The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 275 Church Of Life
“อืม…ก็ไม่เลวนี่”
ผมพูดขณะที่เดินผ่านถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา ตอนนี้ผมได้ออกจากบ้านของเอเธน่าแล้ว โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นบ้าน 2 ชั้นที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีภายในพื้นที่ของเมืองหลวงของอาณาจักรทไวไลท์ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ที่มีเขตต่างๆ ที่แตกต่างกันสำหรับสิ่งต่างๆ
ใครจะไปคิดว่าผู้นำแห่งดาร์คไนท์จะอาศัยอยู่ที่นี่? ด้วยเงินและอำนาจ ราล์ฟสามารถซื้อคฤหาสน์ใดก็ได้ในพื้นที่ชั้นในและปล่อยให้มีสาวใช้และพ่อบ้านดูแลความต้องการของเขา แต่เอเธน่าไม่ได้ต้องการมัน ตัวเธอเองต้องการดูแลบ้านและเธอไม่ใช่คนที่คลั่งไคล้บ้านหลังใหญ่
เธอชอบบ้านเล็กๆ ที่เธอจะสามารถดูแลมันได้ในขณะที่เลี้ยงลูกๆ ไปด้วย ในบางแง่เธอค่อนข้างติดดินมากกว่า
สลัดความคิดของตัวเองออกไป ผมเดินอย่างสงบบนถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ แต่ละคนเดินไปตามถนนเพื่อเป้าหมายของตัวเอง
เมืองนี้มีมานาหนาแน่นสูง ในขณะที่อากาศสงบและสะอาด เหนือหัวผมนั้นมีเรือเหาะหลายลำกำลังเคลื่อนไปยังจุดหมายอยู่สูงเสียดฟ้าเหนือพระราชวังอันสวยงามคุณจะสามารถเห็นมันลอยแสดงอานุภาพและความงดงามของมันอยู่ได้ มันใหญ่โตมากจนแม้อยู่จะอยู่ไกลขนาดนี้ผมก็ยังเข้าใจถึงความใหญ่โตของมัน
เนื่องจากผมอยู่ในพื้นที่ธรรมดาๆ จึงไม่ค่อยมีใครแต่งตัวฟุ่มเฟือย และเนื่องจากผมปลอมตัวมา ผมจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก ไม่เช่นนั้นด้วยความนิยมในปัจจุบันของผม แค่แสดงใบหน้าของผมก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลายๆ คนหลั่งไหลเข้ามาหาผม
ตอนนี้ผมกำลังเคี้ยวอาหารที่ซื้อมาอย่างความสุขสงบแบบที่ไม่ค่อยได้มีนัก
แต่น่าเศร้าที่ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นานเมื่อผมหยุดอยู่กับที่ ตรงหน้าผมคือผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี เธอมีผมสีเขียวเป็นประกายและดวงตาของเธอถูกปิดตาไว้ ร่างกายของเธอถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมสีขาวทำให้เธอดูบริสุทธิ์พร้อมกับพลังชีวิตที่ทรงพลังมากจนสามารถสัมผัสได้จากร่างกายของผู้หญิงคนนั้น
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเธอ ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในตัวเองที่ถูกดึงดูดพร้อมกับผนึกแห่งชีวิตในตัวผมที่สั่นไหว แสดงถึงตัวตนของผมในฐานะบุตรแห่งชีวิต ทันทีที่สายตาของผมจับจ้องที่เธอ ผมก็เข้าใจได้ว่าเธอเป็นใครและผมแน่ใจว่าเธอเองก็รับรู้เช่นกันว่าผมเป็นใคร
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือผู้คนรอบตัวเธอดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของเธอ ราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเธออยู่ตรงนั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมหยุดเดินหรอก ไม่ใช่เลย…แต่มันเป็นเพราะแสงไฟแสดงสถานะที่กระพริบอยู่ข้างหน้าผมต่างหาก
+500 ความชอบ
+1,000 ความชอบ
+1,500 ความชอบ
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้แต้มความชอบที่เธอมีต่อผมนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่ารำคาญ จู่ๆ ความทรงจำของผมที่ได้พบกับนักบุญแห่งราเซลเลียก็แวบเข้ามาในหัวของผม ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเดจาวู ผมพอจะเข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงชอบผมเร็วขนาดนี้กันหล่ะ?
‘เดี๋ยวนะ เป็นไปได้งั้นเหรอ?’
ในไม่ช้าความเป็นไปได้บางอย่างก็แวบเข้ามาในความคิดของผม ทำให้ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เหตุผลก็ง่ายๆ
เป็นไปได้ไหมว่าเธอสามารถมองเห็นจิตวิญญาณของผมได้ด้วย?
ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันก็สมเหตุสมผลกว่า เพราะนักบุญหญิงมีแนวโน้มที่จะมี ‘รสนิยม’ เหมือนกันหรือมีความรู้สึกและความปรารถนาเช่นเดียวกับเทพธิดา
แน่นอนว่าในกรณีของผมนั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย เนื่องจากผมเป็น ‘ผู้เหนือกว่า’ ของพวกเธอ ความรู้สึกรักและเคารพที่พวกเธอมีต่อเทพธิดาของพวกเธอจะทวีคูณและส่งมาถึงผม
“เราไปหาห้องส่วนตัวคุยกันดีไหมครับ?”
ผมถามในที่สุดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งผู้หญิงที่ดูสงบและหน้าแดงเล็กน้อยก็พยักหน้า และในไม่ช้าเราก็อยู่ในบูธส่วนตัวเพื่อคุยกัน
ทันทีที่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างปลอดภัย ผมก็ปลดการปลอมตัวในก่อนจะนั่งพักผ่อนบนเก้าอี้ ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งตรงข้ามผมโดยที่ ‘ดวงตา’ ของเธอไม่เคยละสายตาไปจากผมเลย
แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ผมก็ต้องบอกเลยว่ามันน่าประทับใจมาก สำหรับผู้หญิงที่ความรู้สึกที่มีต่อผมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เธอกลับสามารถทำตัวสงบนิ่งต่อหน้าผมได้
“ว่าแต่ทำไมเราไม่มาแนะนำตัวเองกันก่อนหล่ะครับ?”
ผมถามด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ซึ่งผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าผมก็ผงกหัวของเธอ ความแดงบนใบหน้าของเธอยังคงมีอยู่ แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ส่วนผสมของความสงบและความแดงบนใบหน้าของเธอนั้นช่างเป็นฉากที่มีเสน่ห์จริงๆ
“อย่างที่ท่านคงทราบแล้ว ดิฉันคือนักบุญแห่งชีวิต ขอแสดงความยินดีที่ได้พบท่านเจ้าค่ะบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต”
หลังจากกล่าวดังนั้นแล้ว เธอก็ลุกขึ้นเพื่อโค้งคำนับให้ผม
ผมโบกมือให้เธอก่อนจะพูดขึ้น
“อ่าครับ ไม่จำเป็นต้องทำท่าทางแบบนั้นก็ได้ครับ แค่ทำตัวให้สบายและสงบต่อหน้าผมก็พอครับ”
“ตามที่ท่านปรารถนาเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของผม เธอก็ทำเพียงแค่ผงกหัวและนั่งลง ผ้าปิดตาบนใบหน้าของเธอทำให้ผมเข้าใจบุคลิกของเธอได้ยาก เพราะดวงตาทุกคู่คือหน้าต่างของจิตวิญญาณ ยิ่งกว่านั้นผมสงสัยว่าเธอเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างไรโดยที่คาดผ้าปิดตาอยู่?
“ท่านเป็นคนที่ติดต่อด้วยยากมากเลยนะเจ้าคะ”
ผู้หญิงตรงหน้าผมพูด ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“คุณดูเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ดังนั้นคุณน่าจะเข้าใจได้ว่าทำไมผมถึงปฏิเสธคำเชิญของคุณนะครับ”
อ่า…ถูกต้องแล้ว ตั้งแต่ผมกลับมาจาก ‘ความสนุก’ กับออร์เฟียส ผมก็ได้รับข้อความจากโบสถ์แห่งชีวิตสำหรับการพบปะกัน ซึ่งผมได้เมินข้อเรียกร้องนั้นไป
มันช่วยไม่ได้ เพราะผมมีหลายอย่างที่ต้องทำ บวกกับผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะจัดการกับพวกคลั่งศาสนาจริงๆ พวกเขาคงจะไม่ทำตัวหยาบคายต่อหน้าผมหรอกนะ?
ไม่เลย…พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด ฐานะของผมสำหรับพวกเขาจะต่ำกว่าออร์เฟียสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นการบูชาของพวกเขาที่มีต่อผมจึงไม่น้อยหน้าใคร โดยเฉพาะการที่เอลฟ์ทุกคนรักและบูชาออร์เฟียส ทำให้เธอเป็นเทพเจ้าหลักและเป็นที่รัก
“บอกดิฉันได้ไหมเจ้าคะว่าทำไมบุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่สนใจที่จะเปิดเผยตัวงั้นเหรอคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นถาม คราวนี้เธอนั่งตัวตรงในขณะที่ใบหน้าที่ปิดตาของเธอกำลังมองมาที่ผม
ถ้าผมไม่มีระบบ ผมคงคิดว่าเธอคงไม่ชอบหน้าผมไปแล้ว แต่น่าเศร้าที่ผมมีระบบนี้
+2,000 ความชอบ
+2,000 ความชอบ
‘คุณผู้หญิง คุณจะแสดงไปอีกนานแค่ไหนกัน?’
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่ไม่สนใจที่จะเปิดเผยตัวในตอนนี้ สำหรับตอนนี้ผมแค่ต้องการสนุกกับชีวิตในสถานศึกษาของผม ไม่ได้ต้องการความเคารพนับถือในทุกทีที่ผมไป”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ นั่นคงทำให้สิ่งต่างๆ ยากขึ้นสินะคะ”
“เปล่าๆ ผมบอกว่าจะไม่เปิดเผยตัวตอนนี้ แต่หลังจากผมจบจากสถาบันการศึกษา เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ครับ”
“ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอเจ้าคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ผมก็ยั้งความคิดไว้ในขณะที่ส่ายหัว
“ครับ นี่คือการตัดสินใจสุดท้ายของผมครับ”
“เจ้าใจแล้วเจ้าค่ะ…..ถ้างั้นดิฉันจะทำตามนั้นเจ้าค่ะ”
“ดีครับ…ทำไมคุณไม่บอกชื่อตัวเองให้ผมรู้หน่อยหล่ะครับ?”
ผมถามด้วยรอยยิ้มขณะเพลิดเพลินไปกับสถานการณ์ตอนนี้ ผ้าปิดตาของเธอทำให้ผมรู้บุคลิกที่แท้จริงของเธอได้ยากจริงๆ คำถามของผมทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าเธอก็ตอบกลับมา
“ดิฉันชื่อเฮร่าเจ้าค่ะ”
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต