The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1009 - ขจัดผลึกหญ้า
ตระกูลบูรพาเป็นตระกูลขนาดใหญ่ยักษ์ที่บ่มเพาะราชาเขตมาแล้วถึงสองคนพวกเขาปกครองทั่วดินแดนบูรพา เพียงแค่นามก็มากพอแล้วที่เหล่าวีรบุรุษจะสนใจ
“ศิษย์พี่เจอกับพวกตระกูลบูรพางั้นหรือ?”
ติงผิงกลืนน้ำลายเช่นนั้นก็สมเหตุสมผล ถ้าหากพวกเขาถูกพวกที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลบูรพาจู่โจม มันก็เป็นธรรมดาที่ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาจะเทียบไม่ได้
ศิษย์พี่ใหญ่ไม่พอใจเท่าใดนัก
“ใครจะไปรู้จักนางกัน?เราไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าจู่ ๆ นางจะจู่โจมเรา!”
“ถ้าพวกเจ้ามาถึงแล้วก็ช่วยอยู่ปกป้องพวกเราในอีกครึ่งเดือน พวกเราจะต้องกำจัดผลึกหญ้าออกจากร่างกายให้ได้”
ศิษย์พี่ใหญ่เปลี่ยนเรื่อง ชาหยินพยักหน้านางหยุดคิดและพูด
“ศิษย์พี่ข้าพาคนที่แข็งแกร่งมากับข้าด้วย บางทีเขาอาจช่วยเราได้”
ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่ที่เหลือเริ่มสนใจ
“ยู่เหลียงกลับมาแล้วรึ?”
ยู่เหลียงคือคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของสำนักช่างสวรรค์เขามีพลังน้อยกว่าศิษย์พี่ใหญ่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชาหยินตอบ
“เราไม่ได้เจอศิษย์พี่ยู่แต่เราเจอศิษย์จากสำนักอสูรสวรรค์!”
หลายคนชักสีหน้าศิษย์ที่มีพลังสูงคนหนึ่งไม่พอใจ
“ชาหยินเจ้ามันโง่! พวกศิษย์สำนักอสูรสวรรค์มิใช่พวกกระหายเลือดหรอกรึ? ถ้าหากมันรู้ว่าพวกเราบาดเจ็บสาหัส มันจะต้องไม่เมตตาพวกเราแน่! เจ้ากำลังเรียกหมาป่าเข้าบ้านเรา!”
ชาหยินเสียใจนางกล่าว “ชายคนนั้นช่วยชีวิตข้ากับติงผิงเอาไว้เขาไม่ใช่คนกระหายเลือด และข้าก็เป็นคนพาเขามาทำต่อตกลงกับศิษย์พี่ด้วย เขาอยากจะซื้อวิหคไม้”
“อย่าไปเชื่อคำพูดอสูรร้ายแม้แต่คนเดียว!”
“ใช่คนสำนักอสูรสวรรค์เจ้าเล่ห์นัก อย่าโดนมันหลอก”
ทุกคนต่างกล่าวโทษชาหยิน
ในตอนนั้นเองเสียงเบา ๆ เชิงตำหนิดังเข้ามาข้างในถ้ำ
“หากข้าอยากสังหารพวกเจ้าใยข้าต้องรอจนถึงป่านนี้?”
ทุกคนตกตะลึง
“ทุกคนระวัง!”
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ศิษย์พี่ทั้งสิบแปดลุกขึ้นทันทีราวกับได้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด ใต้แสงตะวันอ่อนๆ ซือหยูผู้สวมหน้ากากเงินและมีเส้นผมสีขาวเดินมือไพล่หลังเข้ามาในถ้ำ คนด้านในถ้ำคิดว่าซือหยูเข้ามาได้อย่างง่ายดายเพราะเขากำจัดคนคุ้มกันปากถ้ำสองคนไปแล้ว!
“กล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาในพื้นที่สำนักช่างสวรรค์ของพวกเรา!”
หญิงสาวจ้าวเทวะระดับแปดคนหนึ่งตะโกน
ซือหยูกล่าว
“เจ้าเก็บแรงไว้พักฟื้นแทนที่จะก้าวร้าวกับข้าจะดีกว่า”
“ไปลงนรกซะ!”
นางตะโกน
“ศิษย์พี่จัดการมัน!”
พวกเขาไม่รู้พลังที่แท้จริงของซือหยูแต่ด้วยประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาหลายปี พวกเขาคิดว่าซือหยูไม่แข็งแกร่งนัก
สามคนที่บาดเจ็บน้อยกว่าคนอื่นซัดพลังพร้อมกันพวกเขาจู่โจมซือหยูจากสามทิศทาง
ชาหยินอยากจะหยุดทั้งสามแต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ซือหยูแววตาเย็นชาพลังอสูรเคลื่อนคล้อยในอก มังกรอสูรห้าตัวร้องคำรามพุ่งออกมา
ผู้ลงมือทั้งสามรวมถึงหญิงสาวจ้าวเทวะระดับแปดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทั้งสามกระอักเลือด บาดแผลที่มีอยู่แล้วรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
นั่นทำให้ทุกคนโกรธแค้น
“กล้าดียังไงมาทำร้ายคนสำนักช่างสวรรค์!พวกเรา ฆ่ามัน!”
คนที่เหลือกำลังจะระเบิดความแค้นใส่ซือหยู
แต่จากนั้นเองศิษย์พี่ใหญ่ได้กรีดร้องขึ้นมา
“พวกเจ้าพอได้แล้ว!”
พลังที่แผ่ออกมาทำให้เหล่าศิษย์ร้องที่โกรธแค้นหยุดและหันไปมองทันที
“หยุดเถอะเขาพูดถูก ถ้าเขาอยากสังหารพวกเจ้า พวกเราทุกคนก็คงจะตายไปแล้ว รวมถึงเจ้าด้วย เล่งจู”
ศิษย์พี่ใหญ่มองหญิงสาวจ้าวเทวะระดับแปด
ในสำนักช่างสวรรค์เล่งจูคือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสาม นางมีพลังด้อยกว่ายู่เหลียงเพียงน้อยนิด
“เขาน่ะรึ?”
ทุกคนตกตะลึงพวกเขาไม่เคยกังขาในการตัดสินของศิษย์พี่ใหญ่เลยสักครั้ง
ศิษย์พี่ใหญ่พูดเบาๆ
“เจ้ามาที่นี่เพื่อเจรจาจริงเจ้าอยากได้วิหคไม้ของข้าสินะ?”
ซือหยูพยักหน้า
“เราตกลงกันได้แต่เจ้าจะแลกกับอะไร?”
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าว “สิ่งนี้ถูกสร้างจากสำนักช่างสวรรค์โดยจ้าวเทวะชั้นสูงมันมิเคยมอบให้แก่คนนอก ถ้าหากพวกเรายอมเจ้า พวกเราจะต้องถูกสำนักลงโทษสถานหนัก อย่างน้อยก็ต้องถูกจองจำ หากร้ายแรงอาจถึงขั้นถูกทำลายพลังเป็นเยี่ยงอย่าง แม้แต่ข้าเองก็มิอาจเลี่ยงได้”
ซือหยูหันไปมองชาหยินนางไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
ชาหยินพยายามหลบตาเขาและพูดแย้ง
“ศิษย์น้องซือข้าไม่ได้คิดร้ายนะ”
อาจจะเป็นเช่นนั้นจริงแต่ก็เป็นไปได้ว่านางไม่ได้หวังดีเช่นกัน นางอาจจะแค่ใช้ชื่อเสียงของสำนักช่างสวรรค์เพื่อดึงตัวเขามาดูแลความปลอดภัยก่อนที่นางจะได้พบกับศิษย์พี่ใหญ่
ซือหยูมองศิษย์พี่ใหญ่ novel-lucky
“ความตายของเจ้ากำลังจะมาถึงในอีกไม่นานและข้าช่วยเจ้าได้ เจ้าต้องยอมให้มันกับข้า” “เจ้ากล่าวเกินจริงไปแล้วผลึกหญ้าวิญญาณสามารถขจัดออกได้”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดอย่างไร้อารมณ์
“เจ้าขจัดผลึกหญ้าได้แต่เจ้าจะสังหารคนอื่น ๆ ที่เพ่งเล็งพวกเจ้าอยู่ยังไง?”
ยอดฝีมือคนอื่นที่เห็นว่าเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่จะไม่ลองเข้ามาที่นี่เลยหรือ?
ในเวลาสองสามวันอาจจะไม่มีใครกล้าเสี่ยงมาเพราะชื่อเสียงของสำนักช่างสวรรค์ แต่ถ้าหากพวกเขาพักฟื้นเป็นเวลานาน คนอื่น ๆ จะต้องอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกที่ยังคงอยู่ในถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ทำให้พวกเขาล้มตายได้ทั้งนั้น
ศิษย์พี่ใหญ่เบิกตากว้างนี่คือเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด ผลึกหญ้ามิใช่เรื่องที่เขาต้องเป็นห่วง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่คิดร้ายต่างหาก
“เจ้าขจัดผลึกหญ้าในร่างกายพวกเราได้สินะ?”
ศิษย์พี่ใหญ่ถาม ซือหยูมองเขาแต่ไม่ตอบ
ศิษย์พี่ใหญ่เงียบไปครู่หนึ่ง
“ย่อมได้ถ้าเจ้าขจัดผลึกหญ้าออกจากร่างกายพวกเราทุกคนได้ เราจะยอมตกลงกับเจ้า”
แต่ซือหยูก็ส่ายหน้า
“ไม่”
“แค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น”
มันจะไม่เกิดเรื่องหรือถ้าเขากำจัดผลึกหญ้าให้ทุกคน?อะไรจะทำให้เขาแน่ใจว่าทุกคนจะไม่ร่วมมือกันจู่โจมเขา?
หลังจากครุ่นคิดศิษย์พี่ใหญ่พยักหน้าช้า ๆ
“ก็ได้!ตกลง!”
ถ้าหากเขาพ้นภัยตรงนี้ได้พวกเขาก็จะไม่ต้องอยู่ในถ้ำอีกต่อไป เขาจะเป็นอิสระในการไปหาที่พักฟื้นอื่น
ซือหยูเดินไปหาศิษย์พี่ใหญ่ที่มีผลึกแก้วเต็มตัวมือขวาที่ไพล่หลังส่องแสงดาราหมุนวนช้า ๆ
“ถ้าเจ้าเข้าใกล้ข้าสามสิบศอกเจ้าจะถูกจู่โจม”
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวเตือน
ซือหยูพยักหน้าและก้าวไปข้างหน้า
จากนั้นแก้วบนตัวศิษย์พี่ใหญ่ดูจะตอบสนอง แก้วหนึ่งเสี้ยวพุ่งออกมาด้วยแรงระเบิด
ซือหยูคว้ามันด้วยมือขวาและกำผลึกแก้วจนแน่นผลึกแก้วหายไปเมื่อเขาแบมือ เหลือเพียงแต่เศษเท่าเมล็ดงา มันคือเมล็ดผลึกหญ้า!
ศิษย์พี่ใหญ่เบิกตากว้างมันน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ซือหยูไม่สนใจเขาเดินเข้าใกล้ต่อไป ในทุกย่างก้าวจะมีผลึกแก้วพุ่งเข้าใส่ซือหยูมาอีก แต่แก้วทุกเสี่ยวนั้นถูกซือหยูสลายไปอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเขาไปถึงตัวศิษย์พี่ใหญ่เขาก็ได้เมล็ดมาหลายสิบเมล็ดแล้ว! ซือหยูวางมือที่ร่างศิษย์พี่ใหญ่ จากนั้นผลึกแก้วในร่างกายของเขาก็เลือดหายไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่อีก ตอนนี้ซือหยูมีเมล็ดผลึกหญ้าถึงร้อยเมล็ดแล้ว!
ศิษย์พี่ใหญ่ใช้พลังชีวิตปิดผนึกบาดแผลรูใหญ่ที่ลำตัวทันทีเขาตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยล้า
“เฮ้อ…”
ศิษย์พี่ใหญ่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและจ้องมองซือหยูอย่างลึกล้ำเขาได้แต่มองมือขวาของซือหยูและประสานหมัด
“ศิษย์น้องซือขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือข้า”
เขาเรียกหุ่นวิหคออกมาจากชายเสื้อ
ซือหยูคลายใจในที่สุดเขาก็ได้มันมา หากหยุนย่าสีดัดแปลงแล้ว มันจะกลายเป็นสมบัติที่เขาใช้หนีได้ตลอดเวลา มันคือการเตรียมการสู่อุปสรรคทั้งสามในการเป็นจ้าวเทวะของเขา
ซือหยูพยักหน้าและยื่นมือรับวิหคไม้
ในตอนนั้นเองแสงสีมรกตเปล่งประกายจ้าตรงมาที่มือของซือหยู เขาต้องรีบหลบลำแสงและรับวิหคไม้เอาไว้ไม่ได้
เสียงถอนหายใจแรงดังขึ้น
“ฮื่ม!แม้แต่คนนอกก็คิดจะอยากได้สมบัติของสำนักช่างสวรรค์ของข้าเรอะ?”