ผมสามารถทิ้งปัญหาไว้ตามสบายและผ่อนคลายได้เสมอ ด้วยพลังที่ผมมีผมจะปลอดภัยจากการปะทะที่จะเกิดขึ้น
แต่ผมคงปล่อยไว้ไม่ได้สำหรับคนที่ผมห่วงใย ผมจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นี่ และผมก็ไม่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายเหมือนคนโง่ที่ต้องรับมือกับปัญหา หรือไม่อยากร้องไห้ออกมาหลังจากเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น ไม่…ตอนนี้ผมอาจจะต้องทนทุกข์หน่อย แต่ต่อไปชีวิตของผมจะได้พักผ่อนกับคนรักและครอบครัว
การที่ผมมีเส้นสายแบบนี้จะทำให้ผมพร้อมเสมอสำหรับทุกสิ่ง และผมก็มีพลังพอที่จะรับมือกับมันได้เช่นกัน แม้ว่าผมจะแสดงความสามารถทั้งหมด 100% ก็ยังมีคนโง่และบ้าที่ยังคงมุ่งเป้าไปยังสิ่งที่ผมห่วงใย ดังนั้นผมจะลงมือก่อนนั้น ด้วยข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในความทรงจำของผม ผมจะปกครองโลกจากความมืดและแสงสว่าง
“อ๊ะ! พึ่งนึกขึ้นได้ ราล์ฟคุณได้ข้อมูลที่ผมถามไปก่อนหน้านี้รึยังครับ?”
“อ่า ทุกอย่างอยู่ในมือของฉันแล้ว นายเพียงแค่ต้องส่งสัญญาณและข้อมูลทั้งหมดนี้จะออกมาในคราวเดียว”
ราล์ฟพูดด้วยรอยยิ้มซุกซนตอบสนองต่อคำพูดของผมอย่างตื่นเต้น
รอยยิ้มของผมเปลี่ยนเป็นนักล่าเมื่อได้ยินคำพูดของราล์ฟก่อนจะหันไปหาเขาและพูดต่อ
“งั้นก็เตรียมระเบิดได้เลย ผมอยากให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ครับ”
คำพูดของผมทำให้ราล์ฟยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เขามองมาที่ผมด้วยท่าทางเอือมระอาก่อนจะพูดขึ้น
“นายบ้ากว่าที่ฉันคิดจริงๆ นายรู้ถึงผลสะท้อนของการทำเช่นนี้แล้วใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะทำให้แน่ใจว่าหนี้เลือดจะต้องชำระด้วยเลือด”
เมื่อเห็นว่าผมอดใจไม่ไหวแล้ว ราล์ฟก็เพียงแค่ส่ายหัวในขณะที่เขาโฟกัสกลับมาที่การประชุม จากนั้นการพูดคุยก็ดำเนินต่อไปอีก 1 ชั่วโมงก่อนที่ทุกคนจะเริ่มแยกย้ายกันไป
“ออสตินนายจะมาด้วยไหม? เอเธน่าบอกให้ฉันชวนนายไปกินข้าวเย็นด้วยกันหน่ะ”
ระหว่างนั้นราล์ฟก็เดินเข้ามาหาผมแล้วพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
ได้ยินดังนั้นแล้วผมก็แสยะยิ้ม
“อะไรกันตาแก่? อิจฉาที่ภรรยาคุณใส่ใจผมมากกว่างั้นเหรอครับ?”
“ไร้สาระ! มันก็แค่เธอรู้สึกขอบคุณนายเท่านั้นแหละ”
“อ่า…อ๋า บอกตัวเองว่ายังงั้นไปเถอะครับ”
ผมส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ซึ่งผมแน่ใจว่ามันจะทำให้ราล์ฟโกรธมากขึ้น
“แล้วแกจะมาด้วยกันหรือเปล่า?”
“ไปสิครับ ผมไม่ได้กินฝีมือของคุณอาธีน่ามาสักพักแล้วด้วยครับ”
“ดี งั้นก็ไปกันเถอะ”
พูดดังนั้นแล้วเขาจึงเริ่มเดินไปที่ประตูที่เขามา พร้อมกับผมที่เดินตามเขาไป
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต