The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 460 Reality Breaking Down
‘คงจะต้องใช้เวลาสักพัก’
ผมคิดขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยที่ทั้งมิร่าและเอเลนอร์มองมาที่ผมด้วยสายตาที่ระมัดระวัง ผมแน่ใจว่าการเคลื่อนไหวพลาดเพียงครั้งเดียวคงทำให้ทั้ง 2 คนโจมตีอาเรียในทันที แต่ก็ใช่ว่าพวกเธอสามารถทำร้ายอาเรียได้หรอกนะ
“แล้วทำไมเธอไม่ลองอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยหล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ออสติน?”
เอเลนอร์พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ซึ่งมิร่าก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผมก็แสดงสีหน้าลำบากใจขณะเริ่มพูด
“ผมเล่าให้ฟังได้อยู่ครับ แต่คุณ 2 คนก็อย่าหุนหันพันแล่นไปนะครับ และควรควบคุมตัวเองไว้ด้วย…”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ทั้ง 2 ก็พยักหน้า
เมื่อเห็นแบบนั้นผมจึงพูดออกมาดังๆ กับอาเรีย
“โอเค หนูสามารถกลับมาเป็นปกติได้แล้ว”
หลังจากที่ผมพูดจบ อาเรียก็เปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ของเธอ และกระโดดขึ้นมาบนตักของผมพร้อมกับกอดผมไว้แน่น ในขณะที่คำพูดของเธอดังก้องไปทั่วห้อง
“ค่ะ คุณพ่อ!”
ใบหน้าของทั้งเอเลนอร์และมิร่าแข็งทื่อ ในขณะที่ดวงตาของพวกเธอจับจ้องมาที่อาเรีย ซึ่งกำลังถูหัวกับมือผมอย่างมีความสุขในขณะที่ผมกำลังลูบหัวเธออยู่
เมื่อมองปฏิกิริยาของพวกเธอ ผมเห็นว่าสมองของพวกเธอดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความประหลาดใจให้กับพวกเธอเข้าไปอีก ผมจึงพูดต่อ
“ใช่แล้ว นี่คืออาเรีย ดรามูนครับ”
ไม่มีการตอบสนองจากทั้ง 2 คนขณะที่พวกเธอยังคงมองมาที่ผม
สมองของพวกมิร่าใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกลับสู่ความเป็นจริง เอเลนอร์เป็นคนแรกที่โต้ตอบ สีหน้าของเธอดูหนักขึ้นพร้อมกับเจตนาฆ่าอันละเอียดอ่อนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเธอ และเธอก็มีหน้าตาเหมือนคนที่ถูกทรยศในขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย
“นี่มัน…เกิด…อะไรขึ้น?”
ในทางกลับกันมิร่ากลับดูเหมือนคนที่โลกทั้งใบแตกสลาย เธอเห็นไอดอลที่ตัวเองเคารพกำลังนั่งอยู่บนตักของผมพร้อมกับเรียกผมว่าพ่อ ในขณะที่เอาหน้าถูกับหน้าอกผมราวกับสัตว์ตัวน้อย
“เห้อออ…ก่อนที่พวกคุณจะระเบิดออกมา ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดก่อนนะครับ”
ก่อนที่ทั้งสองจะระเบิดอารมณ์ของตัวเองออกมา ผมก็เริ่มอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การพบกับอาเรียไปจนถึงการที่เธอมอบหมายให้ผมทำหน้าที่ดูแลเธอ แน่นอนว่าผมได้เพิ่มบทละครของตัวเองเข้าไปด้วยคือบังเอิญได้ตกลงไปลึกเข้าไปในดินแดนน้ำแข็งที่ผมได้พบกับเธอ
เมื่อคำอธิบายของผมจบลง ความเงียบอันน่าทึ่งก็ปกคลุมไปทั่วห้อง เอเลนอร์พยักหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจ ดูเหมือนจะเข้าใจว่าการกระทำของอาเรียมีต้นกำเนิดมาจากจิตใจที่เหมือนเด็ก อย่างไรก็ตามสาวงามในตำนานที่ส่งกลิ่นอยู่รอบตัวผมไม่ได้รับการยอมรับจากเธอ ในทางกลับกันมิร่ายังคงมองอาเรียด้วยความเคารพ และถ้ามองไม่ผิด เหมือนผมจะเห็นอาการอิจฉาที่ถูกปล่อยออกมาเป็นนัยๆ ด้วย
มันตลกดีที่ทั้งมิร่าและเอเลนอร์แสดงออกถึงความหึงหวงแบบเดียวกันชั่วครู่ แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อน้ำหนักของการดำรงอยู่ของอาเรียเริ่มกระจ่าง
“สะ-สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกระแสทั้งหมดของโลกได้เลย…”
เอเลนอร์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่การกระทำของอาเรียที่มีต่อร่างกายของผมอยู่
มิร่าพยักหน้าเห็นด้วย โดยที่สายตาของเธอเปลี่ยนไปมาระหว่างผมกับอาเรีย ขณะที่เธอพยายามทำใจให้ยอมรับความจริงที่ว่าจอมเวทย์ในตำนานกำลังเรียกหลานชายของเธอว่า พ่ออยู่
“เห้อออ…ฉันต้องการเครื่องดื่มที่แรงกว่านี้”
มิร่าพูดขณะที่เธอหยิบเครื่องดื่มออกมาและเริ่มดื่มลงไป ซึ่งเอเลนอร์ก็ทำตามเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเธอทั้ง 2 คน ผมก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เอเลนอร์จะถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“มีอะไรน่าขำเหรอไง?”
“ผมก็แค่เป็นห่วงว่าต้องทำยังไงถึงจะได้รับความไว้วางใจจากพวกคุณ แต่การได้พูดคุยและเห็นคุณ 2 คนก็ทำให้ผมเข้าใจแล้วครับว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน…”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม รอยยิ้มที่สวยงามทั้ง 2 ก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเธอ
“เธอนี่ปากหวานจริงๆ นะ”
มิร่าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะวางขวดกลับลงบนโต๊ะ โดยที่ดวงตาของเธอไม่เคยละสายตาจากไอดอลของตัวเองเลยในขณะที่เธอถามขึ้นมา
“อีกนานเท่าไหร่ที่เธอจะกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้งงั้นเหรอ?”
“อีกประมาณ 2 สัปดาห์ครับ”
ผมตอบ
ทั้ง 2 สาวพยักหน้า ดูเหมือนจะพยายามหาวิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
“แล้วเราควรทำยังไงกันดีครับ?”
ผมถาม ซึ่งพวกเธอก็ทำเพียงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เอเลนอร์จะพูดขึ้น
“แยกพวกเธอออกจากกันซักพักเพื่-”
“ไม่เอา!”
อาเรียตะโกนออกมาด้วยความโกรธก่อนที่เอเลนอร์จะพูดจบ ความโกรธของอาเรียปะทุทุกสิ่งรอบตัวพวกเธอ ผลักทั้งเอเลนอร์และมิร่าออกไปพร้อมกับเลือดที่ไหลอาบจมูกของพวกเธอ ความแตกต่างระหว่างพลังของพวกเธอรุนแรงเกินกว่าที่ทั้งคู่จะมองข้ามได้
เมื่อมองดูสภาพของพวกเธอแล้ว ผมสามารถเห็นคำเตือนอันละเอียดอ่อนตรงหน้าพวกเธอได้ว่าคนที่ผมดูแลอยู่นั้นเป็นหนึ่งในผู้กล้าในตำนานทั้ง 11 คน ผู้ที่เข้าถึงระดับพลังมังกรขั้นต่ำ
“ชู่ววว…ไม่ต้องห่วงนะ พ่อจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความรักพร้อมลูบหัวอาเรีย
เด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่หัวเราะเบาๆ ขณะที่อารมณ์ของเธอเปลี่ยนเป็นมีความสุขทันที และหัวเราะอย่างเขินอายเมื่อได้รับความสนใจจากผม
เมื่อเห็นเช่นนี้ผมก็หันไปสนใจพวกมิร่า แล้วพูดขอโทษออกมา ซึ่งพวกเธอก็ส่ายหัวเพื่อแสดงให้ผมเห็นว่าพวกเธอสบายดี
“นี่มันอันตรายกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก”
เอเลนอร์พูดขณะจ้องมองไปยังอาเรียที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
ผมพยักหน้าเห็นด้วย มันคงเป็นหายนะหากเธอปลดปล่อยอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างรุนแรงออกมาและลบเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ออกจากแผนที่โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นเมื่อมีพวกโบสถ์อยู่ที่นี่ แต่ก็อาจเกิดการสูญเสียชีวิตอย่างรุนแรงก็เป็นไปได้
“ผมมีแผนอยู่ครับ…”
ผมพูดเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเธอ และเมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังตั้งใจอยู่ ผมก็มองไปทางอาเรียและถามด้วยน้ำเสียงน่ารักและตลกขึ้น
“อาเรียจ๊ะ…”
“คะพ่อ?”
เธอตอบกลับ
“หนูเปลี่ยนร่างกายตัวเองให้เป็นเด็กได้ไหมคะ?”
“อือออ…ยังไงเหรอคะ?”
เธอถามกลับมา ด้วยเหตุนี้ผมจึงส่งรูปถ่ายเกรซวัย 9 ขวบ ซึ่งเป็นภาพที่ผมเคยซ่อนไว้ในอดีตให้เธอไป และเมื่อได้รับรูปไปแล้วอาเรียก็พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลงร่างเป็นเด็กแบบนี้หน่อยสิคะ”
ผมบอกเธอ ซึ่งในไม่ช้าแสงอันละเอียดอ่อนก็ปกคลุมร่างกายของเธอและกลายเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบที่น่ารักมากไป ตอนนี้ร่างกายของเธอพอดีกับตักของผมขึ้นมากในขณะที่เธอกอดผมไว้แน่น
“หนูทำได้ดีหรือเปล่าคะ?”
เธอถามผมด้วยสายตาคาดหวัง ซึ่งผมก็ลูบหัวเธออีกครั้งก่อนจะหันหน้าไปทางเอเลนอร์และมิร่าที่ตกตะลึงแล้วพูด
“ทักทายอาเรีย ไลออนฮาร์ท ญาติห่างๆ ของครอบครัวเราหน่อยสิครับ”
คำพูดของผมทำให้ผู้หญิงสองคนหลุดจากความงุนงงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดวงตาที่ขุ่นมัวของพวกเธอเริ่มเข้าใจส่วนลึกของความคิดของผม
“นี่ฉันควรบอกเกรซไหมเนี่ย?”
มิร่าถาม ซึ่งผมก็ตอบเธอกลับไปว่า
“รบกวนด้วยครับ…”
ด้วยเหตุนั้น แผนการที่ผมวางไว้นานก็จะต้องเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและนำไปใช้ในเร็วๆ นี้
“ว้าว นี่มัน…”
“ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมครับ?”
ผมพูดต่อคำพูดของเกรซ
ตอนนี้เกรซกำลังนั่งอยู่ข้างผมและมองดูอาเรียที่เกาะผมเหมือนโคอาล่า การเปลี่ยนแปลงของเธอทำให้ผมรับมือกับเธอได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
หลังจากเข้าใจแผนของผมแล้ว ผมจึงติดต่อเรียกเกรซมา ปฏิกิริยาของเธอไม่ได้ดีไปกว่าของเอเลนอร์หรือมิร่าเลย
ในความเป็นจริงเธอต้องใช้เวลามากกว่าอีกในการประมวลผลข้อมูลของเด็กผู้หญิงที่เป็นภาพเสมือนของเกรซที่กำลังนั่งอยู่บนตักของผมและเรียกผมว่าพ่อ ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่อาเรียที่โตเต็มวัยก็มีหน้าตาคล้ายกับเกรซ
คนอื่นๆ คงจะมองว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกันหากพวกเธอยืนอยู่ข้างๆ กัน ซึ่งถือเป็นความคล้ายคลึงที่แปลกประหลาดมากหากให้ผมพูดหล่ะก็นะ
‘มีความลับบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่ไหม?’
ผมถามระบบ
[ ถูกต้อง ]
ระบบตอบกลับ แม้แต่ในตอนที่ผมเห็นหน้าของอาเรียเป็นครั้งแรก ผมยังคิดอยู่เลยว่าเธอหน้าคล้ายกันกับเกรซ หลายคนถึงกับบอกเลยว่าเกรซอาจเป็นการกลับชาติมาเกิดของอาเรีย แต่ผมถือว่านั่นเป็นเพียงเสียงพูดพล่ามธรรมดาในหมู่คนทั่วไป อย่างไรก็ตามผมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว ผมจะทำได้ยังไงเมื่ออาเรียหันไปหาเกรซแล้วเรียกเธอว่า
“แม่คะ?”
‘ช่างแมx่งละ…’
…
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต