The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 486 What are The Girls Up To?(9)
มุมมองของโซร่า :
“บ้าจริง ไม่ได้ผลอีกแล้ว…”
โซร่าพูดออกมาในขณะมองไปยังผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลวของเธอ ความหงุดหงิดของเธอออกมาจากปากขณะที่จ้องไปยังสารละลายที่เดือดปุดๆ ที่ควรจะทำให้เธอเข้าถึงข้อมูลของห้องสมุดที่โบสถ์ได้มากกว่านี้
‘เห้อออ…ดูเหมือนว่าคงต้องลองเปลี่ยนส่วนผสมอีกครั้งแล้วสิ…’
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็ออกจากห้องทดลองและเดินไปยังโซฟา เธอนั่งลงเพื่อผ่อนคลายจิตใจขณะที่เธอเริ่มจิบเครื่องดื่มที่เตรียมไว้ ซึ่งช่วยให้จิตใจเธอผ่อนคลาย
“อ่าาา…นี่แหละ”
เธอพูดออกมาอย่างเกียจคร้านขณะเอนตัวลงบนโซฟาหลังจากดื่มเครื่องดื่ม จิตใจของเธอกระจ่างขึ้นมากขณะที่เธอมองไปรอบๆ ห้องซึ่งเต็มไปด้วยของต่างๆ ตั้งแต่สมุนไพรต่างๆ ไปจนถึงเอกสารที่ประกอบด้วยแผนการทดลองของเธอ ชั่วขณะหนึ่งแสงที่ซับซ้อนก็แวบผ่านดวงตาของโซร่าขณะที่เธอมองไปที่วัตถุดิบบางอย่าง
‘ไม่คิดเลยว่าฉันเคยมีความประทับใจที่ดีต่อเขา…’
ส่วนผสมบางอย่างในห้องนี้ได้มาจากเลโอนาร์โด้ เขาช่วยเหลือเธอหลายครั้ง และเธอเคยมองเขาในแง่ดีอยู่ แต่ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเธอเห็นว่าเขาปฏิบัติต่อออสตินอย่างไร ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลใดๆ ภายใต้ข้ออ้างในเรื่องอำนาจของออสติน
‘อึ๊กก…ทำไมฉันถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้กัน?’
โซร่าจับหัวใจของตัวเองขณะที่ภาพของออสตินแวบผ่านจิตใจของเธอ สำหรับเธอ ออสตินเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอ คนที่ให้โอกาสเธอในโลกนี้ในตอนที่เธออยู่ในจุดต่ำสุดของชีวิต พลังของเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสามารถที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางของแม่มด นั่นจึงทำให้เธอละทิ้งความเป็นไปได้ที่จะมีครอบครัวที่มีความสุขและเดินตามเส้นทางของแม่มด
เธอทำเช่นนั้นในตอนแรกเพื่อชดใช้ให้กับครอบครัวและยกพวกเขาออกจากความยากจน โซร่ายังคงจดจำความสุขที่เต็มเปี่ยมในบ้านของตัวเองในตอนที่เธอแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นแม่มด พ่อแม่ของเธอได้ทำทุกวิถีทางในวันนั้นเพื่อช่วยให้เธอกลายเป็นแม่มด ดันชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากจนของพวกเขาไปสู่การเป็นขอทานอย่างเต็มตัว ทั้งหมดในความหวังของการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของโซร่า แต่โชคชะตาดูเหมือนจะโหดร้ายกับเธอในตอนนั้น เพราะความสามารถของเธอในเส้นทางของแม่มดไม่ค่อยมีหวังนัก ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการทำยาของเธอที่ไม่ธรรมดาก็ไม่ได้รับการยอมรับจากแม่มด นั่นจึงเพิ่มแรงกดดันให้เธอมากกว่าเดิมอีก
มันเป็นช่วงที่ตกต่ำในชีวิตของเธอเองที่ออสตินให้โอกาสเธอครั้งที่สอง เขาสนับสนุนเธอและช่วยครอบครัวของเธอจากการล้มละลาย เขาให้ทุกอย่างแก่เธอและเชื่อมั่นในตัวเธออย่างเต็มที่ เขาเชื่อในตัวเธอในขณะที่เธอไม่เชื่อในตัวเอง โดยรวมแล้วเธอเป็นหนี้บุญคุณอย่างใหญ่หลวงต่อออสติน
ซึ่งการที่เลโอนาร์โด้ดูถูกออสติน ทำให้เขาตกอยู่ในบัญชีดำของเธออย่างสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังรู้สึกขอบคุณออสติน ผู้ปลุกความปรารถนาของเธอในการทำยาอย่างมาก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณออสตินที่เธอหลงใหล ซึ่งช่วยผลักดันเธอให้มายืนอยู่ ณ จุดที่เธอยืนอยู่ในขณะนี้
จนถึงจุดนี้ เธอทำทุกอย่างเพื่อช่วยออสติน และเธอมั่นใจ 100% ว่าเธอกำลังทำได้ดี
โซร่าไม่สามารถโกหกตัวเองได้ เธอมีความรู้สึกที่มากมายต่อออสตินหลังจากที่ใช้เวลาร่วมกัน มันเป็นธรรมชาติที่ความรู้สึกจะพัฒนาในตัวเธอ แต่เธอไม่เคยพยายามที่จะไล่ตามความรู้สึกนั้นเพราะเธอรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ ความต้องการใดๆ สำหรับครอบครัวถูกตัดออกจากชีวิตของเธอไปนานแล้ว นอกจากนี้เธอไม่ดีเท่ากับผู้หญิงคนอื่นที่อยู่ข้างๆ ออสตินเลย
โซร่ารู้คุณค่าของตัวเองดี และเธอรู้ว่าการมีความสัมพันธ์กับออสตินเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ดังนั้นเธอจึงระงับความรู้สึกเหล่านั้นและเริ่มเดินหน้าต่อไปกับชีวิตของเธอ จนกระทั่งเธอพบกับออสตินอีกครั้ง
“อืม~”
เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ ไฟก็เผาไหม้อย่างลึกในช่องท้องของเธอ เธอไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ออสตินเปลี่ยนไปในช่วงเวลาที่พวกเธอไม่ได้พบกัน แต่ในตอนที่เธอเจอเขาอีกครั้ง บางสิ่งในตัวเธอก็กรีดร้องด้วยความปรารถนาแล้ว มันแตกต่างจากความชอบธรรมดาที่เธอรู้สึกต่อออสติน ครั้งนี้เธอรู้สึกถึงอารมณ์ที่ดิบและดุร้ายที่ท่วมท้นอยู่ภายใน บางสิ่งที่เจาะเข้ามาในจิตใจเธอว่าออสตินที่อยู่ตรงหน้าเธอคือคนที่ต้องไล่ตาม, เฝ้าดูและต้องรักอย่างเต็มที่
โซร่าไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ แต่เธอรู้สึกได้ถึงความศรัทธาต่อเทพธิดาราเซลเลียที่กำลังสั่นไหวอยู่ที่ออสติน มันเหมือนกับว่าข้อจำกัดของครอบครัวที่วางไว้ในตอนที่เธอเลือกเส้นทางของแม่มดถูกยกออกไปในตอนที่ออสตินเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอรู้สึกได้แม้กระทั่งพรที่อยู่ในตัวเธอที่กระตุ้นให้กลืนกินออสติน เสนอร่างกายและจิตวิญญาณของเธอให้กับออสติน
และความรู้สึกใหม่ๆ ดังกล่าวไม่ได้ช่วยโซร่าที่จะทำให้เธอหลงรักออสตินเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นปัญหาจึงเกิดขึ้นกับโซร่าอีกครั้ง ด้วยเลือดที่สูบฉีด เธอพยายามผลักดันความรู้สึกเหล่านี้ออกไปและมุ่งความสนใจไปยังงานของเธอ ใช้มันเป็นสมอเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการคิดถึงออสตินและเข้าใจว่าเธอไม่มีโอกาส
เธอใช้การทำงานเป็นทางออก ใช้เวลาให้ห่างจากออสติน แต่ยิ่งเธอมีปฏิสัมพันธ์กับออสตินมากขึ้นเท่าไหร่ จิตใจของเธอก็ยิ่งมืดมัวด้วยความคิดเกี่ยวกับเขามากขึ้นเท่านั้น และในช่วงเวลานี้ อีกสิ่งหนึ่งก็เริ่มส่งผลกระทบต่อเธอก็คือความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างต่อเนื่อง
โซร่าได้พูดคุยกับผู้รักษาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่กลับไม่พบปัญหาใดๆ เลย แต่เธอประสบกับความเจ็บปวดที่รุนแรงในดวงตามาหลายครั้งแล้ว ซึ่งมันทำให้เธอโฟกัสได้ยากขึ้น ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือความเจ็บปวดเหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
“อ๊ากก!”
โซร่าจับหัวของตัวเองขณะที่ความเจ็บปวดใหม่โจมตีดวงตาของเธอ โดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอกลายเป็นประกายเหมือนดวงดาว ส่องประกายเหมือนที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก่อนที่จะจางหายไป ความเจ็บปวดคงอยู่นานก่อนที่จะจางหายไป และโซร่าก็เอนตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง
“ฉันควรทำยังไงดี?”
โซร่าถามตัวเอง ไม่ว่าเธอจะพยายามทำอะไรก็ไม่สามารถผลักความรู้สึกเหล่านี้ออกไปได้เลย การไม่ทำอะไรกับมันก็ทำให้เธอไม่สามารถโฟกัสงานของตัวเองได้ ในไม่ช้าจิตใจที่มีเหตุผลของเธอก็เริ่มหมุน และหลายความคิดผ่านเข้ามาในจิตใจของเธอจนกระทั่งเธอลงเอยด้วยความคิดสุดท้าย
“ฉันคงต้องสารภาพแล้วหล่ะ…”
คำพูดนั้นหลุดออกมาจากเธอขณะที่ดวงตาของเธอแคบลง บางทีอาจจะเป็นการดีกว่าที่จะกำจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไป บางทีนั่นอาจช่วยให้เธอสร้างจิตใจได้ดีขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่เหมือนกับการปฏิเสธที่เหมาะกับการก้าวไปข้างหน้าอีกแล้ว บางทีหล่ะนะ…
‘ไม่มีประโยชน์ที่จะลังเล ตราบใดที่ฉันแสดงความจริงใจกับเขามันจะไม่เป็นอะไร ฉันจะทำมัน’
สุดท้ายโซร่าก็ตัดสินใจได้ เธอลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ในตอนนั้นเองที่เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นในช่องท้องของเธอ ทำให้เธอหยุดกะทันหัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยสีแดงขณะที่เธอคิด
‘น่าจะดีกว่าถ้าฉันไปห้องน้ำก่อน’
คิดดังนั้นแล้ว เธอก็เข้าห้องน้ำไปก่อนจะมีเสียงที่เย้ายวนดังออกมาจากห้องน้ำ
“อื๊มมม~ออสติน.…มากกว่านี้~ใช่~…ทำฉันอีก~~”
ถือเป็นเรื่องดีที่ห้องของโซร่าป้องกันเสียง
…..
มุมมองของเอ็มม่า :
“โม่วว~ เธอคิดว่าฉันควรทำยังไงดี?”
เอ็มม่าถามขณะนอนกลิ้งไปมาอยู่บนหญ้า ในมือของเธอมีเจ้ากระต่ายน่ารักที่เธอจับได้ และคำถามนั้นถูกตั้งไว้ให้กับกระต่ายที่เพียงแค่เอียงหัวอย่างน่ารัก ตอนนี้เอ็มม่ากำลังนอนอยู่บนทุ่งหญ้ากับสัตว์อื่นๆ อีกหลายตัวที่นอนอยู่รอบๆ ตัวเธอ
“ฉันไม่รู้เลยว่าจะทำให้ฮีโร่ของฉันตกหลุมรักฉันได้ยังไงดี”
เอ็มม่าบ่นอีกครั้งขณะกอดกระต่ายในอ้อมแขนไว้แน่น สมองของเธอนึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่เธอพบกับออสติน ตอนนั้นเธอนอนอยู่บนเตียง โดยมีความตายเข้ามาโอบกอดเธอ เธอตกเป็นเหยื่อของการสมรู้ร่วมคิดในการสืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเกิร์ลรอล ขณะที่ความตายกำลังมาเยือน สิ่งที่เอ็มม่ากลัวที่สุดคือการทิ้งพี่ชายของเธอไว้เบื้องหลัง
จิตใจที่ยังเป็นเด็กของเธอไม่ต้องการเผชิญกับความตาย เธอไม่ต้องการความเจ็บปวดนี้อีกต่อไป ทั้งหมดที่เธอต้องการคือการกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งและทำให้ความเจ็บปวดทั้งหมดหายไปในซักวันหนึ่ง
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งเธอก็หายจากโรคขณะที่จิตใจที่ปิดตัวเริ่มเปิดออก และแทนที่จะคาดหวังว่าจะได้เห็นพี่ชายของเธอก่อน เธอกลับมองเห็นออสติน ใบหน้าของเขากลายเป็นโอกาสครั้งที่สองของเธอ
สำหรับจิตใจที่ยังเป็นเด็กของเธอ ออสตินกลายเป็นฮีโร่ของเธอ เขาปลดปล่อยเธอจากคำสาปและให้ชีวิตใหม่ทั้งเธอและพี่ชายของเธอ ห่างไกลจากครอบครัวที่เธอเกลียดชัง
นี่เป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่เอ็มม่าหลงใหลในการเป็นผู้ควบคุมสัตว์อสูร นอกเหนือจากสายเลือดของเธอที่ให้ความสามารถพิเศษในการควบคุมสัตว์อสูรแล้ว เอ็มม่าเองก็ยอมรับการมีสัตว์มากขึ้นอยู่ข้างๆ เธอ เธอรู้ว่าพวกมันทั้งหมดคือครอบครัวของเธอและจะไม่ทรยศเธอ
สำหรับจิตใจที่ไร้เดียงสาของเธอ ออสตินเป็นเปรียบเสมือนพี่ชาย เหมือนพี่ชายแท้ๆ ของเธอเอง แต่ที่ไหนสักแห่งในระหว่างทาง บางสิ่งบางอย่างในตัวเธอเปลี่ยนไป ความรู้สึกบริสุทธิ์ของเธอเริ่มชัดเจนมากขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยิ่งเติบโตขึ้นในตัวเธอ
การอยู่ใกล้ความตายทำให้เอ็มม่าได้รับอุดมการณ์บางอย่างเกี่ยวกับชีวิต บุคลิกในตอนนี้ของเธอเกิดขึ้นจากโซ่ตรวนแห่งความตายที่เคยผูกมัดเธอไว้ ในแง่หนึ่ง เธอสามารถมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวคนอื่นมากกว่าที่คนอื่นจะมองเห็นได้ ดังนั้นเธอจึงเห็นอะไรบางอย่างในออสติน เธอมองเห็นออร่าแห่งความโกลาหลและความรักอันบริสุทธิ์
เธอสามารถมองเห็นด้านทั้ง 2 ด้านของเขา ด้านหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเต็มไปด้วยความรักที่ไม่สิ้นสุด
เธอ, พี่ชายของเธอและออสตินร่วมกันเดินทางเป็นเวลา 1 ปี เสี่ยงชีวิต, แข็งแกร่งขึ้น และเติบโตมาด้วยกัน
ถ้าถามเอ็มม่าว่าเธอชอบอะไรในตัวออสติน เธอคงจะตอบว่าชอบทุกอย่างเกี่ยวกับเขา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคงจะเป็นความรู้สึกที่เขาทำให้เธอรู้สึก เพียงแค่อยู่ใกล้เขาก็ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่จะอยู่กับใครคนอื่น ความรู้สึกที่ท่วมท้นจากใจของเธอส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณของเธอ
เธอไม่รู้รายละเอียดและเธอไม่ต้องการรู้ สิ่งเดียวที่เธอรู้คือความรักของเธอต่อออสตินนั้นบริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และเธอหวังว่าออสตินจะมองเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งมากกว่าเด็กสาวคนหนึ่งที่เขาเคยเล่นด้วย
ตอนนี้เธอโตเป็นหญิงสาวแล้ว และเธอสมควรได้รับความรักจากออสตินมากกว่านี้ ความรักที่แตกต่างจากที่เธอได้รับในปัจจุบัน แต่เธอไม่รู้ว่าจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร เพียงแค่คิดถึงการจับมือของออสตินก็ทำให้เธออายและหน้าแดงอย่างมากมาย ทำให้จิตใจของเธอเกินจะรับได้
“ฉันอยากจุ-จุ-จูบกับเขา…”
เอ็มม่าพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ผมบลอนด์ที่สวยงามของเธอส่องประกายไปรอบๆ ขณะที่ดวงตาสีฟ้าของเธอปิดอย่างเขินอายเมื่อคิดถึงการจูบของออสติน ขณะที่เธอเติบโตขึ้น จิตใจของเธอก็นำเสนอความคิดใหม่ๆ และถึงแม้ว่าจะขี้อาย แต่เธอก็หวังที่จะทำให้ความคิดเหล่านั้นเป็นจริง
‘ฉันควรแต่งตัวให้ดีกว่านี้เพื่อทำให้เขาประทับใจดีไหมนะ?’
ความคิดน่าอายของความรักที่กำลังเบ่งบานเติมเต็มในจิตใจของเอ็มม่า จิตใจที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา
“ใช่แล้ว! ฉันจะไปถามพี่สาวคลาร่าดีกว่า!”
เมื่อมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เอ็มม่าก็กระโดดขึ้นจากที่ที่เธอนอนอยู่ เธอแสดงความยินดีกับตัวเองสำหรับไอเดียของเธอขณะที่เธอเริ่มมุ่งหน้าไปหาคลาร่า โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเข้าสู่ถ้ำหมาป่า
และบางทีวันนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในจิตใจของกระต่ายน้อยผู้น่าสงสารที่กระโดดเข้าถ้ำหมาป่าโดยสมัครใจก็เป็นได้