The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1011 - ราชาบุพผาดาว
หลังจากเดินทางข้ามทะเลบุพผามาห้าวันพวกเขาก็ได้มาถึงเมืองใหญ่โต เมืองนี้เต็มไปด้วยผู้คนและเสียงบรรยากาศของเมือง มีรถม้าอยู่เต็มบนถนน
ถ้าหากเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในแดนมณีก็คงจะคิดว่าตัวเองอยู่ในโลกภายนอกไปแล้ว
เขาจ้องดูเมืองจากระยะไกลคำว่า ‘สวนบุพผา’ เข้าสู่ระยะสายตา
“หึหึอย่างที่คนตระกูลบูรพาพูดเลย มีเรื่องน่าตกใจซ่อนอยู่ในใจกลางสวนบุพผาจริง ๆ!”
ศิษย์พี่ใหญ่พูด
ซือหยูมองดูทั้งเมืองเพียงช่วงสั้น ๆ เขาก็ทำหน้าประหลาดใจ
“ที่เมืองนั่นมีแต่ผู้หญิง!”
เพียงแค่มองปราดเดียวก็จะเห็นสตรีในหลากหลายอายุตั้งแต่คนเฝ้าประตูไปจนถึงเจ้าของร้านสุรา แม้แต่ศิลปินข้างถนนก็ยังเป็นสตรี
“ใช่แล้ว!จากที่ตระกูลบูรพาบอก สตรีเหล่านี้ตั้งหมดคืออสูรบุพผาร่างมนุษย์ พวกมันใช้รูปลักษณ์ของมนุษย์และกินอยู่แบบเดียวกัน สิ่งนี้ถูกเซียนมณีทิ้งเอาไว้ช่นกัน”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดถึงคนจากตระกูลบูรพาอีกครั้งนางคนนั้นคือคนที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บในถ้ำ
“ไปข้างในกันเถอะอสูรบุพผาพวกนั้นเห็นคนจนชินตาแล้ว แดนมณีมิให้พวกมันทำร้ายผู้เข้าร่วมได้”
ศิษย์พี่ใหญ่นำทางไป
และก็เป็นอย่างที่พูดการมาของพวกเขาทำให้อสูรบุพผาสนใจ แต่ก็ไม่มีใครที่ทำเรื่องไม่เหมาะสม
ต่อมาพวกเขาได้ไปอยู่ที่กลางสวนบุพผา สถานที่เคลื่อนย้ายลอยอยู่กลางอากาศ มันปล่อยคลื่นพลังมิติออกมา “มีที่เคลื่อนย้ายอยู่จริงด้วย!”
ทุกคนดีใจ
พวกเขามีเวลาหนึ่งวันก่อนภัยพิบัติแรกจะมาถึง
โชคดีที่เขามาถึงหน้าจุดเคลื่อนย้ายแล้วถ้าพวกเขาไปยังสวนตำราที่อยู่ไกลที่สุดได้ แรงปะทะจากภัยพิบัติจะน้อยลงจนแทบไม่รู้สึก
“หยุดเดี๋ยวนี้!ห้ามผู้เข้าร่วมเข้าไปในนั้น!”
จู่ๆ ก็มีรังสีพลังอันเยือกเย็นแล่นมาจากที่ใกล้จุดเคลื่อนย้าย หญิงชราสามคนบินออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสามให้บรรยากาศของความเหนือกว่า แต่ละคนมีพลังของจ้าวเทวะระดับเก้าที่เทียบได้กับศิษย์พี่ใหญ่
เหล่าศิษย์สำนักช่างสวรรค์ยำเกรง
“หากไม่มีคำบัญชาจากจ้าวสวนพวกเจ้าทุกคนห้ามเข้ามาที่นี่ในระยะพันศอก! มิเช่นนั้นจะถูกตัดหัว!” หญิงชราพูดออกมาด้วยจิตสังหารบุพผาอสูรจากทั้งเมืองเริ่มมีใบหน้าแข็งกร้าวขึ้น
จ้าวสวนรึ?ซือหยูคิด…หรือจะเป็นเจ้าของสวนบุพผา?
ศิษย์พี่ใหญ่ประสานมือ
“พวกเรามิได้ตั้งใจล่วงเกินโปรดให้อภัยด้วย เราจะถอยกลับแล้ว”
พวกเขารีบทิ้งระยะห่างจากจุดเคลื่อนย้ายโดยมีหญิงชราสามคนมองดูอยู่
“ศิษย์พี่ใหญ่มีสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้ในเมืองได้ยังไง? พวกนางเกือบจะเป็นอสูรเนรมิตรอยู่แล้ว!”
เล่งจูพูดอย่างหนักใจ
ศิษย์พี่ใหญ่สีหน้าเลวร้ายยิ่งกว่า
“พวกนางไม่ได้น่ากลัวนักหากบุกเข้าไปจะรับมือได้สักครู่ แต่มีอีกคนที่น่าสะพรึงกลัวว่า”
เมื่อพูดศิษย์พี่ใหญ่หันไปมองซือหยู “ข้าไม่แน่ใจว่าศิษย์น้องซือสัมผัสอะไรได้หรือไม่?”
ซือหยูตอบด้วยความงุนงง
“หรือว่ามียอดฝีมือนอกจากสามคนนั้นอีก?” novel-lucky
แต่แท้จริงแล้วซือหยูจะไม่รู้ได้อย่างไร?ในตอนที่มาใกล้จุดเคลื่อนย้าย เขาก็สัมผัสได้ถึงสิ่งน่าสะพรึงกลัวที่เล็งพวกเขาอยู่ สิ่งนั้นน่ากลัวกว่าหญิงชรามาก นั่นอาจจะเป็นจ้าวสวนบุพผาก็ได้!
“ชิ!มันเทียบกับข้าไม่ได้ มันจะสัมผัสพลังอื่นได้ยังไง?”
ยู่เหลียงไม่ค่อยชอบใจนัก
“ศิษย์พี่ใหญ่ทำไมไม่พูดเรื่องพลังอื่นที่สัมผัสได้เล่า?”
ศิษย์พี่ใหญ่แอบดูสีหน้าของซือหยูและพูดเบาๆ
“เมื่อครู่ข้าสัมผัสอสูรเนรมิตรได้หนึ่งพลัง!” “อะไรนะ?พลังของอสูรเนรมิตรึ?”
พวกเขาชักสีหน้าทันทีอสูรเนรมิตรเป็นสิ่งที่พวกเขามิอาจต่อกร ทุกกระบวนท่าของอสูรเนรมิตรนั้นมีอันตรายต่อพวกเขาอย่างมิอาจจินตนาการได้
ถ้าหากอสูรเนรมิตรโกรธขึ้นมาพวกเขาจะหนีจากสวนบุพผาไม่รอดสักคน
“ไม่ผิดแน่นางจากตระกูลบูรพาก็บอกเหมือนกัน จ้าวสวนบุพผาคือบุพผาดาวที่บ่มเพาะมามากกว่าหมื่นปีและเป็นอสูรเนรมิตร”
“นางคือราชาในหมู่มวลบุพผาที่เซียนมณีแต่งตั้งให้เป็นจ้าวสวนบุพผา”
ศิษย์พี่ใหญ่อธิบาย
หลายคนเงียบกริบพวกเขาพูดไม่ออก
ที่นี่คือศูนย์กลางสวนบุพผาถ้าหากภัยพิบัติบุพผามาถึง จุดนี้จะกลายเป็นที่รับพลังที่รุนแรงที่สุด
พวกเขาเดินทางมาใกล้จนถึงต้นตอของภัยพิบัติบุพผาถ้าหากพวกเขาเคลื่อนย้ายไปไม่ได้ มันก็ไม่ต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟไม่ใช่รึ?
ความกลัวถาโถมเข้ามาหาทุกคนศิษย์พี่ใหญ่พูด
“พวกเรายังมีโอกาสใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่”
จริงรึ?หลายคนมีหวัง
“ศิษย์พี่ใหญ่มีวิธีสลัดอสูรเนรมิตรออกไปรึ?”
ยู่เหลียงทึ่งในใจ
หากจ้าวสวนมาถึงเท่าใดจ้าวสวนจะตัดหัวพวกเขาได้ทุกคนด้วยความประสงค์เดียว! จะมีวิธีหลอกล่อความสนใจอสูรเนรมิตรได้ด้วยหรือ?
“ไม่!เรามีทางอื่น”
ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“จ้าวสวนมีพลังมากยากที่จะล่อลวงนางหากมีพลังของพวกเราอย่างเดียว!” ศิษย์พี่ใหญ่พูด
“เราต้องทำให้นางยอมจำนน!”
ต่อต้านอสูรเนรมิตรให้พวกเขาใช้จุดเคลื่อนย้ายหรือ?ทุกคนคิดแบบเดียวกัน
“จากที่ตระกูลบูรพาบอกจ้าวสวนบุพผามีหลานที่นางรักมากเก้าคน ครั้งหนึ่งคนตระกูลบูรพาเคยมาที่นี่ และเพื่อจะเลี่ยงภัยพิบัติ เขาได้ลักพาตัวหลานสาวคนหนึ่งของจ้าวสวนมา ด้วยความรักในตัวหลาน จ้าวสวนเลยยอมให้เขาใช้จุดเคลื่อนย้าย”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดด้วยรอยยิ้ม
โอ้?เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนด้วยหรือ?
พวกเขาเข้าใจสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่อธิบายแล้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่แล้วหลานสาวเก้าคนของจ้าวสวนอยู่ที่ใดกันล่ะ? พวกเราจะเริ่มแผนยังไง?”
ยู่เหลียงถาม ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงข้าเตรียมตัวมาแล้ว! ในเก้าคนนี้ หลานสาวที่อายุน้อยที่สุดคือหลานคนที่จ้าวสวนรักมากที่สุด นางเป็นคนที่ซุกซนมากทีเดียว”
“นางชอบหนีข้ารับใช้แล้วมาเล่นสนุกคนเดียวในเมืองนางเคยถูกคนตระกูลบูรพาลักพาตัวมาก่อน พวกเราก็แค่เอาของล้ำค่าในโลกภายนอกออกมา แล้วหลานสาวนางจะต้องถูกหลอกล่อมาได้แน่นอน”
ของล้ำค่าที่แดนมณีไม่เคยเห็นรึ?
ศิษย์พี่ใหญ่หยิบเอาผ้าคลุมสีทองออกมาจากแหวนมิติเมื่อสายลมพัดผ่านจะเกิดเสียงอันไพเราะราวกับบทเพลงจากสรวงสวรรค์
อสูรและนางไม้ที่เดินผ่านหันมามองด้วยความสงสัยหลายคนเข้ามารวมตัวเงี่ยหูฟัง
“เราก็แค่ต้องอดทนรอข้าว่าหลานสาวคนสุดท้ายจะต้องออกมาแน่”
ศิษย์พี่ใหญ่ดูจะเตรียมแผนเอาไว้อีก บทเพลงสวรรค์ดังกังวาลล่อลวงเหล่าบุพผาเหล่าอสูรบุพผาและนางไม้จากทุกหนแห่งรวมตัวกันมารับฟัง บริเวณนี้ค่อนข้างแออัดเลยทีเดียว
ซือหยูกับคนอื่นกำลังเพ่งมองดูเหล่านางไม้และอสูรบุพผาที่เข้ามาจากที่หญิงสาวตระกูลบูรพาบอก หลานสาวทั้งเก้าของจ้าวสวนจะแตกต่างจากคนอื่น แต่ละดอกนั้นเบ่งบานเต็มที่ มีภาพลวงบุพผาดาวที่เหนือศีรษะ มันไม่เหมือนใคร
พวกเขารอจนถึงครึ่งวันซือหยูเพ่งสายตามองมากขึ้น เขาพบสาวน้อยร่างกายผอมบางที่อายุราวสิบแปดปี นางกำลังรุดหน้าเข้ามาและพยายามจะเข้ามาฟังเสียง
บุพผาดาวอันงดงามปรากฏเหนือศีรษะนางนี่จะต้องเป็นหลานสาวคนสุดท้องของจ้าวสวน!