The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 471 Helping A Princess In Need is Indeed a Good Deed
- Home
- The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต
- ตอนที่ 471 Helping A Princess In Need is Indeed a Good Deed
ผมทิ้งคาร์เมลที่บูดบึ้งไว้เบื้องหลังและเดินทางไปยังส่วนที่มีคนอยู่มากกว่าในชมรม โดยมีสมาชิกหลายคนเข้ามาในสายตาของผมขณะที่พวกเขาจ้องมองมาที่ผมด้วยความเคารพที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมของผมในการเป็นผู้นำสงคราม และอาจเป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วผมจะไม่ได้เป็นคนทำก็ตาม
เมื่อเดินไปยังกลุ่มต่างๆ ผมก็สัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่พวกเขาจ้องมองมาที่ตัวเอง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความชื่นชม เป็นประสบการณ์ที่น่าดีใจจริงที่ได้รู้ว่าตัวเองได้รับความเคารพจากพวกเขาไม่เพียงแต่ในฐานะลูกศิษย์ของจักรพรรดินีเอเลนอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นนักธนูที่มีฝีมืออีกด้วย ชมรมยิงธนูเป็นสถานที่ที่ความสามัคคีและความหลงใหลร่วมกันเจริญงอกงาม และผมก็ตั้งใจที่จะยอมรับความรู้สึกของชุมชนนั้น
เมื่อผมเข้าใกล้กลุ่มแรก พวกเขาก็ทักทายผมด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่อบอุ่น ความกระตือรือร้นของพวกเขาที่จะได้พูดคุยและเรียนรู้จากผมนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พวกเราร่วมการสนทนาที่มีชีวิตชีวาเกี่ยวกับเทคนิคการยิงธนู, แบ่งปันเรื่องราวที่น่าจดจำที่สุดของเรา, แลกเปลี่ยนเคล็ดลับและลูกเล่นเพื่อพัฒนาทักษะของเรา เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และความสนิทสนมกันอย่างน่ายินดี
เมื่อย้ายจากกลุ่มหนึ่งไปอีกกลุ่มหนึ่ง ผมได้พบกับบุคคลที่มีภูมิหลังและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน บางคนเป็นนักธนูที่ช่ำชอง โดยมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมานานหลายทศวรรษ ในขณะที่บางคนยังใหม่กับอาวุธชนิดนี้ซึ่งมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และเติบโต ผมตั้งใจฟังพวกเขาอย่างอดทน โดยให้คำแนะนำและกำลังใจแก่ผู้ที่แสวงหามัน เราหัวเราะ, ผูกพันและสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชมรมยิงธนู
ระหว่างการสนทนาและการสาธิต ผมเข้าร่วมการแข่งขันซ้อมกระชับมิตร การเผชิญหน้าแต่ละครั้งเป็นโอกาสที่จะแสดงทักษะของผม แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้ผมสามารถประเมินศักยภาพและพรสวรรค์ของเพื่อนนักธนูได้ เรามีส่วนร่วมในการต่อสู้อันดุเดือดเพื่อความแม่นยำและไหวพริบ ลูกธนูที่พุ่งไปในอากาศ แต่ละลูกที่ถูกยิงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของเราในอาชีพนี้
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เสียงลูกธนูกระทบเป้าหมายดังก้องไปทั่วอากาศ เรามีความสุขในพลังร่วมกัน ความรักที่มีร่วมกันต่อการยิงธนูที่หล่อหลอมความผูกพันที่อยู่เหนือความคุ้นเคยในระหว่างการฝึกซ้อม ผมได้แบ่งปันเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการเดินทาง, เรื่องราวของสัตว์ในตำนานและทิวทัศน์อันน่าหลงใหลที่ทำให้เพื่อนใหม่ของผมหลงใหล
นักธนูคนหนึ่งดึงดูดความสนใจของผม หญิงสาวคนนั้นชื่อลีโอน่า ความหลงใหลในการยิงธนูของเธอไม่อาจปฏิเสธได้ ความมุ่งมั่นของเธอส่องประกายผ่านทุกการเคลื่อนไหวของเธอ
ผมใช้เวลามากมายในการชี้แนะเธอ ช่วยเธอปรับปรุงเทคนิคและควบคุมความสามารถโดยกำเนิดของเธอ เราร่วมกันเจาะลึกความซับซ้อนของการยิงธนู, วิเคราะห์รูปแบบทักษะและเปิดเผยความลับของมัน
เมื่อตะวันคล้อยต่ำลง แสงอาทิตย์ก็เริ่มสาดแสงอันอบอุ่นมายังชมรมยิงธนู เรารวมตัวกันเป็นวงกลมเพื่อแบ่งปันอาหารและดื่มด่ำกับมิตรภาพที่ถูกสร้างขึ้น มีเสียงหัวเราะ, การเล่าเรื่องและความรู้สึกถึงความสามัคคีที่ห่อหุ้มเราไว้ ชมรมยิงธนูกลายเป็นมากกว่าสถานที่ฝึกซ้อม เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บ้านที่ผู้ที่มีความคิดเหมือนกันได้รับความปลอบใจในการแสวงหาความหลงใหลที่มีร่วมกัน
เมื่อค่ำใกล้จะมาถึง ผมใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อใคร่ครวญถึงความสัมพันธ์ที่ตัวเองได้สร้างขึ้น ชมรมยิงธนูเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวาของบุคคลที่หลากหลาย แต่ละคนมีเรื่องราวและแรงบันดาลใจเป็นของตัวเอง ธนูทำให้เราได้มารวมตัวกันด้วยความรักและความเคารพต่ออาวุธชิ้นนี้ที่มีร่วมกัน
ผมรู้ว่าการปรากฏตัวของตัวเองในชมรมนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พวกเขาส่งผลกระทบต่อชีวิตของผมด้วย ผมไม่เพียงแต่แบ่งปันทักษะและความรู้ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังซึมซับพลังงานและความหลงใหลที่พวกเขาแผ่ออกมาอีกด้วย ในขณะนั้นผมรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อชมรมยิงธนูและผู้คนที่ให้การสนับสนุน
“แบบนี้ค่อยผ่อนคลายหน่อย…”
ผมคิดขณะยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ควรจะเป็น ไม่นานผมก็สนุกสนานกับการโต้ตอบกับพวกเขาทุกคนก่อนออกเดินทาง ผมคิดถึงเจ้าหญิงคนต่อไปให้จะจัดการ ซึ่งได้วางแผนไว้แล้วและจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
อีกครั้งที่ผมผ่านประตูเทเลพอร์ทไปอย่างง่ายดายและมาถึงยังพื้นที่ของฝ่ายทะเล
กลิ่นคาวแบบเดียวกันนั้นเข้ามาในจมูกของผมขณะจ้องมองไปตามทะเลรอบๆ ที่ผู้คนเดินไปมา รูปร่างหน้าตาของผมดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปซักพักหนึ่งผมก็กลายเป็นจุดสนใจในทันที
“เมื่อไหร่ทุกคนจะเลิกโวยวายกันซักทีนะ…”
นี่คือเหตุผลหลักที่ผมชอบไม่เปิดเผยตัวตน ผมได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากปรากฏตัวออกมาจากประตูเทเลพอร์ทด้วยรอยยิ้มอันสงบ
ผมออกจากพื้นที่ประตูมิติและเดินผ่านไปโดยที่ทุกสายตาจ้องมองมาที่ผมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
คราวนี้คนส่วนใหญ่ไม่ได้แสดงความไม่พอใจมาที่ผมแล้ว การกระทำและอำนาจของผมได้กำหนดจุดยืนของผมแล้ว และพวกเขาคงไม่โง่เขลาพอที่จะต่อต้านผมเพราะมันไม่มีประโยชน์เลย แถมผมยังได้รับเสียงเรียกจากชาวทะเลแสนสวยอีกด้วย เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าเสน่ห์ของผมได้ผลมาก
ในตอนที่ผมกำลังเดินอยู่นั้นเองก็ได้มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
“รอก่อนค่ะท่าน โปรดตามฉันมาด้วยค่ะ”
เธอพูด ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาร์ลีนเป็นคนส่งเธอมาที่นี่ขณะที่เธอยื่นตราสัญลักษณ์บางอย่างให้ผม
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็พยักหน้าให้เธอแล้วเริ่มเดินตามเธอไป ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้น คนอื่นๆ ก็ละสายตาจากผมไปทันที สถานะของเธอสูงพอที่จะทำให้ทุกคนต้องละสายตาจากข้อมูลที่ผมได้รับ เธอเป็นมือขวาคนใหม่ของมาร์ลีนแทนที่พี่ชายของมาร์ลีนที่ตอนนี้ถูกปลดออกแล้ว
ความจริงแล้วเหตุผลหลักที่ผมไม่ได้พบเธอจนถึงตอนนี้ก็เพราะเธอต้องจัดการกับเรื่องไร้สาระของพี่ชายของเธอเองที่พยายามจะฆ่าเธอ ท้ายที่สุดเธอยังคงมีระเบิดเวลาแห่งคำสาปที่พี่ชายของเธอวางไว้อยู่อีก ระเบิดที่ทำให้พลังของเธอหมดไป อันเดียวกับที่ผมสร้างเรื่องราวของผู้ช่วยเหลือมังกร
มันง่ายสำหรับผมที่จะเข้าใจว่ามาร์ลีนอาจต้องการดึงข้อมูลจากพี่ชายของเธอเพื่อรู้ว่ามีวิธีอื่นใดที่จะลบล้างคำสาปนั้นได้หรือไม่ แต่ผมรู้แน่นอนว่าเธอจะไม่ได้อะไรจากพี่ชายของเธอหรอก
ทำไมงั้นเหรอ?
เพราะเขาตายแล้ว…
ผมไม่ได้ให้คำสาปเขาโดยไม่ได้วางแนวทางของตัวเองเพื่อจัดการกับเขาเอาไว้หรอกนะ ทันทีที่ลงน้ำเขาจะถูกฆ่าตาย แน่นอนว่าข่าวนี้ยังคงถูกปิดไว้อยู่
‘อีกนานแค่ไหนกันนะ?’
ผมไตร่ตรองขณะที่จิตใจของผมเปล่งประกายด้วยแนวคิดบางอย่างที่เก็บงำไว้ ซึ่งแต่ละแนวคิดนั้นต่างเหมาะที่จะนำไปใช้จริงทั้งนั้น
ในไม่ช้าขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยอยู่ เราก็มาถึงบริเวณที่มีลักษณะคล้ายพระราชวังขนาดใหญ่ ผมจำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือตอนนี้มาร์ลีนถือว่าผมเป็นเพื่อนที่สนิทกับเธอมาก ซึ่งในไม่ช้าผมได้วางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงให้ดีมากกว่านี้
“โปรดมาทางนี้ค่ะ…”
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผมพูดและเดินผ่านฝูงชนที่สายตาจับจ้องมาที่ผมอีกครั้งอย่างเชี่ยวชาญ
ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็มาอยู่หน้าประตูบานหนึ่งก่อนจะเข้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผู้หญิงอยู่ข้างหลังประตูบานนั้น สายตาของผมจับจ้องไปที่มาร์ลีน ซึ่งรูปร่างของเธอดูแย่กว่าเดิมเนื่องจากดวงตาของเธอมีรอยคล้ำอยู่รอบๆ และดูผอมลงเล็กน้อย
ผมเห็นได้ว่าผมของเธอยุ่งนิดหน่อย โดยรวมแล้วเธอดูไม่ดีเลย สีหน้าของเธอแสดงความสับสน มากพอที่จะกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจจากสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
‘เยี่ยมเลย’
สีหน้าของผมดูจริงจังและเป็นกังวลเมื่อเห็นมาร์ลีน
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?!”
เสียงที่เป็นกังวลของผมทำให้ใบหน้าของเธอยิ้มขณะโบกมือมาให้ผม
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จัดการกับพวกขุนนางในฐานะผู้ปกครองมาหน่ะ”
เธอตอบทำให้ผมเงียบไป
ผมส่ายหัวกับคำพูดของเธอก่อนจะนั่งลงข้างเธอ โดยรักษาระยะห่างที่สมบูรณ์แบบขณะที่มือของผมจับมือเธอเบาๆ โดยไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างเราสองคนในขณะที่เรายังคงจับมือกันอยู่
ผมเป็นคนทำลายความเงียบด้วยการพูดขึ้นมา
“เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังหน่อยสิ”
ช่วงเวลาแห่งความลังเลแวบผ่านดวงตาของเธอครู่หนึ่งก่อนที่ความแข็งแกร่งของผู้ปกครองท้องทะเลในอนาคตจะกลับมาสู่ดวงตาของเธอขณะที่เธอตอบสนอง
“ฉันแข็งแกร่งหน่า”
“ฉันรู้ แต่แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องการการพักผ่อนในบางครั้งนะ และฉันก็เป็นผู้ฟังที่ดี ผู้ที่ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อทะเลได้”
คำตอบที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของผมทำให้มาร์ลีนเงียบไป ประสบการณ์ในอดีตที่เราเผชิญอาจเล่นอยู่ในใจของเธอเมื่อเธออ้าปาก
“ฉันเหนื่อย…”
และจากตรงนั้น เรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต