The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 380 Farrah Alberdo
“เรามาปลุกเธอกันเลยดีไหม?”
ผมพูดขึ้นมาในขณะที่ AI ยอมรับคำพูดของผม
“ตามที่นายท่านประสงค์ขอรับ”
AI ตอบกลับโดยที่ผมเดินเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนั้นมากขึ้น ในขณะที่สายตาของผมกวาดสายตาไปรอบๆ ร่างอันงดงามนั้นอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นผมก็วางมือลงบนกระจกพร้อมกับที่ลวดลายการเข้ารหัสบนตัวผมที่เริ่มส่องแสงสีแดงขึ้นมา
สิ่งนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อร่างภายของเธอเมื่อมีแสงสีแดงเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟาร์ร่า
กระจกบนโลงเปิดออกก่อนจะมีแรงระเบิดเย็นๆ เข้ากระทบหน้าผม
มือของผมสัมผัสกับน้ำแข็งที่กักขังฟาร์ร่าอยู่โดยตรงก่อนที่ลวดลายบนตัวผมจะเริ่มส่องสว่างมากขึ้น
น้ำแข็งเริ่มหมุนวนไปรอบๆ หลังจากนั้นในไม่ช้ามันก็กลายเป็นเพียงของเหลวที่อุ้มหญิงสาวไว้ข้างใน
เมื่อของเหลวก่อตัวขึ้น มือของผมก็เคลื่อนผ่านมันจนวางนิ้วชี้ลงบนหน้าผากของเธอ ผมสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงที่ไม่เหมือนใครระหว่างเรา 2 คน
อยู่ๆ ก็มีข้อความที่ผิดปกติเข้ามาในใจผม แต่ผมก็สามารถเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย นิ้วชี้ของผมขยับจากหน้าผากของเธอไปยังริมฝีปากสีแดงอันชุ่มฉ่ำของเธอ
หลังจากนั้นปากของเธอก็เปิดออกและกัดนิ้วของผมเล็กน้อยทำให้เลือดหยดหนึ่งของผมหยดเข้าไปในปากของเธอ
เลือดที่เข้าสู่ปากของฟาร์ร่าทำให้ร่างกายของเธอเริ่มเปล่งประกายสีแดงสดใสยิ่งขึ้นพร้อมกับการเข้ารหัสบนร่างกายของผมที่เริ่มสั่นไหว
หลังจากนั้นผมก็เอามือออกไปและถอยหลังไป 2-3 ก้าว เพื่อจ้องมองร่างที่ผอมแห้งอยู่ในน้ำนั้น
ลวดลายสีแดงบางเส้นเริ่มปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟาร์ร่าก่อนมันจะฝังลึกเข้าไปในร่างกายของเธอ
ตอนนี้ร่างกายของเธอสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับที่ของเหลวรอบๆ ดูเหมือนจะเข้าไปในปอดของเธอทำให้ร่างเธอสั่นมากขึ้นกว่าเดิม
ร่างกายของเธอสั่นหนักขึ้นเรื่อยๆ จนจู่ๆ ทั้ง 2 มือของฟาร์ร่าก็จับขอบโลงก่อนจะลุกขึ้นมา
“แค่ก…..แค่ก…..แค่ก”
ฟาร์ร่ายันตัวขึ้นก่อนจะเริ่มไออย่างรุนแรงพร้อมกับมีน้ำไหลออกจากจมูก, ปากและมีน้ำตาไหลที่ขอบตา เธอมีอาการคลุ้มคลั่งจนดวงตาขยายใหญ่ขึ้นและพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเข้าใจสถานการณ์รอบตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนั้นผมจึงเดินเข้าไปหาเธอ แต่เมื่อผมเอื้อมมือเข้าไปหาเธอระยะหนึ่งแล้ว หัวของเธอพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับเจตนาฆ่าอย่างหนักที่เริ่มไหลออกจากร่างกายของเธอ
เธอดูราวกับสัตว์ป่าเมื่อดวงตาของเธอจ้องมาที่ผม แต่เมื่อสายตาของพวกเราสบเข้าด้วยกัน ดวงตาอันตรายเหล่านั้นก็ละลายไปราวกับหิมะในฤดูร้อน การเข้ารหัสยังคงทำงานอยู่ในร่างกายของผม ดังนั้นผมจึงเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่กำลังทุกข์ทรมานได้อย่างมั่นใจ
เมื่อเข้าใกล้เธอมากขึ้นแล้วผมก็วางมือซ้ายบนหลังเธอเพื่อเติมพลังชีวิตเข้าไป
มันได้ผลราวกับปาฏิหาริย์เมื่อลมหายใจของเธอกลับมาเป็นปกติ ผมเอาน้ำส่วนใหญ่ในตัวเธอออกไปแล้วเลยช่วยให้เธอหายใจได้อีกครั้ง ในขณะที่พลังงานชีวิตที่ผมให้เธอเริ่มให้สารอาหารและอาหารที่เธอต้องการอย่างมาก ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็กลับมาดูสบายดี แต่ในตอนที่ผมกำลังจะเอามือออกจากหลังของฟาร์ร่า เธอก็พุ่งเข้ามาหาผมและกอดผมไว้แน่นแทน
หน้าอกที่พอประมาณของเธอเข้ามาแนบชิดกับอกของผม ในขณะที่ร่างกายส่วนบนของเธอกอดผมอย่างแรง
ผมไม่ได้ผลักเธอออกและกอดเธอกลับก่อนจะค่อยๆ ลูบหลังเธอแล้วกระซิบเพื่อปลอบเธอ
“เมไรอาห์ ฟิซาเลีย”
ภาษาของเอลฟ์โบราณหลุดออกจากปากของผม ขณะที่มือของผมเคลื่อนผ่านผิวหนังอันเรียบเนียนของเธอ ร่องรอยแดงของบนตัวเธอจางหายไปกลายเป็นความนุ่มและสีขาว หูของเอลฟ์ของเธอเงยขึ้น ในขณะที่ร่างกายของเธอให้ความรู้สึกแปลกๆ ทั้งหนาวและร้อน
การกอดระหว่างเราดำเนินไปเป็นเวลา 1 นาทีก่อนที่ฟาร์ร่าจะผละออกจากการกอดพร้อมกับดวงตาสีแดงโตของเธอที่มองมาที่ผมด้วยสีหน้าสูญเสีย
“ทะ…ท่านพ่อ?”
เธอถามด้วยเสียงที่แหบแห้ง ซึ่งเป็นภาษาของยุคสมัยปัจจุบัน มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เลือดหยดเดียวที่เธอกลืนลงไปนั้นมีวัตถุประสงค์มากกว่าแค่การปลุกเธอให้ตื่น
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาชวนฝันของเธอแล้วผมก็ส่ายหัว
“ไม่ ฉันเป็นเจ้านายของเธอ”
ผมพูดขณะใช้มือเคลื่อนไปรอบๆ ใบหน้าที่สวยงามของเธอ
เธอดูชอบมันขณะที่หลับตาแล้วดันหัวมาหาผมพร้อมกับส่งเสียงออกมาเหมือนแมว
ผมหัวเราะเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของเธออยู่ไม่นานก่อนจะดึงมือของตัวเองกลับมา ซึ่งทำให้เธอลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฟาร์ร่าขยับศีรษะมาหาผมเพื่อที่เธอจะได้รับความอบอุ่นและจะได้รู้สึกถึงการไหลเวียนของเลือดของผมดีขึ้น
“ฉันเป็นอะไรสำหรับเธอ?”
ผมถามขึ้นมา ทำให้เธอสนใจผม
ดวงตาของเธอกระพริบตาขณะตอบกลับมา
“ทุกสิ่ง”
คำตอบนี้ทำให้ผมยิ้ม เนื่องจากหญิงสาวตรงหน้านั้นภักดีต่อผมอย่างที่สุด ความเชื่อมโยงระหว่างเรานั้นไร้ที่ติและไม่มีวันแตกหัก เนื่องจากเลือดของคนแรกที่เธอดื่มนั้นผูกพันเธอกับผมเอาไว้
เลือดนั้นให้ข้อมูลทั้งหมดที่เธอต้องการในปัจจุบันแก่เธอ หรือก็คือเธอมีความรู้ทั้งหมดแล้วและกำลังย่อยความรู้เหล่านั้นเพื่อทำให้มันกลายเป็นของตัวเองอยู่
ปัจจุบันเธอยังขาดตรรกะอยู่อีกมากมายเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกปลุกให้ตื่น จริงๆ แล้วเธอถูกสร้างขึ้นมาโดยตั้งใจให้เป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบและเป็นเครื่องมือในการเพาะพันธุ์ของอัลเบลาร์โด
อาจฟังดูแย่ แต่มันคือความจริง เธอถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรัก ความรู้สึกและทุกสิ่งทุกอย่างของเธอนั้นมีไว้สำหรับผม ซึ่งเป็นผู้ถือครองการเข้ารหัสและผู้ที่ให้เลือดแก่เธอเท่านั้น
เธอเป็นเหมือนร่างโคลนที่สมจริงเกินจริงที่ทำงานเพื่อผมโดยเฉพาะ ไม่ว่าตอนนี้หรืออนาคต เธอคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีผม
ผมเป็นเพียงเหตุผลเดียวสำหรับการดำรงอยู่ของเธอ และหากไม่มีผม เธอก็จะเป็นเพียงตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต เนื่องจากอัลเบลาร์โดได้สร้างมาตรการความปลอดภัยที่จำเป็นทั้งหมดเอาไว้ในตอนที่เขาเริ่มสร้างเธอขึ้นมา พลังแห่งเลือดเป็นเพียงหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของเธอ
เชื้อสายจากฝั่งแม่ของเธอก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรยุ่งวุ่นวายด้วย เนื่องจากเซลล์มดลูกที่อัลเบลาร์โดใช้ในการสร้างฟาร์ร่านั้นเป็นของเทวดาตกสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นนางฟ้าจักรพรรดินี
มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นว่าฟาร์ร่าจะปลุกพลังเต็มที่ของเธอได้เมื่อไหร่ และเธอจะเป็นขุมพลังที่ต้องยำเกรง พลังของผม….
“มาทำความสะอาดเธอกันเถอะ”
ผมพูดขณะยกเธอขึ้นจากถังน้ำ ร่างกายของผมเองก็เปียกโชกไปด้วยจากการอุ้มเธอในท่าอุ้มเจ้าหญิง
เรือนร่างที่เปลือยเปล่าของเธอถูกเปิดเผยอย่างสง่างาม เมื่อสัมผัสไปที่แผ่นหลังของเธอ ผมก็สัมผัสได้ถึงปีกเล็กๆ ที่งอกออกมา พวกมันยังไม่ได้แสดงตัวตนอันยิ่งใหญ่ออกมาเลย
ตลอดเวลานี้นั้นฟาร์ร่าเอาแต่มองผมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น พอผมอุ้มเธอขึ้นมาเธอก็กอดผมแน่น
ฟาร์ร่าใช้มือโอบรอบคอผมขณะเอาใบหน้าของตัวเองมาถูไถกับหน้าผม ผมรู้สึกรำคาญนิดหน่อยแต่ก็อดกลั้นมันเอาไว้ เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับผมที่จะสร้างความรู้สึกทั้งหมดกับเธอ และเมื่อเธอโตขึ้นเธอก็จะเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดที่ตัวเองมีเอง
“ลองยืนดูสิ”
ผมพูดพร้อมกับค่อยๆ วางเธอลงบนพื้น
ฟาร์ร่าเข้าใจในขณะที่เธอลงจากแขนผมอย่างไม่เต็มใจ เธอไม่มีปัญหาในการยืนด้วยตัวเอง ร่างกายของเธอแสดงออกมาเต็มที่ขณะที่เธอเอาแต่มองมาที่ผมเพื่อรอคำสั่งเพิ่มเติม
“มานี่”
ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปหาเธอ ซึ่งเธอก็สามารเข้าใจการกระทำนี้ได้จากความทรงจำของเธอ เธอจับมือของผมและพันนิ้วของพวกเราด้วยกัน จากนั้นผมก็เริ่มเดินกลับไปที่บัลลังก์พร้อมกับจับตามองเธอเล็กน้อย
ในไม่ช้าเมื่อเรามาถึงบัลลังก์ ผมก็นั่งลงบนนั้นก่อนจะดึงฟาร์ร่ามานั่งบนตักของตัวเอง
ฟาร์ร่าทำเพียงแค่ติดตามการเคลื่อนไหวของผมอย่างอยากรู้อยากเห็น
“พาเรากลับไป”
ผมออกคำสั่งในขณะที่ AI เริ่มทำงาน
บัลลังก์สั่นสะเทือนขณะที่มันเริ่มขยับขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันฟาร์ร่าก็เริ่มถูหน้าของเธอกับผมอีกครั้ง
‘เธอเป็นหมารึไง?’
ผมระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ความคิดของผมล่องลอยไปยังประเด็นที่แท้จริงที่อยู่ตรงหน้า…คลังสมบัติ…
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต