The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 434 The Church Of Life
ผมแยกตัวออกจากโบสถ์ราเซลเลียโดยไม่ส่งเสียงดังมากนัก ปล่อยให้ความวุ่นวายในการกระทำของผมถูกจัดการโดยคนที่ไว้ใจได้ ผมแน่ใจว่าพวกเธอจะจัดการมันได้ดี แม้ว่าเมื่อแผนการของผมสำหรับโบสถ์เริ่มดำเนินการเสร็จแล้ว ผมจะต้องยุ่งมากกับการรับมือกับคำสัญญาที่ตัวเองได้ให้ไว้ก็ตาม
ผมมองภาพโบสถ์ที่สวยงามที่สามารถเห็นได้จากระยะไกลหลายไมล์ซึ่งประดับประดาด้วยความสวยและความสง่างาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีการทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อสร้างมันขึ้นมา แม่มดหลายคนยังคงเคลื่อนไหวไปมา แต่ละคนทำธุรกิจของตนเอง ฉากนี้ดูเงียบสงบมาก แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนจบที่เลวร้ายที่จะเกิดขึ้นหากสถานการณ์ ‘เหล่านั้น’ เข้ามามีบทบาท
‘เห้อออ…เรานี่มันคนสารเลวจริงๆ…’
การใช้มนต์สะกดเพื่อควบคุมหัวใจของพวกเธอไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบซักเท่าไหร่และผมไม่ต้องการได้รับความรักที่สมบูรณ์จากแม่มดเหล่านั้นทั้งหมด ผมเพียงแค่อยากตัดเส้นทางของพวกเธอมาหาตัวเองเท่านั้น มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมสามารถมอบอนาคตที่ดีกว่าของความรักที่แท้จริงที่พวกเธอต้องการได้ แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร หลังจากที่เคยเห็นฉากจบนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งในเกม ซึ่งไม่มีประโยชน์ที่ผมจะทำซ้ำกับในความเป็นจริง
ท้ายที่สุดแล้วในชีวิตจริงไม่มีโอกาสครั้งที่ 2
และผมคงจะถูกสาปแช่งแน่ถ้าปล่อยให้อนาคตอันเลวร้ายเหล่านั้นมาสู่โลกนี้ ไม่มีทางแน่ๆ หลังจากตอนที่ผมเริ่มหาสถานที่อยู่ของตัวเองเจอแล้ว เมื่อมองดูโบสถ์ขนาดมหึมาแวววาวด้วยสีขาวและสีทองซึ่งแผ่ขยายออกไปอย่างกว้างไกลอีกครั้งหนึ่งเสร็จ ผมก็เดินออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังโบสถ์แห่งชีวิต
ครั้งนี้ผมไม่ได้เดินทางไปที่โบสถ์ในทันที แต่เดินทางผ่านถนนในเมืองบาบิโลนแทน เนื่องจากโบสถ์หลักต่างๆ ตั้งอยู่ที่นี่ และนี่คือจุดศูนย์กลางของโลกที่ผู้คน, องค์กรและนักวิชาการที่ทรงอำนาจมากมายมารวมตัวกัน
อย่างที่เคยว่าไว้ เมืองทั้งเมืองที่ผมเดินผ่านนั้นช่างสวยงาม, ล้ำสมัยและก้าวหน้า ผมมองเห็นผู้คนมากมายเดินกันไปมาอยู่ในเมืองนี้ ซึ่งมีขนาดเท่าประเทศที่ลอยสูงเสียดฟ้าเหนือมหาสมุทรอันไม่มีที่สิ้นสุด เมืองบาบิโลนนั้นมีขนาดใหญ่มาก โดยมีหลายส่วนที่เป็นเจ้าของโดยบุคคลหรือองค์กรที่มีอำนาจหลายแห่ง
‘เราน่าจะแวะไปเซอร์ไพรส์เอเลนอร์ซักหน่อย’
เมื่อวางแผนเสร็จแล้ว ผมก็เดินในความเร็วพอประมาณขณะมุ่งหน้าไปยังโบสถ์ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของตัวเมืองที่การเดินไปนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นผมจึงติดตั้งระบบเทเลพอร์ตแทน
สายตาของผมจ้องมองผ่านฝูงชนเอะอะโวยวายที่กำลังเดินไปมาอยู่ ทำให้ผมนึกถึงเมืองที่พัฒนาอย่างดีเหล่านั้นในชาติก่อนของตัวเอง
ผู้คนทั้งหมดที่รวมตัวกันที่นี่ก็อยู่เหนือบรรทัดฐานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในด้านอำนาจ, สถานะหรือความสามารถ คุณจะต้องโดดเด่นมากเพื่อที่จะได้สถานที่ในเมืองนี้ แค่ค่าครองชีพก็สูงมากแล้ว แม้ว่ามันจะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดายเมื่อมีงานที่นี่ นั่นหมายความว่าคุณจะมั่นคงไปตลอดชีวิต
ขณะครุ่นคิดพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์โดยรอบ ไม่นานผมก็มาถึงแถวเล็กๆ แถวหนึ่ง สถานที่นี้คือระบบขนส่ง และผมก็เห็นแถวดังกล่าวอีกหลายแถวกระจายไปทั่ว แม้ว่าจะมีผู้คนนับร้อยเดินไปมา แต่ก็ไม่มีความรู้สึกไม่สบายใจหรือความปั่นป่วนเกิดขึ้นในหมู่ฝูงชนเลย ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็มาถึงแถวหน้าและมีสิ่งกีดขวางมาขวางอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงหยิบการ์ดของตัวเองออกมา ซึ่งพิมพ์โดยบริษัทเทเลพอร์ตและถูกทำเครื่องหมายตัวตนของผมเพื่อใช้ระบบเทเลพอร์ตเอาไว้
ระบบที่นี่ก้าวหน้ามาก ในการเริ่มใช้ระบบนี้คุณจะต้องลงทะเบียนจากบริษัทและรับบัตรก่อน การ์ดใบนี้จะมีเครดิตที่กำหนดโดยตรง โดยแปลงเป็นเงินที่คุณจ่าย และทุกครั้งที่คุณเดินทาง คุณแค่สแกนการ์ดและเครดิตจะถูกใช้ตามระยะทางและพลังงานที่ใช้ไป
เป็นขบวนการที่มีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบซึ่งพบเห็นได้เฉพาะในพื้นที่ที่พัฒนาแล้วเท่านั้น สิ่งที่น่ากลัวก็คือผู้ควบคุมการขนส่งหลักของพวกเขาคือพวกเอลฟ์ เนื่องจากพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยมีธนาคารและบริษัทของพวกเขากระจายอยู่ทั่ว แม้กระทั่งการจัดการเครดิตก็ยังทำโดยธนาคารของพวกเอลฟ์
‘ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาทำได้ดี…’
ขณะที่ชื่นชมพวกเขาในใจผมก็สแกนการ์ดของตัวเองก่อนที่กั้นจะถูกถอดออกให้ผมเดินเข้าไปในวงเวทย์เคลื่อนย้ายได้ ที่กั้นกลับมาปิดอีกครั้งพร้อมกับมีภาพสถานที่หลายแห่งที่ผมสามารถเทเลพอร์ตไปได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ผมเลือกอันที่เชื่อมต่อโดยตรงกับโบสถ์แล้วหายไป ก่อนที่ในไม่ช้าร่างกายของผมจะปรากฏขึ้นในวงเวทย์ของพื้นที่อื่น
“หวังว่าคุณมีช่วงเวลาที่ดีนะคะ”
เสียงอันสงบดังขึ้นมาขณะที่ที่กั้นเปิดให้ผมเดินออกมา ในไม่ช้าดวงตาของผมก็พบกับความเขียวขจีและกลิ่นอันโดดเด่นของธรรมชาติและชีวิตที่อบอวลเต็มจมูก
ด้วยพรที่ออร์เฟียสมอบให้ทำให้ผมสามารถปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้มากขึ้น และการเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ก็ทำให้ผมถูกเติมเต็มไปด้วยความรู้สึกสงบและสบาย
ผมดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกจากพื้นที่เทเลพอร์ต ทันใดนั้นเองสายตาของผมก็พบกับโบสถ์อันสวยงามซึ่งดูกลมกลืนกับธรรมชาติ ขนาดที่ใหญ่โตของมันไม่ได้แพ้โบสถ์ของราเซลเลียเลย
แต่แตกต่างจากความรุ่งโรจน์ของความมั่งคั่งและอำนาจ โบสถ์แห่งนี้สะท้อนถึงความรู้สึกถ่อมตัวและอบอุ่นมากกว่า มันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้กลับบ้าน
“ขอให้ชีวิตของท่านมีชีวิตชีวาครับ…”
นักบวช 2 คนที่ยืนอยู่ที่ประตูยิ้มให้ผมอย่างศักดิ์สิทธิ์ขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาดูเป็นมิตรและใจดี แต่ระดับพลังที่ผมรู้สึกได้จากพวกเขานั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่งที่ประตูเท่านั้น
ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรให้พวกเขาก่อนจะเดินเข้าไปในโบสถ์ ผมแน่ใจว่าทั้ง 2 คนถูกแต่งตั้งขึ้นที่นี่โดยเฮร่า นักบุญแห่งชีวิต ผู้ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพี่สาวของผม
ผมไม่ได้เจอเธอเลยตั้งแต่เจอเธอตอนเจอครอบครัวของราล์ฟ แม้ว่าเราไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่ผมก็คุยกับเธอเป็นประจำ และเมื่อเวลาผ่านไป เธอก็เริ่มมองว่าตัวเองเป็นพี่สาวของผมจริงๆ
ผมเห็นหลายคนมองมาที่ผมเพราะนักบวชเหล่านี้อวยพรให้ผม ในขณะที่ปกติพวกเขาจะประจำการเหมือนรูปปั้น ไม่เคยขยับหรือตอบสนอง แต่ตอนนี้พวกเขากลับอวยพรให้ผม
โดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ผมก็เดินผ่านโบสถ์ซึ่งมีดอกไม้และต้นไม้หลายชนิดเติบโต เสียงนกที่ส่งเสียงพึมพำก็ดูน่าเพลิดเพลิน
ผมเห็นสัตว์หลายตัวเดินไปมาอยู่รอบๆ โบสถ์ พวกมันทั้งหมดให้ความรู้สึกถึงความสุขและชีวิต พวกมันกลมกลืนเข้ากับผู้คนในโบสถ์ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนักบวชและแม่ชีแล้ว ผมยังสามารถเห็นผู้มาเยี่ยมชมจำนวนมากอีกด้วย ทุกคนต่างก็มีท่าทางสงบสุขขณะเดินไปรอบๆ
โดยรวมแล้วที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่สวยงามสำหรับการฆ่าเวลา เป็นสถานที่ที่จะขจัดความเครียดทั้งหมดในชีวิต ขณะมองดูทั้งหมดนี้การเดินของผมก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด และทุกครั้งที่ผมพบกับนักบวชหรือแม่ชี พวกเขาก็จะหยุดด้วยความประหลาดใจและจ้องมองมาที่ผมด้วยความสับสน บีบหัวใจของพวกเขาราวกับว่ามันกำลังจะระเบิด
ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นและปลอมตัวให้ดูเหมือนวัยรุ่นทั่วไปพร้อมกับเดินต่อไป สัตว์ทุกตัวดูเหมือนจะเห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกมันจึงเคลื่อนตัวเข้ามาหาผม
พวกนกเกาะอยู่บนไหล่ของผม ในขณะที่กวางสีขาวที่สวยงามถูหัวของมันบนใบหน้าของผมด้วยความรัก ขณะที่ผมลูบมันด้วยรอยยิ้ม
ในไม่ช้าความโกลาหลก็เกิดขึ้นในขณะที่สัตว์ต่างๆ และแม้แต่สัตว์ร้ายที่มีพลังก็เข้ามาล้อมรอบผมระหว่างเดิน พวกมันทั้งหมดดูเหมือนผู้ปกครองของผม และถ้าใครพยายามพูดคุยกับผม ปฏิกิริยาของพวกมันก็จะกลายเป็นไม่พอใจแทน มันเลวร้ายมากจนในไม่ช้าสัตว์ผู้พิทักษ์ก็เต็มท้องฟ้า
ทุกคนหันไปมองด้านบนขณะที่เพกาซัสสัตว์ขี่ในตำนานโฉบลงมา สัตว์ร้ายต่างเคลื่อนตัวออกไปเมื่อมีเพกาซัส 3 ตัวมาอยู่ล้อมรอบผม
ทุกคนต่างรู้กันว่าโดยปกติเพกาซัสนั้นจะยอมให้แค่หญิงสาวที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถสัมผัสกับพวกมันได้ พวกมันค่อยๆ ถูหัวของตัวเองลงบนร่างกายของผมและร้องขอสัมผัสจากผมอย่างออดอ้อน
ผมไม่ปฏิเสธพร้อมกับลูบม้าที่สง่างามที่สุด 3 ตัวที่เคยเห็นในชีวิต ขนสีขาวของพวกมันดูนุ่มนวลและเต็มไปด้วยลวดลายที่สวยงาม ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าของพวกมันเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา
ถึงตอนนี้ความปั่นป่วนได้เข้าครอบงำโบสถ์ทั้งหมดเหมือนพายุ ผมเห็นคนมากมายต่างจ้องมองมาที่ผมขณะกำลังเดินอยู่ พวกนักบวชและแม่ชีดูตะลึงและสับสนขณะเดินไปมา ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้เองที่ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“เธอสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่จริงๆ น้องชายของพี่…”
เมื่อหันกลับไปผมก็พบกับเฮร่าที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักบุญหญิง ผมสีเขียวพาดไปทางหลัง ดวงตาของเธอถูกปิดบังด้วยผ้าปิดตาสีขาวของเธอ ในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้นเธอช่างดูงดงามและศักดิ์สิทธิ์ เหล่าสัตว์ร้ายต่างหลีกทางให้เธอ
สายตาของผมไล่ตามร่างของเธอก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าอกของเธอ ซึ่งเป็นหน้าอกขนาดใหญ่ไม่ที่แพ้ให้กับของออร์เฟียสเท่านั้น
‘เดาว่ามันน่าจะขนาดพิเศษ?’
ผมคิด หน้าอกของเฮร่านั้นมีขนาดใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็พ่ายแพ้ให้กับของออร์เฟียสเพียงเล็กน้อยอยู่ดี
“มองอะไรอยู่เหรอจ๊ะ~?”
เฮร่าถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“พวกมันไม่เลวเลยครับ”
ผมตอบในพร้อมกับขยับเข้าไปกอดเฮร่า ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มขณะที่เธอกอดผมกลับ ในขณะที่หน้าอกอันน่าหลงใหลเหล่านั้นแนบชิดกับอกของผม
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ่ะ…”
เฮร่ากระซิบเบาๆ
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต