The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 412 The War(2)
วงจรเวทย์มนตร์ที่มีอิซาเบลล่าอยู่ตรงกลางนั้นถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการประสานงานกันของจอมเวทย์ทุกคนจากชายขอบของเมือง ด้วยสายตาของผู้ที่มีกลยุทธ์และการควบคุมที่ดีที่สุดนำทางพวกเขาในการสร้างการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบไปสู่คาถาแห่งการทำลายล้าง
แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้พวกมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาหาพวกมันไม่ได้ถูกแช่แข็งไว้แต่อย่างใด เหล่ามอนสเตอร์ได้บุกเข้ามาด้วยความหิวกระหายจนพบกับกองกำลังป้องกันเมืองอย่างท่วมท้น ซึ่งถูกนำทัพโดยมาร์ลีน ซึ่งความแข็งแกร่งดุจวาฬของเธอก็ได้ถูกแสดงออกมาอย่างดีเยี่ยมที่นี่
เธอเข้าสู่สถานที่ที่อันตรายที่สุด โดยกระโดดเข้าสู่ใจกลางฝูงศัตรูก่อนจะเริ่มสังหารพวกมัน ในมือของเธอมีดาบใหญ่ฉายแสงออกมาซึ่งคอยฆ่าฟันชีวิตของศัตรูที่เข้ามาใกล้เธอ เจตนาฆ่าของมาร์ลีนอยู่ในระดับสูงในขณะที่การสังหารหมู่ของเธอยังคงดำเนินต่อไป
รอบตัวมาร์ลีนนั้นมีชั้นน้ำเล็กๆ ที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเธอ พวกมันช่วยดึงเอาความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอออกมามากขึ้น ในการรบมาร์ลีนไม่ได้อยู่คนเดียวในขณะที่ทีมโจมตีแนวหน้าได้เข้าประจำตำแหน่งของพวกเขาแล้ว พวกปีศาจอยู่ในความบ้าคลั่งจากการฆ่าฟันที่เกิดขึ้น
ชาวทะเลติดตามเจ้าหญิงของพวกเขาในขณะที่พวกเขาเข้าสู่สนามรบ
กลุ่มเต่าใช้กระดองที่แข็งแกร่งกว่าเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด โดยปกป้องแนวหน้าพร้อมกับผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการป้องกัน นางเงือกส่งเสียงของพวกเธอปกคลุมไว้เหนือสนามรบทำให้เกิดความวุ่นวายจากทุกเสียงกรีดร้องของพวกเธอ
ด้วยการที่มีนักเรียนหลายคนจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ภายในส่วนหนึ่งของสนามรบจะสามารถมองเห็นรินะได้ ร่างกายของเธอเคลื่อนไหวไปมาระหว่างสนามรบขณะที่เธอสร้างความวุ่นวายและกระโดดไปมา ขาของเธอหดตัวลงเพื่อเติมพลังในขณะที่ลูกเตะของเธอคอยจัดการพวกมอนสเตอร์และหมุนไปรอบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี มือของเธอขยายใหญ่ขึ้นเพื่อลงมาฆ่าศัตรู ร่างกายของเธอเป็นอาวุธ
การเคลื่อนไหวของเธอนั้นได้ดึงดูดสายตาของหลายๆ คนในฐานะของเผ่าพันธุ์มนุษย์สัตว์ที่รู้จักกันว่าอ่อนแอและก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย
ด้านซานะนั้นเหมือนผี เธอไม่ได้ฆ่าอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ในเวลาที่เหมาะสม โดยตัดเส้นเอ็นและแขนขาของพวกมอนสเตอร์ออก ทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้น
เจค็อบเป็นเหมือนนักรบคลั่งในสนามรบขณะที่เขาก่อความตาย ขวานมหึมาของเขาจัดการศัตรูและเก็บเกี่ยวชีวิตไปมากมายในขณะที่เขาเคลื่อนไหว
ร่างขนาดใหญ่ของเขากระเพื่อมทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่เขายังคงฆ่าฟันต่อไป ยิ่งเขาได้เห็นเลือดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
เจค็อบ, รินะและมาร์ลีนอยู่ในสนามรบเดียวกัน การทำงานร่วมกันระหว่างพวกเขาก่อให้เกิดการสังหารหมู่อันโหดร้ายขึ้น
มิกะและริกะเองก็อยู่ด้วยกันเช่นเคย การประสานงานของพวกเธอนั้นไร้ที่ติ พวกเธอมีกลุ่มมอนสเตอร์ที่พยายามจะกำจัดพวกเธออยู่ แต่ก็ไม่มีพวกมันตัวไหนเลยที่สามารถทำลายการประสานงานของพวกเธอได้
คลาร่ามุ่งความสนใจไปที่ด้านการรักษาเป็นอย่างมาก พลังที่หาได้ยากของเธอนั้นทำให้ต้องวิ่งไปมาระหว่างพื้นที่อันตรายต่างๆ เธอมักจะอยู่ในสถานที่ที่อันตรายและได้รับความสนใจมากที่สุด เนื่องจากการรักษาความมืดของเธอนั้นสามารถช่วยชีวิตผู้คนและทำให้พวกเขายังคงต่อสู้ต่อไปได้
ในเวลาเดียวกันคลาร่าก็จะแอบใช้ความสามารถที่เพิ่งได้รับมาเพื่อเพิ่มความเจ็บปวดที่ศัตรูของเธอรู้สึกไปด้วย
การควบคุมปีศาจของแองเจลิน่าแพร่กระจายไปทั่วสนามรบ เธอถูกรายล้อมไปด้วยคนที่ไว้ใจได้ของเธอและยังมีมอนสเตอร์อีกด้วย! เสน่ห์ของเธอเพียงพอที่จะรับมือกับพวกมันได้มากในขณะที่เธอควบคุมสิ่งที่เธอสามารถทำได้ ทำให้พื้นที่การต่อสู้ของเธอโหดร้ายน้อยที่สุด
โอลิเวียและนอร่าเป็นผู้นำการต่อสู้ในอีกฟากหนึ่ง ความกระหายเลือดกระจายไปทั่วสมรภูมิที่ล้อมรอบนอร่า ซึ่งเป็นสีแดงเข้มที่เข้ากับเธอ สายเลือดของเธอคำรามต่อความตายและส่งเสียงร้องไปทั่วตัวเธอ พลังของเธอร้อนแรงขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นบ่อเลือดเติมเต็มพื้นที่ตามคำสั่งของนอร่า
เธอคนเดียวเป็นกองทัพทั้งกองทัพขณะที่เธอเป็นผู้นำการต่อสู้ทั้งหมด “กองทัพ” ของเธอประกอบด้วยผู้ติดตามที่กระหายเลือดตามคำสั่งจิตใจของเธอ ทำให้เกิดการป้องกันและการโจมตีที่สมบูรณ์แบบ
โอลิเวียอยู่ไม่ไกลจากนอร่าเนื่องจากร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะมรดกของผู้สืบทอด ในขณะที่ดาบของบรรพบุรุษเปล่งประกายอยู่ในมือพร้อมกับปีกแสงเล็กๆ ที่ลุกโชนอยู่ข้างหลังเธอ ขณะที่พลังความร้อนและแสงแดดหมุนวนรอบๆ โอลิเวีย การแกว่งดาบเพียงครั้งเดียวจากมือของเธอทำให้เกิดการระเบิดอันร้อนแรงที่โจมตีมอนสเตอร์หลายสิบตัวออกไป เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เธอเองก็เป็นผู้นำกลุ่มนักสู้เช่นกัน
ทางด้านแคทเธอรีนนั้นได้งานมากที่สุด เนื่องจากเสียงของเธอสามารถทำให้สนามรบหยุดชะงักได้ เมื่อสถานการณ์ ณ สถานที่แห่งหนึ่งสิ้นหวังหรือมีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก เธอจะใช้เสียงของตัวเองเพื่อหยุดการต่อสู้ไว้ชั่วคราว ให้เวลาไม่กี่วินาทีในการเปลี่ยนแปลงกระแสการต่อสู้หรือช่วยนำผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษา
เสียงของเธอเมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเธอต้องย้ายตำแหน่งไปทั่วสนามรบเพื่อรักษาสมดุลและตรวจดูฮีลเลอร์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือคนบาดเจ็บ
เบล เจ้าชายแห่งอาณาจักรสโตนและหน่วยป้องกัน เป็นหนึ่งในผู้นำหลักของการป้องกัน เวทมนตร์ดินของเขากำจัดมอนสเตอร์ไปหลายตัวแล้ว และในขณะเดียวกันก็ให้การป้องกันและความปลอดภัยที่เพียงพอ การต่อฝั่งของเขานั้นมีจำนวนมอนสเตอร์น้อยที่สุด
รอนนำกลุ่มผู้โจมตีอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเป็นกลุ่มที่เน้นการโจมตีเพียงในทีเดียว โดยมีรอนเป็นผู้นำ ในมือของเขานั้นมีดาบอันเปล่งประกายอยู่ 2 เล่มขณะที่เขาเต้นรำไปรอบๆ ในสนามรบ คนที่ตามมาคือกลุ่มของเขา ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การโจมตีระยะใกล้ของนักดาบ, ผู้ใช้หอกและอื่นๆ การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นประเภทที่โหดร้ายที่สุดที่แข่งขันกับกลุ่มโจมตีของมาร์ลีน
จากมุมมองทางยุทธศาสตร์ กลุ่มนักเรียนที่กำลังป้องกันเมืองนั้นกำลังได้เปรียบ แต่ไม่ช้าข้อจำกัดด้านพลังของพวกเขาคงจะเริ่มปรากฏขึ้น เมื่อจอมเวทย์ส่วนใหญ่ถูกกำจัดออกไปพร้อมกับผู้โจมตีระยะไกลหลายคน ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสถานที่อันตรายในทันที
การโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งก็คงเพียงพอที่จะทำให้ท้องฟ้าพังทลาย ตอนนี้คาร์เมเลียมีเลือดออกเต็มมือจากนิ้วของเธอ
เมื่อสถานการณ์เริ่มดูเลวร้ายออสตินก็ได้ก้าวเข้าสู่สนามรบเพื่อดูแลทางด้านน่านฟ้า เพียงการปรากฏตัวของเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนกระแสการโจมตีไปอย่างสิ้นเชิง
ออสตินเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดแห่งการต่อสู้ที่ไม่มีใครหยุดได้ เนื่องจากลูกธนูของเขาดูเหมือนไม่มีวันหมดและไหลลื่นราวกับผ้าไหมที่นุ่มนวลที่สุด ลูกธนูแต่ละลูกของเขาโจมตีและสังหารมอนสเตอร์ไปจำนวนมากด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เขาดุร้าย, แข็งแกร่งและไม่มีใครเอาชนะได้
บางครั้งคาถาทรงพลังจากออสตินจะถูกปลดปล่อยออกมาจากการควบคุมเมื่อมีมอนสเตอร์จำนวนมากเข้ามาโจมตี ในขณะที่ลูกธนูของเขายังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ออสตินสามารถควบคุมกระแสสงครามบนท้องฟ้าได้เพียงลำพังในขณะเดียวกันก็ควบคุมสนามรบทั้งหมดไปด้วย การกระทำของเขาอดไม่ได้ที่จะได้รับการยกย่องจากทุกคน
“แนวโน้มของสงครามเป็นยังไงบ้าง?”
ออสตินถามขณะยิงธนูต่อไปเรื่อยๆ มือของเขาเปื้อนเลือดเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้หยุดยิงแต่อย่างใด
“จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และโพชั่นของเรากำลังจะหมดในไม่ช้า”
เอลล่าตอบขณะยืนอยู่ในระยะที่ปลอดภัย แม้แต่เธอที่ไม่ชอบเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมในความสามารถที่ออสตินแสดงออกมา
ตู้มมมม!
ด้วยการยิงอีกครั้งทำให้มอนสเตอร์จำนวนมากบนท้องฟ้าล่วงลงมา เมื่อเห็นเช่นนี้ ออสตินจึงหันไปทางเอมิลี่ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่
“สถานการณ์ของซาบริน่าเป็นอย่างไรบ้าง? เธอพร้อมหรือยัง?”
เขาถาม
“เธอพร้อมทุกเมื่อที่คุณต้องการค่ะ”
เอมิลี่ตอบในขณะที่ใบไม้ของเธอเก็บเกี่ยวอีกชีวิตบนท้องฟ้า ใบไม้หลายใบที่อยู่ล้อมรอบเธอบินขึ้นไปบนฟ้าและคร่าชีวิต แม้ว่ามานาของเธอจะหมดลงอย่างรวดเร็วก็ตาม
“อิซาเบลล่าพร้อมแล้วใช่ไหม!”
ออสตินถามด้วยเสียงตะโกนขณะที่เขาหันกลับไปยิงพวกมอนสเตอร์บินท้องฟ้า
“พร้อมแล้วค่ะ!”
ผู้หญิงที่ทำงานให้กับอิซาเบลล่าตอบ
เมื่อได้ยินแบบนั้นออสตินก็ถอนหายใจขณะที่คำสั่งของเขาส่งไปยังเหล่าผู้นำระดับสูง
“เตรียมตัว เราจะถอยกลับไปกันแล้ว”
เขาสั่ง ตอนนี้มอนสเตอร์ทั้งหมดได้เข้าสู่การต่อสู้แล้ว ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก หลายคนต้องรวมกลุ่มกันเพื่อหยุดยั้งมอนสเตอร์ที่ทรงพลังซักตัว ในขณะที่พื้นดินตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด, ศพและความตาย
แม้ว่าทุกอย่างจะดูดี แต่สงครามก็ดำเนินมาเป็นเวลา 45 นาทีแล้ว และทุกคนก็เริ่มเหนื่อยล้าแล้ว ดังนั้นจำนวนคนบาดเจ็บและการเสียชีวิตจึงเพิ่มขึ้น ในขณะที่พวกมอนสเตอร์ดูเหมือนจะถูกฉีดสเตียรอยด์และดูแข็งแกร่งขึ้น สรุปสถานการณ์ดูไม่ดีเลย
ออสตินมองสถาการณ์ทั้งหมดก่อนจะออกคำสั่ง
“ลงมือเลยซาบริน่า”
หลังจากพูดจบ พื้นก็เริ่มสั่นสะเทือน มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต