The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 466 Date Of The Fairy World
มุมมองบุคคลที่สาม :
พระอาทิตย์ตกส่องแสงเจิดจ้าสะท้อนกับผิวน้ำของทะเลสาบ ขณะที่ทั้งออสตินและเอลด้านั่งอยู่ที่นั่นเพลิดเพลินไปกับฉากที่สวยงาม พวกเขาตกอยู่ในห้วงแห่งความรักที่มีแค่กันและกันอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ออสตินจะพูดขึ้นมา
“เราจะมุ่งหน้าสู่อาณาจักรนางฟ้า ไปตามกระแส…”
“อืม…ค่ะ”
ขณะที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เปล่งแสงสีทองอันอบอุ่นไปทั่วผืนแผ่นดิน ออสตินก็ยื่นมือไปหาเอลด้า และด้วยรอยยิ้มที่สดใสเอลด้าก็ยอมรับด้วยความยินดี ปลายนิ้วของเธอปัดไปที่เขาขณะที่เชื่อมต่อกัน
“เธอพร้อมหรือยังสำหรับการเดินทางสู่โลกที่ความฝันเป็นจริง เอลด้าที่รักของฉัน”
ออสตินถาม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความลึกลับ
ดวงตาของเอลด้าเป็นประกายด้วยความยินดี
“ค่ะ หนูรอช่วงเวลานี้มานานแล้วค่ะที่รักของหนู”
เอลด้าตกลงอย่างเขินอายหลังจากนั้นทั้งสองก็เปิดประตูสู่อาณาจักรนางฟ้า ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงอาณาจักรสีเขียวที่สวยงาม ที่ซึ่งเวทมนตร์ไหลผ่านอยู่ทุกอนูและสิ่งมีชีวิตในตำนานที่สัญจรไปมาอย่างอิสระ
ออสตินและเอลด้าออกเดทสุดพิเศษที่จะตราตรึงอยู่ในใจพวกเขาตลอดไป เอลด้าผู้งดงามและจิตวิญญาณอันอ่อนโยนของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังในขณะที่เธอรอคอยเซอร์ไพรส์ที่น่าหลงใหลที่ออสตินเตรียมไว้ให้เธอ
ขณะที่พวกเขาโผล่ออกมาอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่าอันงดงามและมีแสงไฟสว่างไสวด้วยความนุ่มนวลระยิบระยับอยู่ในอากาศ ใบไม้ของต้นไม้โบราณส่งเสียงกระซิบที่มากับสายลมและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าก็อบอวนประสาทสัมผัสของพวกเขา
“ที่นี่คือที่ไหนงั้นเหรอคะ?”
เอลด้าถามเพราะเธอไม่เคยมาฝั่งนี้ของอาณาจักรมาก่อน
“แค่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันก็พอ”
ออสตินพูดพร้อมกับจับมือของเอลด้าเพื่อนำทางเธอเข้าไปในป่าลึกเข้าไป ซึ่งพวกเขาได้พบกับกลุ่มพิกซี่ขี้เล่น สิ่งมีชีวิตซุกซนที่บินอยู่แถวนั้น ทิ้งร่องรอยของฝุ่นสีทองที่ส่องแสงระยิบระยับเมื่อพวกมันตื่น เอลด้าส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยทำนองที่สอดคล้องกับเสียงหัวเราะคิกคักของพิกซี่
ขณะที่พวกเขาเดินทางต่อไป พวกเขาก็พบกับพื้นที่โล่งที่ซ่อนอยู่ซึ่งมีงานเลี้ยงมหัศจรรย์รอพวกเขาอยู่ โต๊ะที่ประดับประดาด้วยความประณีตอันงดงามปรากฏขึ้นมาในอากาศราวกับถูกเรียกมาจากความว่างเปล่า ถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำประกายแวววาวท่ามกลางแสงจันทร์ เชิญชวนให้พวกเขาได้ลิ้มรสความมหัศจรรย์ของอาณาจักร
พวกเขารับประทานอาหารเลิศรสที่ปรุงจากวัตถุดิบที่มาจากป่าอันน่าหลงใหล เนื้อกวางย่างชุ่มฉ่ำเสิร์ฟพร้อมกับผลเบอร์รี่ป่ากระตุ้นต่อมรับรส ในขณะที่จานผักย่างเคลือบน้ำผึ้งก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่บ่งบอกถึงความโปรดปรานของโลก
ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ออสตินก็ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในตำนานและดินแดนอันห่างไกล ซึ่งทำให้เอลด้าหลงใหลด้วยคำพูดของเขา พวกเขาหัวเราะและดื่มด่ำไปกับแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านไป หัวใจของพวกเขาประสานกันราวกับเถาวัลย์และแข็งแกร่งขึ้นทุกวินาทีที่ผ่านไป
หลังจากจบงานเลี้ยง พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำที่ส่องประกายระยิบระยับซึ่งไหลอยู่ใต้แสงจันทร์ที่ส่องประกาย
ออสตินนำเอลด้าไปยังเรืออันงดงาม ซึ่งสร้างขึ้นจากเปลือกไม้โบราณและประดับประดาด้วยดอกไม้ที่เปล่งแสงอันนุ่มนวล พวกเขาล่องเรือไปตามแม่น้ำ สายน้ำพาพวกเขาผ่านอาณาจักรน้ำตกเรืองแสงและเกาะลอยฟ้า
เมื่อท้องฟ้ายามค่ำคืนเผยให้เห็นความงดงามเต็มที่ ออสตินและเอลด้าก็พบว่าตัวเองอยู่ในสวนสวรรค์ ดอกไม้ทุกสีเบ่งบาน แต่ละกลีบเปล่งประกายเรืองรองอันนุ่มนวล ออสตินและเอลด้าเต้นรำท่ามกลางสวรรค์อันบริสุทธิ์แห่งนี้ด้วยย่างก้าวที่บางเบาและสง่างามราวกับลอยอยู่บนอากาศ สวนโอบกอดพวกเขา พลิ้วไหวตามการเคลื่อนไหว ก่อให้เกิดเป็นท่วงทำนองแห่งความงามตามธรรมชาติ
เมื่อราตรีใกล้เข้ามา ออสตินนำทางเอลด้าไปยังน้ำตกอันงดงาม น้ำที่ลดหลั่นทำให้เกิดม่านหมอกสีรุ้ง พวกเขายืนตะลึงกับความยิ่งใหญ่ของมัน เสียงน้ำไหลที่สะกดใจพวกเขา ออสตินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเขาแล้วดึงขวดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับออกมา
พวกเขาปิดผนึกทุกสิ่งด้วยการจูบอันอ่อนโยน วิญญาณของพวกเขาประสานกันในขณะที่แสงดาวเต้นระบำอยู่รอบตัวพวกเขา เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งในขณะนั้น เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังแห่งความรักและเวทมนตร์ที่อยู่ในใจของพวกเขา
ขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาแยกออก ท่วงทำนองอันนุ่มนวลและน่าหลงใหลก็ดังก้องไปทั่วอากาศซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากหุบเขาอันห่างไกล เสียงนั้นกวักมือเรียกพวกเขา ดึงหัวใจของพวกเขาด้วยเสน่ห์อันไม่อาจต้านทานได้ ออสตินและเอลด้าจับมือกันเดินตามท่วงทำนองอันบริสุทธิ์ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวที่นำพวกเขาลึกเข้าไปในป่าที่น่าหลงใหล
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้หุบเขา เสียงเพลงก็ดังขึ้น สะท้อนผ่านต้นไม้และสะท้อนอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขา ใต้ร่มเงาแสงจันทร์ของที่นั่น พวกเขาพบเจอกับกลุ่มของนางฟ้า ปีกของพวกเขาส่องแสงแวววาว ในขณะที่เหล่านางฟ้าเต้นรำกันอย่างสง่างาม การเคลื่อนไหวของพวกเขาประสานกับท่วงทำนองอันน่าหลงใหลอย่างสมบูรณ์แบบ
ดวงตาของเอลด้าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเธอมองไปยังนางฟ้าที่กำลังเต้นรำและหมุนวนอยู่ใต้แสงจันทร์
ออสตินเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ
“เรามาอย่างสันติ สิ่งมีชีวิตที่ยุติธรรม เราถูกดึงดูดด้วยความงดงามจากบทเพลงของพวกคุณ”
เหล่านางฟ้าหยุดชั่วขณะพร้อมกับดวงตาของพวกเขาที่เป็นประกายด้วย ‘ความอยากรู้อยากเห็น’ ขณะที่พวกเขาเล่นบทที่พวกเขาควรจะเป็น ในขณะที่เอลด้ามองดูทั้งหมดนี้ด้วยรอยยิ้ม หนึ่งในนั้นซึ่งมีปีกคล้ายกลีบกุหลาบละเอียดอ่อนก็บินมาข้างหน้าและพูดด้วยเสียงที่ฟังราวกับสายลมอันอ่อนโยน
“ยินดีต้อนรับมนุษย์ทั้งหลาย สู่ดินแดนของเรา เราสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ของความรักของพวกเจ้าและอดไม่ได้ที่จะแบ่งปันของขวัญของเรากับพวกเจ้า”
ด้วยการโบกมือของเธอ นางฟ้าได้เสกฝนหิ่งห้อยเรืองแสงที่เต้นไปรอบๆ ออสตินและเอลด้า แสงสีทองอันอบอุ่นส่องลงมาบนพวกมัน หิ่งห้อยทอลวดลายที่ซับซ้อนในอากาศ ก่อให้เกิดถ้อยคำแห่งความรักและความหวัง สื่อถึงแก่นแท้ของความเชื่อมโยงของออสตินและเอลด้า
หัวใจของเอลด้าพองโตด้วยความขอบคุณในขณะที่เธอชมการแสดงอันน่าหลงใหล เธอหันไปหาออสตินก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์
“นี่มันเกินกว่าสิ่งใดที่หนูจินตนาการไว้อีกค่ะ ขอบคุณสำหรับวันที่สวยงามนี้นะคะ”
ขณะที่หิ่งห้อยค่อยๆ จางหายไป นางฟ้าก็พาออสตินและเอลด้าเข้าไปลึกในหุบเขา พวกเขามาถึงทะเลสาบอันเงียบสงบ พื้นผิวของมันส่องแสงระยิบระยับราวกับแสงจันทร์ ในใจกลางทะเลสาบมีแท่นลอยน้ำรอพวกเขาอยู่ โดยที่มันถูกประดับไปด้วยกลีบอันละเอียดอ่อนที่ส่องแสงอันนุ่มนวลในเวลากลางคืน
นางฟ้ายื่นมือของเธอไปทางแท่นก่อนจะพูดออกมา
“จงเดินขึ้นไปบนเรือแห่งความฝัน และมันจะพาพวกเจ้าไปสู่ใจกลางทะเลสาบ ที่ซึ่งความรักของพวกเจ้าจะถูกอวยพรจากภูติแห่งน้ำ”
ออสตินและเอลด้าทำตามคำแนะนำของนางฟ้าและก้าวขึ้นไปบนแท่น ในตอนนั้นเองที่พื้นผิวของทะเลสาบกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางน้ำที่น่าทึ่ง ปลาหลากสีว่ายอยู่ข้างใต้ เกล็ดของมันสะท้อนแสงแสงจันทร์ ขณะที่ดอกบัวบานสะพรั่ง ปล่อยกลิ่นหอมลอยไปในอากาศ
แท่นดังกล่าวแล่นข้ามทะเลสาบอย่างสง่างาม โดยนำออสตินและเอลด้าไปยังศูนย์กลาง ภาพลวงตาของนางเงือกโผล่ออกมาจากส่วนลึก เสียงของพวกเธอผสมผสานกันอย่างกลมกลืนทำให้เกิดท่วงทำนองอันบริสุทธิ์ที่สะท้อนผ่านตัวตนของพวกเขา
ขณะที่นางเงือกร้องเพลง หยดน้ำก็ลอยขึ้นมาจากทะเลสาบ ก่อตัวเป็นน้ำตกไข่มุกเหลวที่พร่างพราวล้อมรอบออสตินและเอลด้า
ไข่มุกเปล่งประกายด้วยสีฟ้า, สีเขียวและสีทอง สื่อถึงความรักอันลึกซึ้งและความมหัศจรรย์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง
ด้วยความงามที่รายล้อมพวกเขา ออสตินและเอลด้าก็โอบกอดกัน หัวใจของพวกเขาเต้นเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกับท่วงทำนองของนางเงือก พวกเขาผนึกความรักของตนด้วยการจูบ ริมฝีปากของพวกเขาประกบกันในขณะที่ไข่มุกน้ำร่วงหล่นลงมา ห่อหุ้มพวกเขาไว้ด้วยรังไหมแห่งความรักและความน่าหลงใหล
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งขณะที่พวกเขายังคงอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน โลกรอบตัวพวกเขาค่อยๆ จางหายไปจนกลายเป็นสีสันอันบริสุทธิ์ที่เลือนลาง
ในที่สุดเมื่อพวกเขาแยกจากกันขณะที่ต่างฝ่ายต่างมองตาของกันและกันอยู่ และพวกเขาต่างก็รู้ว่าช่วงเวลานี้จะถูกจารึกไว้ในหัวใจของพวกเขาตลอดไปในฐานะจุดสุดยอดแห่งความรักของพวกเขา
ขณะที่แท่นแล่นกลับเข้าฝั่ง เหล่านางฟ้าก็กล่าวคำอำลาพร้อมกับโปรยกลีบดอกไม้ที่กลายร่างเป็นผีเสื้ออันละเอียดอ่อนที่เต้นรำอยู่รอบๆ เพื่อแสดงถึงความสง่างามและความงามเป็นครั้งสุดท้าย
ออสตินและเอลด้าจับมือกันเดินกลับเข้าไปในป่าลึกลับด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักและความขอบคุณสำหรับการเดินทางสุดพิเศษที่พวกเขาได้มีร่วมกัน
ขณะที่เดินเอลด้าอยู่ก็กระตุกไปที่มุมชุดของออสตินทำให้เขาหันกลับมามองเธอ ทำให้เขาพบเข้ากับความรักอันบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเอลด้า
“ไปที่ห้องของพี่กันเถอะค่ะ…”
เอลด้าเรียกร้องขณะกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อยด้วยความปรารถนา
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต