The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1007 - วิหคไม
“เขาไม่ได้คิดร้ายกับเรามิเช่นนั้นจะช่วยพวกเราทำไมกัน? ข้าขอถามชื่อศิษย์น้องจะได้หรือไม่? บางทีข้าอาจรู้จักเจ้า”
ซือหยูจ้องวิหคไม้และตอบอย่างไร้อารมณ์
“ซือหยูเซี่ยน”
สกุลซือรึ?ชาหยินแปลกใจ นางเริ่มแสดงความนับถือเล็กน้อย
ติงผิงเองก็รู้ตัวเช่นกันทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความไม่พอใจบนใบหน้าเขาหายไปจนหมด
ชาหยินหยุดไปชั่วครู่
“ศิษย์น้องซือเป็นศิษย์จากสำนักอสูรสวรรค์ที่โลกตอนเหนือใช่ไหม?”
ซือหยูยังคงจ้องมองวิหคไม้
“ทำไมเจ้าคิดอย่างนั้นล่ะ?” เขาถามอย่างเรียบเฉย
“ทั้งโลกย่อมรู้ว่าวิชาอสูรที่ศิษย์สำนักอสูรสวรรค์บ่มเพาะแตกต่างกับสำนักอสูรอื่น”
ชาหยินกล่าว
“ศิษย์สำนักอสูรสวรรค์มีพลังอสูรอันบริสุทธิ์พลังยังแข็งแกร่งมาก ข้าสังเกตพลังอสูรเจ้าเมื่อครู่แล้ว มันบริสุทธิ์มาก ไม่เหมือนกับพลังที่ข้าเคยเห็นมาก่อนเลย ข้าเลยคิดว่าเจ้าจะต้องมาจากสำนักอสูรสวรรค์ ใช่ไหม?”
ชาหยินถามด้วยรอยยิ้ม
ซือหยูเลิกคิ้วยอดฝีมือจากเขตอื่นก็เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วยรึ?
การถูกเข้าใจผิดว่าเป็นศิษย์สำนักอสูรสวรรค์เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดที่พลังอสูรของเขาบริสุทธิ์นั้นเป็นเพราะว่าเขาได้สกัดพลังมาด้วยตัวเองจากอสูรต่างโลก ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นศิษย์สำนักอสูรสวรรค์
ซือหยูไม่คิดจะอธิบายมากเกินไปเขามองหญิงสาวที่กำลังพูด เพียงเหลือบมองครั้งแรกก็เห็นได้ว่านางเป็นสาวงามที่หาได้ยาก รูปร่างหน้าตาของนางดูดี องค์ประกอบลงตัว ผิวเรียบเนียน ดวงตาสดใส ร่างกายผอมบางดูสง่างาม
ในตำหนักโลหิตนอกจากปิงหวูชิงและปิงหวูชิงอีกคนก็ยากที่จะหาสตรีใดที่เทียบกับนางได้
ความตกอกตกใจของเขาคงอยู่เพียงครู่สั้นๆ ก่อนจะหายไป ซือหยูเคยพบหญิงงามมามากมาย ไม่ง่ายที่เขาจะตกหลุมรักใครได้ในเวลานี้ เขามองวิหคไม้และถาม
“เจ้าอยากจะขายวิหคไม้หรือไม่?”
“ขายวิหคไม้ของเรารึ?”
ชาหยินตกใจนางมองซือหยูด้วยความหลงใหล ดูจากพลังที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ เขาน่าจะมีพลังอย่างน้อยที่จ้าวเทวะระดับแปด
กองกำลังที่มีเกียรติอย่างสำนักอสูรสวรรค์ไม่เคยให้สมบัติที่ใช้เดินทางกับคนที่มีพลังโดดเด่นหรอกหรือ? นางคงจะตกใจยิ่งกว่าหากรู้ว่าซือหยูไม่ได้อยู่ในสำนักใหญ่อย่างสำนักอสูรสวรรค์แต่เขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ตำหนักโลหิต ในด้านฐานะ ตำหนักโลหิตนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าสำนักช่างสวรรค์ด้วยซ้ำ
“เจ้าจะขายหรือไม่?”
ซือหยูถามต่อไปใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา
ชาหยินถอนหายใจว่ากันว่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์นั้นหยาบคายเป็นที่สุด ชายตรงหน้านางมองตานางเพียงครั้งแรกตั้งแต่ที่พบกัน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งนางตอบ
“น่าเสียดายข้าขายให้เจ้าไม่ได้หรอก”
“ทำไมกัน?”
ซือหยูพูดสวนไปทันทีเขายินดีที่จะแย่งมันด้วยกำลัง
ชาหยินดูจะเข้าใจซือหยูนางถอนหายใจ
“ไม่ใช่เพราะชาหยินผู้นี้ไม่อยากจะตอบแทนน้ำใจเจ้าแต่วิหคไม้ของชาวช่างสวรรค์จะเริ่มยอมรับเจ้าของตั้งแต่ที่หยดโลหิตลงไปในการสร้าง นอกจากพวกเราก็ไม่มีใครควบคุมมันได้ ข้าคงจะโกงหากขายมันให้เจ้า”
ชาหยินตอบ
อย่างนั้นเองรึ?น่าเสียดายนัก
หากมันไร้ประโยชน์กับเขาซือหยูก็ไม่คิดจะเสียเวลาอีก
“ลาก่อน!”
“รอเดี๋ยวสิ!” ไอลีนโนเวล
ชาหยินรีบเรียกซือหยู
“ศิษย์น้องถ้าเจ้ายืนกราน เราจะหาทางช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าต้องไปหาศิษย์พี่ใหญ่กับพวกเรา”
ซือหยูตาลุกวาว
“เจ้าคิดจริงๆ รึว่าข้าไม่รู้เรื่องความลับของแดนมณีว่าถ้าหากสังหารคนมากเท่าใด โอกาสได้สมบัติจะมากขึ้น?” แน่นอนว่าซือหยูไม่คิดจะตามพวกเขาไปเจอกับศิษย์พี่ใหญ่ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักขนาดใหญ่อย่างสำนักช่างสวรรค์จะต้องไม่ใช่คนที่เอาชนะได้โดยง่าย
“เจ้าจะบ้าหรือเจ้าเป็นศิษย์จากสำนักอสูรสวรรค์นะ! พวกเราสำนักช่างสวรรค์จะกล้าแตะต้องเจ้ารึ?”
ชาหยินหัวเราะอย่างขมขื่น
ซือหยูลูบคางใช้ความคิดแท้จริงเขากำลังแอบคุยกับหยุนย่าสี
“ท่านอาจารย์ดัดแปลงเจ้านกนี่ได้จริงใช่ไหม?”
การช่วยชาหยินเพื่อวิหคไม้นั้นเป็นคำแนะนำของหยุนย่าสี
“ฮ่าๆ ข้าเคยหลอกเจ้าหรือ? วิธีการสร้างเจ้านกบินได้นี่น่าชื่นชม วัตถุดิบของมันก็ดีด้วย มันอาจจะต้านทานพลังฟ้าได้ มันเป็นของดีที่จะใช้ช่วยชีวิตเจ้า”
หยุนย่าสีตอบ สิ่งที่เรียกว่าพลังนำทางฟ้านั้นกล่าวถึงพลังของอสูรเนรมิตรที่สามารถกระชากมิติเพื่อเดินทางได้
ด้วยขีดกำจัดที่มีแต่จ้าวเทวะลงมาเท่านั้นที่จะเข้าร่วมแดนมณีได้การมีพลังนำทางฟ้าจะไม่เทียบกับไร้เทียมทานหรือ?
ในครั้งนี้หยุนย่าสีเองก็พยายามหาทางช่วยชีวิตซือหยูเองเช่นกัน นั่นก็เพื่อให้ซือหยูได้เตรียมพบกับอุปสรรคทั้งสาม
“เจ้าสัมผัสตำแหน่งของคนสำนักเดียวกันได้รึ?ถ้าข้าจำไม่ผิด การเคลื่อนย้ายมาแดนมณีคือการมาแบบสุ่มนะ”
ซือหยูเลิกคิ้ว
“ทั้งห้าสวนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ต่อให้มีเครื่องมือสื่อสาร พวกเจ้าก็ไปในตำแหน่งที่ถูกต้องไม่ได้”
ซือหยูกล่าว
ชาหยินมองซือหยูแปลกๆ และหัวเราะ
“เจ้าพูดอะไรกันต่อให้สำนักช่างสวรรค์จะไร้พลังต่อหน้าสำนักอสูรสวรรค์อย่างเจ้า พวกเราก็รู้เรื่องความลับของแดนมณีนะ!”
“คนที่ถูกอสูรเนรมิตรคนเดียวกันส่งตัวมาจะมีกลิ่นอายแบบเดียวกันสามารถตามกลิ่นอายอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ แล้วแต่ละคนก็มักจะไม่อยู่คนละสวนกันด้วย”
อะไรนะ?พวกเขาควบคุมพื้นที่ได้หรือ? แล้วยังสัมผัสพรรคพวกได้อีก? ม่อเทียนฉวนไม่เคยบอกความลับนี้เลย!
ซือหยูโกรธแค้นขึ้นมาทันที
“ม่อเทียนฉวน!”
ผู้หญิงคนนั้นเล่นสกปรกกับเขา!
ม่อเทียนฉวนอาจจะจงใจส่งเขามายังสวนบุพผาไม่เพียงแต่เพื่อจะสร้างปัญหาให้เขา แต่นางยังคิดจะกำจัดซือหยูในภัยธรรมชาติแรก!
ซือหยูชิงชังนางอย่างมากถ้าหากเขามีโอกาสในสักวัน เขาจะต้องลงโทษนังผู้หญิงหน้าด้านนี่ให้ได้! ติงผิงไม่คิดว่าซือหยูจะถามเพราะไม่รู้เขากลับคิดว่าซือหยูถามเพราะกำลังดูถูกพวกเขาอยู่
“ศิษย์พี่สองคนของข้ากับข้ากำลังจะมุ่งหน้าไปหาศิษย์พี่เพราะสัมผัสตำแหน่งได้แต่พวกเราไม่คิดว่าจะผ่านดินแดนของบุพผายักษ์จนถูกตามล่า พวกเราโชคดีที่ได้เจ้าช่วยเอาไว้”
ชาหยินกล่าว
ซือหยูคิดเงียบๆ ศิษย์สำนักช่างสวรรค์ถูกคนเดียวกันส่งตัวมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีกลิ่นอายเดียวกัน และพวกเขาจะสามารถสัมผัสตำแหน่งของแต่ละคนได้ ดังนั้นศิษย์ตำหนักโลหิตทุกคนจะต้องถูกม่อเทียนฉวนส่งตัวมา
หากพูดตามเหตุผลซือหยูควรจะรับรู้ตัวตนของแต่ละคนได้ แต่ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาด้านใน เขาก็สัมผัสอะไรไม่ได้เลย!
“ไอ้รอยประทับนั่นสินะ!” ซือหยูหงุดหงิดม่อเทียนฉวนสร้างตราประทับที่ร่างกายเขาและแลกกับอายุขัยของตัวเอง จะต้องเป็นเพราะสิ่งนั้นแน่!