The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 60 Fighting Together(3)
‘เอาหล่ะ! ผมเจอช่องว่างแล้ว!’
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่กำลังสั่นเทาของเอเลนอร์ ผมก็เห็นว่าตัวเองได้ก้าวหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ถ้าผมใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในตอนนี้ ผมอาจจะเปลี่ยนความรู้สึกของเธอที่มีต่อผมได้
‘การฝึกซ่อมได้ผลซักที’
ในช่วงปีที่ผ่านมา ผมไม่เพียงแค่เพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ผมยังเพิ่มความสามารถในการแสดงของตัวเองอีกด้วย ผมใช้สมองนึกถึงเกี่ยวกับนิยายกำลังภายในที่แตกต่างกันและคำพูดที่พาเลี่ยนของพวกเขา
และผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า ‘การแสดง’ ของผมได้มาถึงอีกระดับหนึ่งแล้ว
ผมหันไปหาเอเลนอร์ที่ยังคงถูกมัดไว้อยู่บนหลังของผมก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์ ปล่อยให้ผมจัดการเองครับ”
พูดจบผมก็มองไปรอบๆ เพื่อพยายามหาจุดที่ปลอดภัยในการต่อสู้
ผมมองไปรอบๆ จนพบเข้ากับพื้นที่เป็นเนินสูงซึ่งเหมาะที่จะป้องกันจากการโจมตีทุกด้าน
ผมวิ่งตรงไปยังบริเวณนั้นทันทีก่อนจะค่อยๆ ปลดสายรัดที่ผูกระหว่างผมกับเอเลนอร์ออกอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้และอุ้มเธอลงมาวางบนพื้นพร้อมกับตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอนั่งได้อย่างสบายดีไหม
ผมแน่ใจว่าตัวเองทำทุกการกระทำอย่างนุ่มนวลที่สุดและปฏิบัติต่อเธอเหมือนหยกที่ผมกลัวว่ามันจะแตก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอเลนอร์นั้นเอาแต่มองมาที่ผมด้วยความงุนงงที่ไม่สามารถตอบโต้ได้
เมื่อผมตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเธอนั่งได้สบายแล้ว ผมก็คุกเข่าลงต่อหน้าเธอก่อนจะจับมือเธอไว้พร้อมส่งรอยยิ้ม ‘พระเอก’ ให้เธอ
“ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์ ผมจะปกป้องคุณเอง รอแป๊บนึงนะครับ”
หลังจากพูดจบผมก็ลุกขึ้นและออกไปต่อสู้โดยไม่หันกลับมามองข้างหลังอีก
เมื่อผมอยู่ห่างจากเอเลนอร์แล้วก็พบเข้ากับกระแสของสัตว์ร้ายที่วิ่งมาหาผมจากทั้งสองฝั่ง โดยมีเจ้าปีศาจที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ด้านบนฟ้า
“ฮ่าๆๆ…ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะทำให้แกสิ้นหวัง! มาดูกันว่าแกจะตายยังไง”
ผมคิดซะว่าเสียงหัวเราะของมันเป็นเพียงแค่ดนตรีประกอบฉากก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะกระทำต่อไป
ในขณะที่พวกคุณกำลังคิดว่าผมอาจจะกำลังแย่อยู่นั้น ผมมีวิธีมากมายที่จะรับประกันความปลอดภัยของทั้งตัวเองและเอเลนอร์อยู่แล้ว ปัญหาก็คือผมควรจะใช้วิธีไหนดีเพื่อให้ได้รับความรักจากเธอมากที่สุดหน่ะสิ
ผมสามารถใช้พละกำลังเต็มที่ต่อสู้กับคลื่นสัตว์ร้ายที่กำลังมาถึงและกำจัดพวกมันได้หรือผมจะสู้แบบให้รอดได้แบบฉิวเฉียดเพื่อให้ได้รับความรักที่มากขึ้นดี
หากเกิดสถาณการณ์เลวร้ายที่สุด ผมก็มีประกันชีวิตอยู่ 2 อันที่ได้รับมากจากมังกร 2 ตน ซึ่งทั้ง 2 นั้นแข็งแกร่งกว่าผมและพวกเขาสามารถมาช่วยผมได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีข้อเสียและความเสี่ยงในตัวมันเองอยู่
‘เราควรจะทำยังไงดี?’
ให้ตายสิผมอยากได้แต้มความชอบเพิ่ม!
ผมตัดสินใจก่อนจะหยิบคันธนูออกมาพร้อมกับสะพายดาบไว้ที่หลังและซ่อนมีด 2-3 เล่มไว้ในชุด
‘โอเค ได้เวาดำเนินการแล้ว’
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วผมก็รู้สึกถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือนจากการวิ่งของเหล่าสัตว์ร้ายที่วิ่งเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ
ผมทำเพียงยืนสงบนิ่งให้กับสถานการณ์นี้ โดยไม่มีการลังเลแต่อย่างใดผมก็ใช้คาถาระดับ 5 [ แผ่นดินไหว ] ขึ้นมาในทันที ซึ่งคาถานี้นั้นทำให้เกิดการสั่นไหวครั้งใหญ่แผ่ออกไปยังฟูงสัตว์ร้าย พื้นดินค่อยๆ แยกออกจากกันจนทำให้พวกสัตว์ร้ายที่กำลังวิ่งเข้ามาจำนวนมากล้มลงจนถูกตัวอื่นๆ เหยียบจนเสียชีวิต
“[ แมกม่าประทุ ]!”
ทันใดนั้นรอยแยกที่ก่อตัวขึ้นก็เริ่มพ่นแมกม่าออกมาจนทำให้สัตว์ร้ายจำนวนมากจมลง เสียงเดียวที่ดังขึ้นมาคือเสียงกรีดร้องของพวกมันก่อนที่จะเสียชีวิต
โดยไม่รีรอผมวางลูกธนูปกติบนคันธนูก่อนจะร่าย [ ฝนอุกกาบาต ] และยิ่งลูกธนูออกไป
ลูกธนูพุ่งตรงไปที่ฟูงสัตว์ร้ายเหล่านั้นก่อนจะแยกตัวออกเป็นร้อยดอก แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น ลูกธนูที่แยกออกมาแล้วนั้นยังกลายเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่ลุกโชนไปด้วยไฟก่อนจะตกลงมาใส่พวกสัตว์ร้ายอีกด้วย
ผมยิงลูกธนูออกไปอีก 4 ดอกเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมันไว้ 2-3 วินาทีและใช้ช่วงเวลานั้นในการรวบรวมมานา 2 ใน 3 ส่วนเพื่อร่ายคาถา
โดยคาถานี้นั้นต้องใช้เวลาร่ายอย่างน้อย 5 วินาทีและในระหว่างนั้นเหล่าสัตว์ร้ายก็ยังไงถูกก้อนหินเพลิงขนาดใหญ่หล่นใส่เพื่อขัดขวางพวกมันอยู่
เปลวไฟที่อุกกาบาตนั้นแผกเผาผิวหนังของพวกมัน แต่ใสตอนที่พวกมันบางตัวตายไปก็จะมีอีกตัวเข้ามาแทนที่ตลอด
จนเมื่อครบ 5 วินาที พวกสัตว์ร้ายก็พากันวิ่งมาทางผมอีกครั้ง
“[ โลกาวินาศ ]”
ผมร่ายคาถาของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว
มานาที่อยู่รอบๆ ตัวผมนั้นต่างลุกโชนขึ้น ขณะที่มันเคลื่อนที่เข้ามาหาผมเนื่องจากการใช้คาถาขึ้นสูงระดับ 5 นี้
มานาที่อยู่รอบตัวผมลอบลงไปยังพื้นดินก่อนที่ในเวลาต่อมาพื้นดินจะแยกออกจากกัน รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นระหว่างผมกับเหล่าสัตว์ร้าย เหล่าสัตว์ร้ายทั้งหมดที่กำลังวิ่งเข้ามานั้นต่างตกลงไปในรอยแยกและหายไปชั่วนิรันดร์
“น่าประทับใจ”
ปีศาจที่ลอยอยู่บนฟ้าออกความเห็น มันอดไม่ได้ที่กล่าวชมเนื่องจากความจริงที่ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามันถือเป็นตัวเลือกในการเป็นผู้สืบทอดที่ดีทีเดียว
ถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่มนุษย์มันคงจะมอบมรดกของตัวเองให้อีกฝ่ายไปแล้ว
“ไม่คิดเลยว่าเส้นทางของผู้ใช้ธนูจะมาถึงระดับนี้แล้ว”
ความสงบของเด็กชายรวมทั้งความสามารถในการคิดและต่อสู้ของเขา ไม่เพียงเท่านั้นพลังและพรสวรรค์ของเขาเองก็โดดเด่นเช่นกัน
ยิ่งเจ้าปีศาจมองมากเท่าไหร่ ความปรารถนาของมันที่จะฆ่ามนุษย์ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ก็ยิ่งแผดเผาขึ้นมาภายในตัวมันมากเท่านั้น
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต