The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 322 The Hero Keeps Falling
“ทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัวที่กำลังจะมาถึงใช่ไหม?”
ผมถามอเล็กซ์ซึ่งเป็นสมองของกลุ่ม
“ใช่ สมาชิกอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคนพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมสำหรับปฏิบัติการแล้ว”
อเล็กซ์ตอบพร้อมส่งเอกสารที่มีข้อมูลที่ผมต้องการมาให้
“แล้วว่าหน้าใหม่หล่ะ?”
ผมถามอเล็กซ์อีกครั้ง
“นับตั้งแต่ข้อมูลของคุณที่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อไปของจักรพรรดินีธนูถูกปล่อยออกมา เราก็มีสมาชิกที่มาสมัครเข้ากลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางส่วนก็ไม่เลว”
อเล็กซ์ตอบกลับ
ผมผงกศีรษะเพื่อขอบคุณกับสิ่งที่เขาทำ
“แล้วการฝึกการต่อสู้แบบกลุ่มหล่ะ?”
ผมถามโดยที่คราวนี้มุ่งตรงไปที่รินะและเจค็อบ โดยที่รินะพูดก่อนด้วยรอยยิ้มอันกระหาย
“ฉันกำลังดูแลเรื่องนี้อยู่ แต่มันคงต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่ฉันจะทำให้พวกเขาทั้งหมดทำงานร่วมกันได้ อีโก้ของพวกเขาทำให้เกิดความขัดแย้งหน่ะ”
คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พวกนายวางแผนที่จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?”
ผมตั้งคำถามขึ้นมา
“แน่นอนครับ เราจะฟาดพวกมันให้แหลกเป็นชิ้น!”
เจค็อบตอบโดยเกร็งกล้ามเนื้อของเขามาหาผม
ผมพยักหน้าให้กับคำพูดของเขาขณะส่งข้อความที่ละเอียดอ่อนไปยังรินะ ผู้มีอารมณ์มั่นคงกว่า
“ดี…จะทำยังไงก็ได้ แต่เมื่อจบการฝึก ฉันอยากให้ทุกคนสู้ร่วมกันได้เหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ เข้าใจนะ?”
“ครับ/ค่ะ”
ทั้งเจค็อบและรินะตอบพร้อมกันโดยมีไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาของพวกเขา
ผมรู้สึกสงสารผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาคงจะต้องลำบากมากแน่ๆ
“การฝึกลอบสังหารเป็นยังไงบ้าง?”
ผมจ้องมองไปที่ซานะขณะที่คำถามของผมมุ่งตรงไปทางเธอ
เมื่อเห็นว่าผมมองมา สายตาของเธอก็เริ่มสงบมากขึ้นขณะตอบคำถาม
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อาม่อนเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยม เราสองคนคืบหน้ากันมาก ทุกอย่างน่าจะพร้อมภายใน 2 เดือน”
“ดี ทำต่อไปนะ”
ผมยิ้มให้เธออย่างเต็มใจ ทำให้เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย
คนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้คืออาม่อน เนื่องจากผมได้ส่งเขาไปทำภารกิจที่สำคัญกว่า
“กลุ่มฮีลเลอร์เป็นยังไงบ้าง?”
คำถามถัดไปของผมคือสำหรับคลาร่า
“เป็นไปตามแผนค่ะ ฉันได้ตัวฮีลเลอร์ดีๆ มาแล้ว พวกเขาจะมีประโยชน์ในระยะยาวค่ะ”
“โอเค…ถ้าเธอต้องการเงินทุนเพิ่มเติมก็แจ้งมาได้เลยนะ”
ผมพยักหน้าขอบคุณเธอแล้วหันไปทางเอ็มม่าซึ่งมีกระต่ายอยู่บนตักของเธอขณะที่เธอลูบมัน
“การฝึกซัมมอนเนอร์หล่ะ?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ ฉันได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่มาด้วยค่ะ”
“โอเค…ถ้าเธอต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษก็บอกมานะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เอ็มม่ายิ้มอย่างมีความสุขขณะยอมรับคำพูดของผม จากนั้นผมก็หันไปทางคนรักฝาแฝดที่น่ารักทั้ง 2 คน
“มิกะ ริกะ การฝึกของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”
“มีปัญหาเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”
“พวกเขาต้องฝึกเพิ่มเติมค่ะ”
ริกะที่ผ่อนคลายที่สุดพูดด้วยรอยยิ้มก่อน ในขณะที่มิกะที่เข้มงวดกว่ารักษามาตรฐานของเธอ
ผมตั้งใจฟังคำพูดนั้นและไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งในก่อนจะพูดขึ้นมา
“ถ้าพวกเขาพร้อมแล้วก็เพิ่มความท้าทายให้พวกเขาหน่อยนะ พวกเขาต้องการประสบการณ์มากกว่านี้”
“โอเค ~ ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ริกะตอบก่อนในขณะที่มิกะพูดตามมา
เมื่อมองพวกเธออยู่ครู่หนึ่งผมก็รู้สึกคิดถึง ทั้ง 2 คนมาไกลมากแล้ว ริกะจากที่ขี้อายกลายเป็นคนเปิดกว้างและเป็นมิตรมากขึ้น ในขณะที่มิกะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะเปิดกว้างและฉลาดมากขึ้น
“ลาโนร่าการรับสมัครเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำถามของผม รอยยิ้มเครียดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลาโนร่าขณะที่เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่ว
“มันต้องใช้เวลา ตอนนี้นายไม่มีชื่อเสียงดีที่สุดในฝั่งปีศาจ”
“ฉันรู้….”
เมื่อได้ยินเธอตอบ ผมก็ทำได้แต่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็มีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจก่อนที่ผมจะพูดขึ้นมา
“เธอช่วยเรียกพวกเขาไปยังสถานที่ที่ทำให้ฉันพบพวกเขาแบบตัวต่อตัวได้ไหม?”
“ฉันทำได้ แต่นายจะทำอะไรหล่ะ?”
ลาโนร่าถามด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ
“ง่ายๆ ฉันจะร้องเพลงให้พวกเขาฟัง”
“โอ้! นั่นอาจจะได้ผลก็ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม แววตาของลาโนร่าก็แสดงความตื่นเต้นออกมา
เธอสามารถเข้าใจแผนการของผมได้อย่างง่ายดายจากคำพูดของผม
“ฝากจัดการทีนะ”
ผมออกคำสั่ง
“ค่ะท่าน!”
ลาโนร่าตอบอย่างสนุกสนาน
“แล้ววว…ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้นหล่ะ?”
ผมถามไนล่าที่ดูเหมือนจะขมวดคิ้วมาระยะหนึ่งแล้ว คำถามของผมมีแต่ทำให้เธอสับสนมากขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก…ก็แค่ฉันรู้สึกได้ถึงความผูกพันของแวมไพร์?”
ไนล่าพูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวใจของผมก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น แต่ภายนอกของผมกลับสงบ
“อ๋อ…นั่นอาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ฉันกำลังรับมือกับลูกครึ่งแวมไพร์อยู่หล่ะมั้ง”
“อะไรนะ?!”
คำตอบของผมได้รับการตอบสนองอย่างหนักในขณะที่ไนล่ามองมาที่ผมด้วยสายตาที่เบิกกว้าง เนื่องจากการมีอยู่ของลูกครึ่งแวมไพร์ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบสติอารมณ์ลงก่อนจะถามต่อ
“นายช่วยอธิบายกว่านี้ได้ไหม?”
“ได้สิ…หากเธอมีข้อสงสัยมากกว่านี้ เราค่อยมาพูดคุยกันหลังการประชุมแล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบของผม เธอก็พยักหน้ารับคำพูดของผม จากนั้นดวงตาของผมก็มองไปที่เลโอนาร์โดที่เงียบสนิทมาตลอดการประชุม
“ภารกิจของนายเป็นยังไงบ้าง? ฉันได้ยินมาว่านายมีปัญหาบางอย่างงั้นเหรอ?”
“ฉันโอเคดี ขอบคุณที่ถาม”
เลโอนาร์โดตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เป็นการไม่เคารพซึ่งทำให้คนรอบข้างขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนนายจะอารมณ์ไม่ดีนะ มีปัญหาอะไรหรือมีปัญหาภายในกลุ่มหรือเปล่า?”
ฉันถามด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เหนื่อยหน่ะ”
เลโอนาร์โดตอบด้วยรอยยิ้มเคร่งเครียด โดยตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ผมเลิกสนใจเขาแล้วมองไปรอบๆ
“มีใครมีปัญหาอะไรจะพูดบ้างไหม?”
หลังจากถามแล้ว ผมก็เงียบไปเพื่อดูว่ามีใครมีปัญหาอะไรไหม โชคดีที่เหลือแต่ความเงียบ และในขณะที่ผมกำลังจะจบการประชุม เลโอนาร์โดก็ยกมือขึ้น
“ว่าไง?”
เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็ปล่อยให้เขาพูด
“ฉันขอเจอโซเนียหน่อยได้ไหม?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงขู่เล็กน้อย
“โทษทีนะ แต่ฉันไม่ใช่เจ้าของโซเนีย หากนายต้องการพบเธอก็แค่ไปพบเธอ”
“แต่เธอปฏิเสธที่จะพบฉัน และคลาร่าก็กันเธอไว้ห่างจากฉันด้วย”
เลโอนาร์โดพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็มองไปทางคลาร่าที่กำลังขมวดคิ้วอยู่
คลาร่ามองไปทางเลโอนาร์โดขณะพูด
“ฉันเสียใจที่ต้องพูดแบบนี้นะคะเลโอนาร์โด แต่โซเนียไม่ต้องการพบคุณ และฉันจะขอบคุณมากหากคุณอยู่ห่างจากเธอไว้ค่ะ”
“ทำไมฉันต้องทำตามด้วย?”
เลโอนาร์โดพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดพร้อมกับมานาที่ถูกปล่อยออกมาจนทำให้ห้องสั่นเล็กน้อย
ตอนนี้ทุกคนขมวดคิ้ว โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของคลาร่า
“อย่าให้มันมากเกินไปนะเลโอนาร์โด”
ริกะพูดโดยที่รอยยิ้มที่เธอมักจะมีหายไป พร้อมกับที่จู่ๆ บรรยากาศในห้องก็เริ่มแย่ลง
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็เข้าไปแทรกแซง
“เลโอนาร์โดควบคุมตัวเองซะ มันเป็นสิทธิ์ของโซเนียว่าเธอต้องการพบนายหรือไม่ ช่วยอย่าให้มันมากเกินไปด้วย”
“แกต้องการให้มันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
ทันใดนั้นเลโอนาร์โดก็พูดด้วยน้ำเสียงกล่าวหาว่า
“นายหมายความว่ายังไง?”
ผมถามโดยที่คราวนี้น้ำเสียงของผมไม่เป็นมิตรอีกต่อไป
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้ยินมาว่าคุณผลักไสโซเนียเพื่อนของคุณออกไป อย่าพูดถึงสิ่งที่คุณไม่รู้ด้วยค่ะ”
คลาร่าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดและดึงเลโอนาร์โดกลับมา
“!-”
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรได้ เอลด้าก็พูดขึ้นมา
“เลโอนาร์โดอย่าพูดจาแบบนี้กับพี่ชายของฉันด้วยค่ะ”
เสียงอันไพเราะของเอลด้าทำให้เลโอนาร์โดเงียบลง ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ข้างเขาในตอนนี้
“ขอโทษที ดูเหมือนว่าฉันยังไม่ได้พักผ่อนเลย ขอตัวก่อน”
พูดเช่นนั้นแล้วเขาก็ออกจากห้องไปโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผม และตอนนี้บรรยากาศที่น่าอึดอัดก็เต็มห้องดั่งที่ผมต้องการ
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต