The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 475 Into The Ice
‘น่าจะสนุก…’
ผมครุ่นคิดขณะยืนอยู่ ณ สถานที่ที่กำหนดไว้สำหรับการพบกันของเรา คลาร่ากับผมใช้เวลาดีๆ ร่วมกันมาสักระยะแล้วหากเรามีโอกาส มันไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ใกล้ชิดในสถาบัน ในขณะที่ผมมีมังกรที่ทรงพลังและขี้อิจฉาสองคนที่คอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา เพียงเฉพาะตอนที่ผมแน่ใจว่าความสนใจของพวกเธออยู่ที่อื่นเท่านั้นที่ผมจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
และตอนนี้เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบเนื่องจากพวกเธอทั้งสองได้หายตัวไปจากสถาบันด้วยเหตุผลง่ายๆ จากการที่ทั้งสการ์เล็ตและเซเลสทีเนียได้แอบฟังการสนทนาของผมกับเกรซ, มิร่าและเอเลนอร์ ดูเหมือนพวกเธอจะครุ่นคิดอย่างจริงจังในการให้เวลาส่วนตัวกับผมบ้าง
โดยปกติแล้วผมจะต้องหลอกเวทมนตร์และประสาทสัมผัสที่พวกเธอใส่ผมไว้ในขณะที่ผมกำลัง “นอกใจ” แต่ด้วยการที่พวกเธอให้เวลาส่วนตัวกับผมจึงทำให้ผมมีพื้นที่หายใจบ้าง
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการคือคาร์เมล สุดท้ายผมก็ออกมาจากการพูดคุยกันด้วยอารมณ์ไม่ดี และเธอก็จะพยายามติดต่อผมอย่างแน่นอน ผมวางแผนจะปลอบเธอแล้ว แต่หาเวลาพักสักหน่อยจะดีกว่า นี่จะช่วยให้เธอมีเวลามากขึ้นที่จะแผดเผาความเจ็บปวดของเธอ ในขณะที่มีการพิสูจน์ว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการของน้องสาวเธอ ผมได้สั่งคลาร่าไปแล้วว่าต้องทำอย่างไรถ้าคาร์เมลมาพบผม และผมมั่นใจว่าคลาร่าจะทำหน้าที่ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเพิ่มความรู้สึกผิดในใจของคาร์เมล
ขณะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมก็รู้สึกได้ถึงการสะกิดที่ข้างตัว ทำให้ผมหันไปหามาร์ลีนที่ปลอมตัวอยู่ ปัจจุบันเธอดูไม่มีอะไรเหมือนปกติ เธอมีผมและตาสีดำและดูน่ารักเล็กน้อย แม้ว่าเธอยังคงมีส่วนสูงที่ตรงกับของผมก็ตาม เพื่อให้เข้ากับการปลอมตัวของเธอในปัจจุบัน ผมเองก็ปลอมตัวมาด้วยผมและตาสีน้ำตาลที่ดูหล่อเหลาเล็กน้อย
“ปลอมตัวได้ดีหนิ”
มาร์ลีนพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ปฏิกิริยาของเธอแสดงถึงความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างเราสองคน
“เธอเองก็ดูไม่เลวเหมือนกัน”
ผมสวนกลับไปพร้อมรอยยิ้มจากเธอ การเดินไปรอบๆ ในสถานสถาบันด้วยการสวมเสื้อคลุมเป็นวิธีที่จะได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างแน่นอน การปลอมตัวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาติอาร์ติแฟกต์ที่ทำแบบนั้นได้
“แล้วเราจะไปจากที่นี่ได้ยังไง โดยไม่มีใครรู้?”
เธอถามด้วยเสียงกระซิบ ซึ่งผมก็ตอบด้วยรอยยิ้ม
“เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าน้าของฉันเป็นผู้อำนวยการของสถาบัน?”
“โอ้? เพราะอย่างงั้นนายเลยมีสิทธิพิเศษสินะ?”
มาร์ลีนยิงกลับ ซึ่งผมก็ส่ายหัว
“เปล่าหรอก นอกจากเธอจะเป็นผู้อำนวยการแล้ว เธอยังเป็นหัวหน้าของสมาคมจอมเวทย์ด้วย ดังนั้นฉันเลยมีของขวัญที่ทรงพลังบางอย่างหน่ะ”
ผมกวนกลับขณะบอกให้เธอตามมา เช่นเดียวกับผม มาร์ลีนเองก็มีสายลับคอยดูเธออยู่เหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป ทริปนี้ที่เราจะไปจะต้องเป็นความลับสุดๆ เพราะถ้ามันรั่วไหลออกไป ทั้งมาร์ลีนและผมคาดได้เลยว่าพวกนักฆ่าจะตามมาเพียบ แถมยังมีพวกคนที่พยายามใช้ประโยชน์จากมาร์ลีนอยู่อีกด้วย
‘หวังว่าเกรซจะสามารถรับมืออาเรียได้นะ’
ผมรู้แน่ว่าอาเรียที่มีความคิดแบบเด็กๆ จะต้องไม่พอใจ แต่จากสิ่งที่เห็น ผมแน่ใจว่าเกรซจะต้องสามารถควบคุมเธอได้แน่ ไม่ใช่เหตุผลที่เกรซถูกเธอเรียกว่า “หม่าม๊า” นอกจากนี้ ถ้าเธออารมณ์เสีย ผมได้ทิ้งสิ่งที่จะทำให้เธอสงบลงกับคลาร่าไว้เป็นแผนสำรองแล้ว ดังนั้นมันคงจะผ่านไปด้วยดี หวังว่านะ…
เราสองคนเดินนำมาร์ลีนเข้าไปในพื้นที่ที่เงียบสงบมากขึ้นขณะที่ผมเอื้อมมือไปหามาร์ลีนซึ่งมองมาที่ผมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“จับมือฉันไว้สิ”
ผมพูด และเธอก็จับมือผมไว้เหมือนกัน ในไม่ช้าความรู้สึกบิดเบี้ยวก็ปกคลุมเราขณะที่เราถูกดึงออกจากตำแหน่งนั้น และเมื่อมันสิ้นสุด ความหนาวเย็นก็กระทบเราสองคนราวกับลูกเห็บ
“ได้ยังไงกัน?”
เป็นคำถามแรกที่มาร์ลีนถามขณะที่เราร่อนลงบนผืนน้ำแข็งที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเป็นระยะทางหลายไมล์
“มังกรคนหนึ่งทิ้งสิ่งนี้ไว้ให้ฉันก่อนที่เขาจะตายหน่ะ เขาบอกว่าคาถานี้มีความสามารถในการพาเรามาที่นี่และกลับไปได้ครั้งหนึ่ง”
ผมอธิบายด้วยคำพูดที่ฟังดูสมเหตุสมผลพอขณะที่มาร์ลีนพยักหน้า ความหนาวเย็นส่งผลต่อเธอเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็หยิบเสื้อคลุมออกมาสวม ซึ่งผมก็ทำเช่นเดียวกัน เราไม่ได้มาที่นี่โดยไม่มีแผน ผมได้แจ้งมาร์ลีนไปแล้วว่าสถานที่ที่เราจะถูกพามาคือโฟรเซ่น ทรัดจ์ (Frozen Trudge)
โฟรเซ่น ทรัดจ์เป็นสถานที่ที่รู้จักกันดีในดินแดนซิลวิยา ซึ่งเป็นดินแดนน้ำแข็งที่เกิดจากสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างสองดินแดน และเต็มไปด้วยสมบัติหลายชิ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำแข็ง เป็นพื้นที่ล่าสัตว์ที่มีชื่อเสียงซึ่งถูกดูแลโดยกิลด์นักผจญภัย ภายใต้คำมั่นสัญญาว่าเปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรจะตกเป็นของทั้งสองดินแดน แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะน่าดึงดูด แต่ก็มีอันตรายมากมายเช่นกัน สัตว์ประหลาดหลายตัวปรับตัวเข้ากับการเดินเล่นที่นี่ และบรรยากาศเองก็ไม่ค่อยได้เปรียบ ในสถานที่แห่งนี้ถ้ามอนสเตอร์ไม่ฆ่าคุณ สุดท้ายความหนาวเย็นก็จะฆ่าคุณเอง
คำถามจึงเกิดขึ้น : ทำไมผมถึงพามาร์ลีนมาที่นี่เพื่อภารกิจในจินตนาการเพื่อช่วยเธองั้นเหรอ?
สมมติว่ากิลด์นักผจญภัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงนั้นอยู่ภายใต้องค์กรดาร์กไนท์หล่ะ? ใช่ ถูกต้องแล้ว กิลด์นักผจญภัยเป็นด้านสว่างขององค์กรดาร์กไนท์ซึ่งเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงหากผมพูดเช่นนั้น
“แล้วตอนนี้เราควรทำอะไรกันต่อดีหล่ะ?”
มาร์ลีนถามด้วยเสียงกระซิบ ซึ่งผมก็ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนเราจะรู้แล้วแหละว่าควรไปทางไหนกันดี”
ทันใดนั้นมือขวาของผมก็สว่างขึ้นพร้อมกับการก่อตัวของเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นจนกระทั่งมันกลายเป็นลูกศรชี้ไปในทิศทางหนึ่ง ทำให้ผมกับมาร์ลีนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“เหมือนเราจะต้องไปทางนั้นนะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซึ่งมาร์ลีนก็พยักหน้า และถึงแม้เธอจะผิวซีด แต่เธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกลับมา
“ไปกันเถอะ ด้วยความแข็งแกร่งของนาย ฉันก็สงสัยจริงๆ ว่าจะมีอะไรทำร้ายเราได้”
ตามคำพูดของเธอ ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ พร้อมส่ายหัวก่อนจะมุ่งความสนใจอย่าง ‘จริงจัง’ ไปที่ลูกศร
ขณะที่ผมเริ่มนำทาง หิมะนั้นก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่องรอยการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของเราถูกทิ้งไว้บนพื้น โดยไม่ต้องพูดอะไรอีก เราก็เดินหน้าต่อไป ตามลูกศรกัน
“เธอรู้สึกอะไรบ้างไหม?”
ผมถามขณะที่เราเคลื่อนตัวผ่านหิมะต่อไป
ตอนนี้การปลอมตัวของเราได้ถูกคลายออกแล้วเพราะมันเปลืองมานา ซึ่งมาร์ลีนก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ไม่เลย แต่ฉันรู้สึกได้ว่าคำสาปมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”
เธอตอบ
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของผมก็กลายเป็นจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันดีกว่า”
ผมหยุดและย่อตัวเล็กน้อยต่อหน้ามาร์ลีน
“ออสติน?”
เธอเรียกชื่อผมด้วยความสับสนเมื่อเห็นท่าทางของผม
ผมหันหน้าไปทางเธอขณะพูด
“ขึ้นมาสิ เราจะไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่เอา”
มาร์ลีนตอบ
ผมตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“มาร์ลีน เราไม่มีเวลามาเถียงกันหรอกนะ ฉันรู้ว่าพลังของเธอถูกผนึกอยู่และความหนาวเย็นส่งผลกระทบต่อเธอมากกว่าที่คิด ดังนั้นช่วยหยุดความดื้อรั้นนั้น และให้ฉันช่วยเถอะ”
คำพูดของผมทำให้เธอเงียบ ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นและรักษาท่าทางของตัวเองไว้ในขณะที่ตั้งตารอ
ไม่กี่วินาทีผ่านไปจนกระทั่งผมได้ยินเสียงมาร์ลีนถอนหายใจ และเธอก็ล้มลงบนหลังของผม
เมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเธอ ผมก็จับขาของมาร์ลีนไว้แน่น ในขณะที่ลมหายใจเย็นๆ ของเธอกระทบลงบนคอของผม
“แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ”
เสียงกระซิบอันเงียบงันดังก้องหูผม แต่ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วตอบกลับไป
“จับเอาไว้แน่นๆ หล่ะ”
หลังจากที่พูดจบ ผมก็รีบวิ่งไปข้างหน้าขณะแบกอนาคตแห่งท้องทะเลอยู่บนหลัง
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต