The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 452 The Elders
“นายนี่ทำให้วุ่นวายกันไปหมดเลยนะ”
ราล์ฟพูดขณะที่เขานั่งอยู่ข้างผม
ผมพยักหน้าเห็นด้วยและจิบเครื่องดื่มที่มอบให้เรา
“ผมบอกคุณแล้วไงว่าจะทำให้ถูกต้อง”
ผมตอบโดยหลบการโจมตีที่เล็งไปที่ส่วนบนของหัวตัวเอง
“นายนี่มัน…เห้อออ”
ราล์ฟพึมพำก่อนจะจิบแอลกอฮอล์ไปอึกใหญ่และพยายามสงบสติอารมณ์
“นายแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่?”
จู่ๆ ราล์ฟก็ถามด้วยความอยากรู้
ผมหยุดกินครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อยากรู้จริงๆ เหรอ?”
เขาเงียบไปก่อนจะส่ายหัวแล้วจิบแอลกอฮอล์อีกครั้ง
“นั่นคงจะเป็นจุดจบของฉัน”
เขาพึมพำ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา ผมก็หัวเราะและมุ่งความสนใจไปที่เครื่องดื่มของตัวเองอีกครั้ง
หลังจากการต่อสู้ของผม ทั้งราล์ฟและผมก็ถูกนำทางมายังห้องนี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราถูกขังไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว พวกคนแก่คงกำลังคุยกันว่าควรทำยังไงต่อดีกับข้อเรียกร้องของผมหลังจากการชนะ 3 ครั้ง
ตามธรรมเนียมโบราณ พวกเขามีหน้าที่ต้องสนองความปรารถนาของผมประการหนึ่ง ธรรมเนียมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าสภาสงครามจะไม่หยุดอยู่กับที่และจะพยายามพัฒนาอยู่เสมอ แม้ว่าคนที่สร้างมันขึ้นก็อาจจะไม่คาดคิดว่าธรรมเนียมนี้จะมีบทบาทขึ้นมาในเหตุการณ์นี้
แน่นอนว่ายังมีกฎข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติอยู่คือคุณไม่สามารถท้าประลองใครง่ายๆ ได้ ผู้ท้าชิงควรมีอำนาจหรืออิทธิพลอย่างมากภายในสภาสงครามและผู้ที่อยู่ในระดับจักรพรรดิไม่สามารถท้าประลองกับผู้ที่อยู่ระดับต้นกำเนิดได้โดยตรง
ผู้ท้าชิงควรมีอายุเท่ากันและมีพลังใกล้เคียงกัน เนื่องจากการกลั่นแกล้งไม่ได้รับอนุญาต
ผมสงสัยว่าพวกเขาจะทำอะไรในสถานการณ์นี้ ภาพของเซลด้าแล่นผ่านเข้ามาในจิตใจของผม การต่อสู้นั้นง่ายกว่าที่ผมคาดไว้มาก ผมจำกัดพลังของตัวเองเอาไว้ที่ระดับต้นกำเนิดขั้น 8 และในความเป็นจริง ผมไม่ได้ดึงพลังทั้งหมดในคลังแสงของตัวเองออกมา
พลังแห่งไฟเผาไหม้ในมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกมือหนึ่งมีน้ำแข็งอาศัยอยู่ นี่คือพลัง 2 ประการที่ผมได้รับด้วยตัวเอง : การรุกที่ทรงพลังและการป้องกันขั้นสูงสุดและการควบคุมฝูงชน ก่อนที่จะพบกับราเซลเลียและเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าผู้ทรงพลังหลายองค์ ผมได้เผชิญกับบททดสอบในการจัดการกับพลังที่ซ่อนอยู่ของโลก
นอกเหนือจากสายเลือดพิเศษของผมแล้ว ผมยังขาดไหวพริบพิเศษในการเอาชนะศัตรูที่น่าเกรงขามที่จะเข้ามาขวางทางผมอย่างแน่นอน วิธีที่ง่ายกว่าคือนอนกับผู้หญิงที่มีอำนาจเพื่อให้ได้รับพลัง แต่ผมรีบล้มเลิกความคิดนั้นไปเพราะมันจะทำให้ผมชิบหายแทน
แต่ผมได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อรับสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังจากยุคอดีต, สร้างความรู้และเพิ่มพูนพลังที่ผมขาด แม้ว่าในสถานการณ์ปกติมันควรจะฆ่าผมแล้ว เนื่องจากการรวมพลังที่แตกต่างกันไว้ในร่างกายเดียวนั้นไม่สมเหตุสมผลก็เถอะ
นั่นคือจุดที่ร่างกายที่สมบูรณ์แบบเข้ามามีบทบาท มันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมได้รับจากระบบ และมันช่วยให้ผมกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลัง ร่างกายที่สมบูรณ์แบบทำให้กล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวของผมปรับตัวเข้ากับอาวุธทุกชนิดได้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบที่ลึกกว่านั้น
ร่างกายเดียวกันนี้เองที่ช่วยรักษาสมดุลของพรของเทพทุกองค์ในร่างกายของผม ช่วยให้ผมมีชีวิตรอด มันคือของขวัญเดียวกันที่ช่วยผมสร้างความสมดุลจากพรและพลังที่ผมพยายามรับเข้าสู่ร่างกาย และร่างกายที่สมบูรณ์แบบแบบเดียวกันนี้ก็ช่วยให้ผมเอาชนะระบบระดับพลังคงที่ของอาชีพได้
อาชีพที่ผมมีนั้นไม่ใช่อาชีพที่เอเลนอร์มอบให้ และไม่ใช่อาชีพที่ส่งต่อไปยังผู้สืบทอดด้วย ไม่ใช่เลย…อาชีพของผมนั้นมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นมาก เป็นอีกหนึ่งของขวัญที่ร่างกายสมบูรณ์แบบมอบให้ผม ในทางหนึ่ง มันเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ช่วยให้ผมได้รับพลังที่เกินกว่าสามัญสำนึก
ราวกับว่า “เทพเจ้าแห่งเกม” ที่พาผมมาที่นี่รู้ว่าผมต้องการอะไร ราวกับว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว มันช่างเป็นความรู้สึกที่ผมไม่ชอบเลย ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเบาะแสแรกที่บอกเป็นนัยว่าบางทีอาจมีอะไรมากกว่านั้นในการที่ผมอยู่ที่นี่ ขณะที่ผมกำลังคิดสิ่งนี้อยู่ ประตูห้องก็เปิดออกก่อนจะมีผู้อาวุโสทั้ง 5 คนเดินเข้ามา
การปรากฏตัวของพวกเขานั้นแผ่ความกดดันและทรงพลังออกมา แม้ว่าพวกเขาจะอายุมากแล้ว ผมก็ยังคงมองเห็นความสวยงามในหลายๆ แห่งและมีเสน่ห์เหนือคนทั่วไป ดวงตาของผมตรวจดูเครื่องแต่งกายของพวกเขาและตราบนหน้าอก ซึ่งบ่งบอกถึงฝ่ายที่พวกเขาเป็นสมาชิกหรือเป็นผู้นำในสภาสงคราม
ทั้ง 5 คนเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน โดยมีผู้หญิง 2 คนและผู้ชาย 3 คน ผู้ติดตามประกอบด้วยเอลฟ์, มนุษย์, ปีศาจ, มนุษย์สัตว์และคนแคระที่น่าประหลาดใจ ผู้หญิงเหล่านี้เป็นของเชื้อสายเอลฟ์และคนแคระ
“พวกเราขอแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสครับ”
ทั้งราล์ฟและผมพูดขณะที่เรายืนขึ้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม พวกเขายังคงเป็นบุคคลที่น่านับถือในโลก
“อืม…เชิญนั่งเถอะ”
ผู้อาวุโสปีศาจพูดขณะที่ทั้ง 5 คนเข้ามาในห้อง โดยนั่งข้างหน้าเราโดยเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาแต่ละคน
“เอ่ออ…ไม่ใช่ว่าเราควรไปประชุมกันเหรอครับ?”
ราล์ฟถาม โดยมีเหงื่อไหลออกมาบนศีรษะเนื่องจากแรงกดดันอันมหาศาลที่เล็ดลอดออกมาจากบุคคลทั้ง 5 นี้ พวกเขาไม่ได้ทำมันโดยเจตนา แต่การปรากฏตัวของพวกเขาเพียงลำพังนั้นหนักหนาเกินไปสำหรับคนทั่วไป ก่อให้เกิดกำแพงธรรมชาติที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวพวกเขารู้สึกหนักใจ
“การประชุมถูกเลื่อนออกไป 2 วันและอาจล่าช้าได้อีก 2-3 ชั่วโมงหน่ะ…”
ผู้อาวุโสมนุษย์ซึ่งดูเหมือนจะอายุมากที่สุดในบรรดา 5 คนพูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาสงบและเป็นมิตร แต่ความผิดหวังและความกดดันนั้นยิ่งใหญ่มาก เพิ่มความยากลำบากอีกชั้นหนึ่งให้กับราล์ฟผู้น่าสงสาร
ในขณะเดียวกันผมยังคงสงบอยู่ โดยจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสที่มุ่งความสนใจมาที่ผมอย่างไม่ปิดบัง จนดูเหมือนพยายามจะมองเข้ามาในหน้ากากของผมและมองหน้าตาจริงๆ ของผม
ผมหัวเราะเบาๆ ในใจให้กับความพยายามอันไร้ประโยชน์ของพวกเขาก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ
“ผมคิดว่าผู้อาวุโสมาที่นี่เพื่อตอบสนองต่อคำขอที่ผมได้ขอไปใช่ไหมครับ?”
ผมพูดแล้วนำความเงียบที่ผิดธรรมชาติมาสู่ห้อง ทุกสายตาของพวกเขาจับจ้องมาที่ผมก่อนที่หญิงสาวชาวเอลฟ์จะตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ตามธรรมเนียมแล้ว คำขอของคุณจะได้รับอนุมัติค่ะ”
เธอกล่าว
ขณะที่เธอพูด ผมก็รู้สึกเสียวซ่านในจิตวิญญาณ นอกจากนั้นผมยังสังเกตเห็นดวงตาของหญิงเอลฟ์ที่แก่กว่าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจอีกด้วย ตามมาด้วยสีแดงเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอ
‘ต้องบอกเลยว่าการมองผู้หญิงคนนั้นเหมือนนักฆ่าเลย…’
ผมคิดกับตัวเอง
หญิงชาวเอลฟ์อยู่ในวัยสูงอายุ ผมสีทองเป็นประกายของเธอสัมผัสกับสีเทาเล็กน้อย ดวงตาของเธอมีรอยย่นเล็กน้อย และร่างกายของเธอก็เปล่งประกายด้วยกาลเวลาและประสบการณ์ มันเป็นสิ่งที่ผมจำได้ง่ายเนื่องจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงที่คล้ายกันหลายครั้ง แม้กระทั่งตอนนี้เอลฟ์หญิงยังคงรักษารูปลักษณ์อันน่าหลงใหลไว้ได้ ทำให้เธอดูสมบูรณ์แบบ
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง และผมก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการแสดงออกของเหล่าผู้อาวุโส
‘ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคุยกันเองอยู่’
ผมคิด
ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หญิงเอลฟ์ทำกับตัวเอง ในไม่ช้าความคิดที่เป็นอันตรายก็ผุดขึ้นในใจของผมขณะมองไปยังเอลฟ์คนหนึ่ง
‘ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเป้าหมายแรกของผมที่นี่…’
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต