The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 34 Chaos(5)
หลังจากผ่านไป 5 นาที สัตว์ประหลาดกลุ่มใหม่ 30 ตัวก็เริ่มปรากฏขึ้นมา แม้ว่าผมจะดื่มยาที่ทำให้ตัวเองไม่รู้สึกเจ็บปวดเข้าไปแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงรู้สึกฝืดๆ อยู่ แม้ว่าผมจะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ร่างกายก็ยังตอบสนองเหมือนร่างกายที่เจ็บปวดตามปกติ
เมื่อผมมองไปที่กลุ่มสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นก็พบว่ามีบางตัวที่ไม่เหมือนเดิม พวกมันมีแม้กระทั่งมือสังหารที่ถือมีดสั้นอยู่ภายในมือเพิ่มเข้ามาใหม่และมีกระทั่งตัวที่ถือโล่ด้วย!!
‘เริ่มเข้าใจแล้วซิว่าทำไมถึงมีอัตราสำเร็จเพียงแค่ 0.001%’
รอบที่ 6 ยังหนักขนาดนี้ รอบต่อๆ ไปจะเป็นยังไงกัน? มันมีกี่รอบกันแน่?
ครั้งนี้ผมไม่อยากเสี่ยงเลยรีบดึงลูกธนูเปลวเพลิง ความว่างเปล่าและความโกลาหลออกมาก่อนจะวางพวกมันไว้บนคันธนู
[ ไอเท็ม : ลูกธนูเปลวเพลิง
คำอธิบาย : ลูกธนูที่สร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่โลกิ
การใช้งาน : เป็นลูกธนูแบบ AOE(สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง) ซึ่งเมื่อยิงออกไปครั้งหนึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ(เทวีสุริยัน?)
ราคา : 5,000 ]
[ ไอเท็ม : ลูกธนูความว่างเปล่า
คำอธิบาย : ลูกธนูที่สร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่โลกิ
การใช้งาน : เป็นลูกธนูแบบ AOE(สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง) ซึ่งท้าทายการป้องกันอย่างสมบูรณ์และกวาดล้างศัตรูออกจากแผนที่
ราคา : 5,000 ]
[ ไอเท็ม : ลูกธนูความโกลาหล
คำอธิบาย : ลูกธนูที่สร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่โลกิ
การใช้งาน : เป็นลูกธนูแบบ AOE(สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง) ซึ่งสร้างความโกลาหลเมื่อยิงออกไป ศัตรูทั้งหมดจะสับสนและอาจโจมตีพันธมิตรของตนเองได้
ราคา : 5,000 ]
เมื่อผมกำลังจะยิงธนูใส่พวกมันก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่างจากด้านหลังของตัวเอง ประสาทสัมผัสที่ผมพัฒนาขึ้นจากการต่อสู้กับสัตว์ร้ายหลายตัวมีประโยชน์มาก ผมหลบโดยการกลิ้งในทันที
ขณะที่ผมยืนขึ้นเจ้าพวกตัวที่เหมือนนักฆ่าหลายตัวก็ปรากฏตัวขึ้นมา ผมรีบยกธนูขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองและป้องกันการโจมตีบางส่วน แต่ในขณะนั้นเองลูกธนูความว่างเปล่าและความโกลาหลก็หัก!!
ผมใช้ระเบิดควันอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดตัวเอง ผมเปิดใช้งานสร้อยที่ข้อมือ (น่าจะเป็นไอเท็มที่ใช้แอบดูอาจารย์ในป่า) อย่างรวดเร็วเพื่อหายตัวไปในควัน ในขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากทางพวกนอร่า
หลังจากผมรีบออกจากควันมาก็พบกับพวกสัตว์ประหลาดหลายตัวที่กำลังลุมโจมตีบาเรียที่ผมกางไว้ให้พวกเธออยู่ ทั้งดาบ หอก และเวทต่างๆ ถูกระดมโจมตีใส่บาเรีย
‘เห้ออออ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร บาเรียนั่นสามารถรับการโจมตีของนักรบต้นกำเนิดระดับ 10 ได้เลยนะ’
ผมเผลอผ่อนคลายร่างกายจนกระทั่งเห็นรอยแตกปรากฏขึ้นบนบาเรียนั่น
‘ได้ยังไงกัน?!’
ไม่ใช่ว่าเอเลนอร์บอกว่ามันสามารถอยู่ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงงั้นเหรอ? มันพังได้ยังไงกันวะ?
‘เดี๋ยวก่อนะ หรือว่า?’
‘ระบบ ทุกสิ่งภายในพื้นที่นี้ถูกระงับไว้ที่ต้นกำเนิดระดับ 3 ใช่ไหม?’
[ ถูกต้อง ]
ได้ยินดังนั้นผมเกือบอยากสาปแช่งบรรพบุรุษลุคจริงๆ
โดยไม่รอช้าผมรีบถอยห่างออกจากสนามรบและปลดผลของสร้อยข้อมือล่องหน
สัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ที่สังเกตเห็นผมต่างรีบพุ่งเข้ามาหาผมในทันที ผมรีบใช้ลูกธนูความโกลาหล ความว่างเปล่าและเปลวเพลิงยิงใส่พวกมันพร้อมกับเพิ่มจำนวนของลูกธนูไปด้วยในทันที
ลูกธนูแห่งความโกลาหลพุ่งเข้าใส่พวกจอมเวทและนักดาบจนทำให้พวกมันหันมาสู้กันเองอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ลูกธนูเปลวเพลิงสร้างกำแพงไฟใส่พวกนักธนูและลูกธนูความว่างเปล่าได้ดูดเอาโล่บางส่วนที่พวกมันถืออยู่ออกมาอย่างรวดเร็ว
ผมใช้ [Arrows Fall] ไม่ได้เพราะอาจจะไปโดนบาเรียที่พวกนอร่าอยู่ ผมเลยรีบเอาธนูปกติออกมาใช้โดยร่าย [เร่งความเร็ว] [เจาะเกราะ] และ [ล็อคเป้า] บนพวกมันก่อนจะยิงออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสริม [ทวีคูณ] เข้าไปด้วย
มานาจำนวนมากของผมถูกสูบไปในรวดเดียวพร้อมกับร่างกายที่รู้สึกอ่อนล้า
ขณะที่ผมกำลังหอบหายใจอยู่นั้นก็ได้มีมีดสั้นหลายเล่มพุ่งมายังตำแหน่งของผมแล้ว โดยที่ผมเห็นว่าตัวเองไม่น่าจะสามารถหลบพวกมันได้ทันแล้วเลยเคลื่อนไหวโดยเลี่ยงจุดที่ร้ายแรงแทน
มีดสั้น 2-3 เล่มแทงเข้าที่แขน ต้นหาและไหล่ของผม หลังจากเลี่ยงการโจมตีแรกของพวกมันได้แล้วผมก็เปิดใช้เวท [ปลดปล่อย] อย่างรวดเร็ว โดยก่อนที่พวกสัตว์ประหลาดจะทันได้ตอบสนองอะไรก็มีหนามหินแหลมหลายอันโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิบพร้อมกับเสียบพวกมันที่อยู่ใกล้ผมไปหลายตัวแล้ว
เกรซที่เห็นว่าออสตินถูกโจมตีด้วยมีดสั้นหลายเล่มนั้นเกือบจะเป็นลมจากภาพที่เห็น
ขณะที่ผมฆ่าพวกมันรอบๆ ตัวเองหมดแล้ว ผมก็บังคับตัวเองให้หยิบลูกธนูออกมาและยิงพวกมันอีก 3 ตัวที่กำลังโจมตีบาเรียของพวกนอร่าอยู่จนสังหารพวกมันได้
‘แฮ่ก…ในที่สุดก็จบสักที’
ในขณะที่ผมกำลังจะพักผ่อนอย่างโล่งใจอยู่นั้นเองก็ได้มีเจ้าตัวที่เหมือนนักฆ่าตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มันแทงมีดตรงบริเวณหน้าอกของผมอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ผมเหนื่อยเกินไปเลยไม่สามารถขยับได้แล้ว ผมไม่สามารถหลบมันได้และทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้เมื่อมีดของมันพุ่งเข้าสู่หัวใจของผม
ทุกคนที่ดูอยู่ต่างหวาดกลัว
ขณะที่มีดของมันกำลังจะเคลื่อนเข้ามาใกล้หัวใจของผมนั้นเอง ได้มีอักษรรูนบางอย่างถูกเปิดใช้งานอย่างรวดเร็วบนร่างกายของผม ทำให้เกิดแสงที่รุนแรงจนทำให้ผมต้องหลับตา หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีผมก็ลืมตาขึ้นมาและเห็นผู้หญิงร่างสูงผมสีดำยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง
‘อาจารย์?’
ก่อนที่ผมจะทันได้ถามอะไร ผมก็เห็นเจ้าสัตว์ประหลาดนักฆ่าที่อยู่ด้านหน้าระเบิดตายไป หลังจากนั้นเธอก็หันมามองผม ผมที่กำลังจะรีบเดินเข้าไปถามเธอกลับต้องหุบปากทันทีเมื่อเห็นสายตาของเธอ
ดวงตาของเอเลนอร์ที่ผมเห็นตอนนี้มีความเย็นชา ความโกรธและความเดือดดาลที่กำลังลุกโชนอย่างมาก ขณะที่เธอกำลังจะพูดกับผม ก็ได้มีช่องว่างเกิดขึ้นรอบตัวเธอก่อนที่เธอจะถูกมันดูดเข้าไป
ในห้องรับชมทุกคนต่างกลั้นหายใจกันเมื่อเห็นฉากที่มีดเกือบจะเสียบเข้าไปในหัวใจของออสติน หัวใจของเกรซแทบจะหลุดออกจากอก
ในช่วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจนี้เองที่เกิดแสงสว่างวาบขึ้นรอบๆ ตัวออสตินก่อนจะปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าของเขา เธอมีผมสีดำและมีผ้าคลุมปิดหน้าอยู่ เธอถือหัวของสัตว์ประหลาดที่ตัวระเบิดหลังจากแสงสว่างหายไปอยู่
ขณะที่เธอกำลังหันไปทางออสติน ทันใดนั้นเธอก็ถูกช่องว่างดึงตัวไปซะก่อนและครู่ต่อมาเธอก็มาปรากฏตัวขึ้นในห้องรับชม
ผู้คนในห้องเริ่มตึงเครียดกันทันที แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ขยับตัวเกรซก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“หยุดก่อน เธอคือจักรพรรดินีธนู เธอไม่ใช่ศัตรู”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เกรซพูดทุกคนก็สงบลงและเริ่มมองเอเลนอร์ขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความสนใจ แม้แต่โอลิเวียเองก็สนใจเธอเช่นกัน
เนื่องจากเอเลนอร์เป็นระดับจักรพรรดิซึ่งเป็นผู้หญิงที่หายาก เธอเลยเป็นเป้าหมายของเด็กสาวหลายๆ คนที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นเหมือนเธอ
ขณะที่ทุกคนกำลังมองไปที่เอเลนอร์นั้นเอง เธอกลับกำลังมองไปที่หน้าจอซะงั้น ถ้าพูดให้ถูกคือเธอกำลังมองไปที่ภาพของออสตินที่กำลังมีเลือดออกอยู่ เมื่อเห็นภาพนั้นความกระหายเลือดที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอเกือบจะเริ่มแพร่กระจายออกมา ทำให้ทุกคนในห้องตัวแข็งทื่อ
“พอได้แล้วจักรพรรดินีธนู เธอไม่ใช่จักรพรรดิคนเดียวที่นี่หรอกนะ”
บรูซเข้ามาเพื่อขัดขวางไม่ให้เอเลนอร์อาละวาดไปมากกว่านี้ ความกระหายเลือดของเธอหายไปอย่างรวดเร็วและเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
เธอพูดเพียงแค่ 1 ประโยค แต่ว่าแต่ละคำที่เปล่งออกมากลับเย็นชาและไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่เลย ในตอนนี้เองที่เกรซดึงความมั่นใจของเธอขึ้นมาก่อนจะออกมาอธิบายสถานการณ์ให้อีกฝ่ายฟัง
ยิ่งเกรซพูดมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าความโกรธในตัวเอเลนอร์เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเกรซพูดจบลงเอเลนอร์ที่อยู่ในห้องก็หายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมตัวเอง
“พวกคุณปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”
ในตอนที่เอเลนอร์พูดขึ้นเธอก็ปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาจนทำให้หลายคนต้องถอยห่าง
“พอได้แล้ว!”
บรูซตะโกนขึ้นพร้อมกับปล่อยพลังเพื่อตอบโต้เอเลนอร์
“ถ้าขืนเจ้ายังไม่หยุดเจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับจักรวรรดิเอซเรอิล”
ตอนนี้สถานการณ์ที่ตึงเครียดกำลังเกิดขึ้น แต่การต่อสู้ไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากเอเลนอร์เก็บพลังของเธอกลับเข้าไปก่อนที่จะหันความสนใจกลับมาที่หน้าจอ
ตอนนี้รอบที่ 7 เริ่มขึ้นแล้วและดูเหมือนว่าออสตินจะยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับมันเลย
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต