The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1019 - จ้าวเทวะระดับเก้า
ซือหยูพูดเขามองรอบ ๆ และเห็นถ้ำในแอ่งน้ำ เขาไปที่นั่นในพริบตา
แอ่งน้ำนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ขนาดมหึมาหนาทึบหากมองจากด้านบนก็ยากที่จะเห็นแอ่งน้ำ
ที่นี่อยู่ที่กลางสวนตำราแน่นอนว่าเป็นจุดอันตราย แต่มันก็นับว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการซ่อนตัวเช่นกัน
ซือหยูดำลงไปใต้แอ่งน้ำเขาสะบัดแขน แสงวิญญาณเปล่งประกายออกมา
จ้าวสวนจ้องมองซือหยูพลางคิด
“เจ้าคงไม่ตื่นเต้นเกินไปและทำเรื่องเตะตานะ”
จ้าวสวนตาลุกวาว
“สมบัติมิติเอกเทศเรอะ?”
นางทึ่ง “มันคือของที่เซียนสร้าง!”
พลังสร้างมิติคือพลังเฉพาะของเซียนเท่านั้น
จ้าวสวนกลายเป็นต้นบุพผาดาวนางเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยก
ทันทีที่นางเข้าไปนางก็ตกใจ
“เหลือเชื่อ!พลังวิญญาณหนาแน่นเช่นนี้! เซียนธรรมดา ๆ สร้างพื้นที่แบบนี้ไม่ได้หรอก!”
เมื่อนางหันไปมองสวนสมุนไพรด้านข้างนางก็ตกใจขึ้นอีก นางก้าวเข้าไปและนึกถึงบางอย่าบขึ้นได้
นางชักสีหน้าอย่างรุนแรงพร้อมกับตัวสั่น
“ดินเพาะบ่มชั้นสูง!!มีมากมายขนาดนี้ นี่มันเรื่องจริงรึ? แม้กำมือเดียวก็ยากที่จะได้เห็น แล้วที่นี่มีดินอยู่เป็นสวนเลย? ข้ากำลังฝันอยู่หรือ?”
จ้าวสวนอยากจะกระโจนเข้าไปในดินเพาะบ่มและฝังรากตัวเองอยู่ในนั้น “มันคือของที่เซียนสร้าง!”
พลังสร้างมิติคือพลังเฉพาะของเซียนเท่านั้น
จ้าวสวนกลายเป็นต้นบุพผาดาวนางเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยก
ทันทีที่นางเข้าไปนางก็ตกใจ
“เหลือเชื่อ!พลังวิญญาณหนาแน่นเช่นนี้! เซียนธรรมดา ๆ สร้างพื้นที่แบบนี้ไม่ได้หรอก!”
เมื่อนางหันไปมองสวนสมุนไพรด้านข้างนางก็ตกใจขึ้นอีก นางก้าวเข้าไปและนึกถึงบางอย่าบขึ้นได้
นางชักสีหน้าอย่างรุนแรงพร้อมกับตัวสั่น
“ดินเพาะบ่มชั้นสูง!!มีมากมายขนาดนี้ นี่มันเรื่องจริงรึ? แม้กำมือเดียวก็ยากที่จะได้เห็น แล้วที่นี่มีดินอยู่เป็นสวนเลย? ข้ากำลังฝันอยู่หรือ?”
จ้าวสวนอยากจะกระโจนเข้าไปในดินเพาะบ่มและฝังรากตัวเองอยู่ในนั้น “มันคือของที่เซียนสร้าง!”
พลังสร้างมิติคือพลังเฉพาะของเซียนเท่านั้น
จ้าวสวนกลายเป็นต้นบุพผาดาวนางเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยก
ทันทีที่นางเข้าไปนางก็ตกใจ
“เหลือเชื่อ!พลังวิญญาณหนาแน่นเช่นนี้! เซียนธรรมดา ๆ สร้างพื้นที่แบบนี้ไม่ได้หรอก!”
เมื่อนางหันไปมองสวนสมุนไพรด้านข้างนางก็ตกใจขึ้นอีก นางก้าวเข้าไปและนึกถึงบางอย่าบขึ้นได้
นางชักสีหน้าอย่างรุนแรงพร้อมกับตัวสั่น
“ดินเพาะบ่มชั้นสูง!!มีมากมายขนาดนี้ นี่มันเรื่องจริงรึ? แม้กำมือเดียวก็ยากที่จะได้เห็น แล้วที่นี่มีดินอยู่เป็นสวนเลย? ข้ากำลังฝันอยู่หรือ?”
จ้าวสวนอยากจะกระโจนเข้าไปในดินเพาะบ่มและฝังรากตัวเองอยู่ในนั้น ดินเพาะบ่มชั้นสูงมีผลกับการเติบโตต่อพืชในระดับที่น่าตกตะลึงแม้จะเป็นจ้าวสวนบุพผาก็มิอาจปฏิเสธความยั่วยวนของมันได้!
แต่ซือหยูยังอยู่ที่นี่นางต้องขบริมฝีปาก นางถามทั้ง ๆ ที่หน้าแดง
“ให้ข้าบ่มเพาะในดินสักสองสามวันได้หรือไม่?ข้าอยากจะลิ้มรสดินเพาะบ่มดูสักหน่อย”
นางกำลังหาประโยชน์จากผู้เข้าร่วมแดนมณี!
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้าจ้าวสวนแห่งแดนมณีสถานะของนางนั้นสูงส่งยิ่งกว่าใคร การหาประโยชน์จากผู้มาเยือนนั้นทำให้นางต้องวางศักดิ์ศรีทิ้งไป และซือหยูเองก็ไม่จำเป็นต้องยอมนาง
ดินเพาะบ่มชั้นสูงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ต่อชาวบุพผ่านี่คือเรื่องที่ซือหยูจะต้องรู้อยู่แล้ว
ซือหยูตอบ
“ตามใจเจ้า” จากที่เขาสังเกตมันมานานคุณสมบัติวิญญาณในดินเพาะบ่มชั้นสูงจะไม่ลดน้อยถอยลงจากการแค่ปลูกพืชลงไป เขามั่นใจมาก จ้าวสวนบุพผาควรจะได้ใช้มันแทนที่จะทิ้งไว้เสียเปล่า
และอีกเรื่องก็คือเขากังวลว่าจ้าวสวนจะเปิดเผยเรื่องดินเพาะบ่มชั้นสูงซือหยูเตรียมใจมาแล้วก่อนที่จะให้นางเข้ามา เขามั่นใจว่าเขาจะลบความทรงจำนางหรือทำให้นางเก็บเป็นความลับได้ตลอดกาล
“จริงนะ?”
จ้าวสวนประทับใจ
ซือหยูไม่พูดเขาเดินไปที่สวนและเรียกเมล็ดที่เหมือนผลึกแก้วมาหนึ่งกำมือ เขาฝังมันลงไปในดินเพาะบ่ม
เมล็ดเหล่านี้คือผลึกหญ้าที่ได้มาจากร่างกายศิษย์พี่ใหญ่สำนักช่างสวรรค์เขาถูกมันโจมตีโดยฝีมือของคนตระกูลบูรพา เมื่อสัมผัสโลหิตเมื่อใด มันจะเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นผลึกแก้วบนร่างกาย การใช้มันในเวลาจำเป็นจะต้องได้ผลดีเป็นแน่
ถึงเขาจะมีแค่ร้อยเมล็ดความเร็วในการปลูกในดินเพาะบ่มก็มีมาก และด้วยอายุขัยอันสั้นของผลึกหญ้า เขาจะได้เมล็ดกลับคืนมาอีกหลายพันเมล็ดในเวลาไม่นาน
หากมีเวลาสักหน่อยการมีนับร้อยนับพันเมล็ดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่
จ้าวสวนมองแผ่นหลังซือหยูด้วยความตื่นเต้น
“ไม่มีสิ่งใดในโลกได้มาฟรีข้าไม่มีสิ่งล้ำค่าติดตัวนอกจากน้ำผึ้งร้อยบุพผา!”
จ้าวสวนบุพผาเริ่มมีร่างกายโปร่งแสง novel-lucky
หยดของเหลวอำพันส่งกลิ่นหอมโชยออกมาจากเกสรของนาง
เพียงดมกลิ่นเบาๆ สมองของซือหยูก็เปิดโล่งขึ้นในพริบตา มันเป็นความรู้สึกสุขสบายที่ชำระล้างร่างกายเขา
“นี่คือแก่นชีวิตของข้ามีพลังเพิ่มปัญญาแก่สิ่งมีชีวิตทั้งมวล สามหยดคือขีดจำกัดที่ข้ามอบให้ได้ นี่ถือเป็นสิ่งชดเชยที่เจ้าให้ข้าใช้ดินเพาะบ่มชั้นสูง”
ซือหยูไม่ผลีผลามเขาเก็บทั้งสามหยดไปและแอบดีใจ
สมบัติบุพผาทั้งหมดมีค่ามาก!การบ่มเพาะใต้ต้นของหยินมู่และน้ำพุแห่งชีวิตของหยินมู่คือสมบัติล้ำค่าของโลกใบนี้ น้ำผึ้งร้อยบุพผาเองก็เป็นสิ่งที่ยากจะได้พบเห็นเช่นกัน
“เอาล่ะทำตัวตามสบายก็แล้วกัน”
ซือหยูพูดเขาไม่สนใจนางอีกต่อไป จากนั้นเขาจึงไปหาจางตี๋เก้อ
นางหลับตาบ่มเพาะพลังอยู่เงียบๆ ขณะที่ถือใบไม้สีทองในมือ
นางเป็นแค่ภูติระดับสามในครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันแต่ตอนนี้ซือหยูตกใจมากที่เห็นนางเป็นจ้าวเทวะระดับเก้า! ความแตกต่างในพลังของนางทำให้ซือหยูตัวแข็งทื่อ
ต่อให้นางจะบ่มเพาะพลังโดยไม่พบอุปสรรค นางก็ต้องเจออุปสรรคโชคชะตาที่จะต้องเจอในยามที่เป็นจ้าวเทวะไม่ใช่รึ?
ฟึ่บ!
จางตี๋เก้อลืมตาแสงสีเทาในดวงตานางนั้นมีพลังกัดกร่อนอยู่ด้วย
“นายน้อย!”
จางตี๋เก้อยืนขึ้นทันทีแม้นางจะเพิ่มพลังอย่างมหาศาล ความนับถือต่อซือหยูก็ยังคงเดิม นางคืนใบไม้สีเหลืองให้ซือหยูด้วยสองมือ
ซือหยูเก็บใบไม้กลับคืนและเหลือบมองคร่าวๆ พลังเซียนถูกใช้ไปสองในสิบส่วน และพลังแค่สองส่วนนั้นก็ทำให้จ้าวเทวะระดับเก้าถือกำเนิดขึ้นมา ปริมาณพลังของเซียนนั้นมหาศาลกว่าที่เขาจินตนาการไว้
“เจ้าเติบโตเกินกว่าที่ข้าคิดไว้มากนัก!”
ซือหยูพูดบอกความตกใจเขาคิดว่ามันคงเพียงพอแล้วหากนางจะกลายเป็นภูติระดับเก้า แต่นางกลับกลายเป็นจ้าวเทวะระดับเก้าได้ในคราเดียว!
แม้แต่ซือหยูเองยังต้องคิดหาวิธีกำราบนางเพิ่ม
ความภูมิใจแฝงอยู่ในแววตาจางตี๋เก้อ
“ทั้งหมดเป็นเพราะของขวัญจากนายน้อย!”
นางไม่เคยจินตนาการว่าตัวเองจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้!นางคือ0จ้าวเทวะระดับเก้าที่อีกก้าวเดียวจะได้เป็นอสูรเนรมิตร!
“ร่างกายพิเศษของเจ้ารับพลังได้มหาศาลและมันยังทำให้เจ้าทะลวงพลังได้โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคเลย”
ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ
จางตี๋เก้อขมวดคิ้ว
“เอ๋?นายน้อยไม่ได้ช่วยแก้วิบัติของข้าหรือ?”
“ทำไมเจ้าพูดเช่นนั้นเลบ่า?” ซือหยูถามและรู้สึกประหลาด
จางตี๋เก้อตอบ
“ข้าต้องผ่านวิบัติในตอนที่ได้เป็นภูติข้าไม่มีร่างกายที่เอาไว้ใช้ต่อต้านวิบัติ! หลายวันก่อน ตอนที่ข้าเป็นจ้าวเทวะ ข้ารู้สึกอย่างชัดเจนว่าวิบัติกำลังจะมาถึง แต่ข้ารู้สึกว่ามันหายไปอย่างไม่มีเหตุผล นายท่านไม่ใช่คนที่กำจัดมันให้ข้าหรอกหรือ?”
วิบัติมิอาจเกิดขึ้นในมิติเอกเทศได้มันจะต้องเกิดบนโลกภายนอก เหตุผลเดียวที่นางคิดก็คือซือหยูนั้นกำจัดพลังให้นาง
ซือหยูครุ่นคิดอย่างหนัก
“ตอนเจ้าบ่มเพาะเสร็จเมื่อไหร่ให้ออกมากับข้า!”
วิญญาณซือหยูกลับสู่ร่างกายไม่นานจางตี๋เก้อก็ออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยกสู่โลกภายนอก
“ป้องกันข้า”
ซือหยูนั่งลง จางตี๋เก้อพยักหน้าอย่างเชื่อฟังดวงตาสดใสมองสิ่งรอบข้างด้วยความระมัดระวัง ความคิดที่จะหนีไปหลังจากได้เกิดใหม่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง
นางอยู่กับซือหยูมานานแล้วและมันก็อธิบายได้ในประโยคเดียว…นั่นคือนางได้ตกอยู่ในท่ามกลางภูเขาทองคำและบ้านเงินโดยไม่รู้ตัว
นางเคยคิดว่าจะทิ้งผู้มีพรสวรรค์ขัดต่อกฏเกณฑ์อย่างซือหยูไปหาที่พึ่งใหม่ตอนนั้นนางโง่เขลาเกินกว่าจะเห็นเขาเป็นวีรบุรุษตัวจริงมิใช่หรือ?
ตอนนี้นางได้กลายเป็นจ้าวเทวะระดับเก้าอย่างง่ายดายนี่คือสิ่งที่ไม่มีใครอื่นหรือตัวนางในอดีตจะจินตนาการได้ แม้ว่านางจะถูกไล่ไปตอนนี้ นางก็ต้องอ้อนวอนให้ซือหยูดูแลนางต่อไป
ซือหยูกำลังติดต่อกับหยุนย่าสีในขณะนี้
“ท่านอาจารย์เกิดอะไรขึ้นกัน? ผู้ติดตามของข้ากลายเป็นจ้าวเทวะโดยไม่ต้องรับมือกับอุปสรรค มันเกิดขึ้นโดยที่ข้าไม่รู้ตัวเลย หรือว่าท่านอาจารย์ช่วยข้าลบพวกมันออกไปกัน?”
นี่คือความเป็นไปได้เดียวที่ซือหยูคิดออก
เส้นผมเหนือศีรษะซือหยูลอยออกมาอย่างแผ่วเบาและกลายร่างเป็นมนุษย์ข้างกายซือหยูเขามองจางตี๋เก้อ
จางตี๋เก้อสัมผัสอะไรไม่ได้นางเพียงเฝ้าระวังตอบ ๆ ต่อไป
หยุนย่าสีมองนางครู่หนึ่งสีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นมา
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้านั่นแหละที่เป็นเหตุผล”
ซือหยูตกใจ
“ข้าน่ะรึ?แต่ข้ายังไม่ได้ผ่านวิบัติของตัวเองในขั้นจ้าวเทวะเลย ข้าจะแก้วิบัติของนางได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ข้าไม่ได้พูดว่าเจ้ากำจัดพลังไป แต่สามในเก้าอุปสรรคของเจ้ายอมรับนาง!”
หยุนย่าสีพูดอย่างตั้งใจ