The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1046 - อุบายของหมาดำ
แม้จะมีพลังที่เกินกว่ากฎเกณฑ์สวรรค์ฮั่นเฟยก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มัน พลังที่มีกลายเป็นเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า
ฮั่นเฟยแหลกสลายเป็นชิ้นๆ
เมื่อพ่ายแพ้ในการประลองนางถูกย้ายกลับมาที่ชั้นแรก ที่ที่นางจะต้องรอเวลาสิบวันให้พ้นผ่าน
ความตกใจและความไม่พอใจเต็มอยู่ในหัวใจนางฮั่นเฟยหยุดคิดไม่ได้
“ชั้นสุดท้ายมันคืออะไรกันแน่?”
นางก้มหน้าคิดย้อนกลับไปจากนั้น นางราวกับตระหนักได้
พร้อมกันนั้นคำสาปแช่งก่นด่าได้ดังจากทุกมุมของหอคอย!
“บ้าอะไรกัน?ทำไมจ้าวชั้นถึงกลายเป็นซือหยูเซี่ยนล่ะ?”
“บัดซบ!ค่ายกลที่ทั้งโจมตีและป้องกันนั่นมันคืออะไร?”
“ซือหยูเซี่ยน!ความเกลียดเจ้ามันไปถึงกระดูกข้าแล้ว!”
ในทีแรกหลาย ๆ คนใช้ข้อมูลจากสำนักตัวเองในการจัดการกับม่อเทียนฉวน แต่พอถึงเวลาถึง จ้าวชั้นที่ทุกคนต้องประลองด้วยกลับกลายเป็นซือหยู!
ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือพวกเขาต้องลอบโจมตีล่วงหน้าก่อนขณะที่เจอม่อเทียนฉวนและนางจะพ่ายแพ้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ทันทีที่ซือหยูเซี่ยนมาแทนที่ สิ่งที่เขาทำก็คือวางค่ายกลคลื่นดาวตก! บังเอิญเหลือเกินที่ค่ายกลนี้แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าพวกเขาจะวางกลยุทธ์การโจมตีไว้สมบูรณ์แบบเท่าใด มันก็สูญเปล่าในทันที!
และถ้าหากการลอบโจมตีไม่ได้ผลพวกเขาก็ต้องต่อสู้กับจ้าวชั้นแบบซึ่งหน้า แต่พวกเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าซือหยูแข็งแกร่งมากแค่ไหน!
กระบวนท่าที่สองของเขาคือเก้ามังกรอสูรด้วยพลังมังกรอสูรทั้งหก ผู้ประลองที่มีพลังต่ำกว่าจ้าวเทวะระดับเก้าไม่แม้แต่จะได้โต้ตอบ พวกเขาถูกกำจัดในทันที
แม้แต่จ้าวเทวะระดับเก้าที่ป้องกันวิชาเก้ามังกรอสูรได้พวกเขาก็ต้องเจอกับกระบวนท่าที่สามของซือหยูที่น่ารังเกียจยิ่งกว่ากระบวนท่าสุดท้ายของม่อเทียนฉวน! กระบี่ของเขามิใช่กระบี่ที่จ้าวเทวะจะรับมือได้ เฉาลี่ เฉียนเฟิง และปิงหวูชิงล้วนถูกกำจัดด้วยกระบี่เดียว
จ้าวชั้นซือหยูกำจัดทุกคนในทันทีที่ปรากฏปี้หลิงเทียนเป็นคนเดียวที่รับได้สามกระบวนท่า แต่เมื่อถึงชั้นเก้าสิบ เขาก็ล้มเหลวในการเอาชนะซือหยูภายในเวลาจำกัดและพ่ายแพ้ไป
“นี่มันไร้เหตุผล”
ปี้หลิงเทียนเริ่มคิดเรื่องไร้เหตุผลนั้นมีอยู่สองจุด
อย่างแรกซือหยูกลายเป็นจ้าวชั้นได้อย่างไร? และเรื่องที่สอง…ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
“หอคอยเพิ่มพลังของซือหยูเซี่ยนหรือจริง ๆ เขาแข็งแกร่งอยู่แล้วกันแน่?”
ปี้หลิงเทียนคิดในใจ
ในโลกจริงหมาดำยืนเท้าเอวและหัวเราะชอบใจ
“วะฮ่าฮ่าฮ่า!กำจัดทุกคนในสามวัน! ข้าไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารไปอีกสามร้อยปี!”
หลังจากหัวเราะอยู่นานมันแตะไหล่ซือหยู
“ไม่เลว!เจ้าเป็นจ้าวชั้นได้ดี เจ้ายอดเยี่ยมมาก! เจ้าแข็งแกร่งกว่าจ้าวชั้นอีกสี่คนที่กลับบ้านไปกินข้าวเย็นเสียอีก! นับจากนี้ไป เจ้าจะกลายเป็นจ้าวชั้นของหอคอย เจ้าจะส่งพวกยอดฝีมือไปลงนรก!”
“เอาอุ้งตีนเจ้าไปให้พ้นข้า!”
ซือหยูขึ้นเสียงเขาคิดถึงการต่อสู้สุดท้ายกับฮั่นเฟยบ เขาเห็นว่านางมาถึงชั้นที่หนึ่งร้อยได้อย่างไม่ยากเย็น ซือหยูจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ตัวจริงไปในชั้นสุดท้าย
เขาเอาชนะฮั่นเฟยได้อย่างง่ายดายด้วยวิชามายาเขาจบการไต่หอคอยของนางไป ดังนั้นซือหยูจึงเป็นคนเดียวที่ได้ลูกแก้วและกระดูกของชั้นที่หนึ่งร้อย
“เจ้าหมาโง่เอาของของข้ามาได้แล้ว! ข้าต้องการรางวัลตั้งแต่ชั้นเก้าสิบเจ็ดถึงชั้นหนึ่งร้อย อย่าคิดโกงข้า!”
ซือหยูกล่าว
หมาดำลูบอุ้งเท้า
“อืมมข้าว่า ข้าติดเจ้าไปก่อนได้ไหม?”
ซือหยูตอบทันที
“ก็ได้แต่มันก็ต้องมีพยาน ยอดฝีมือสองหมื่นคนที่โดนเจ้าหลอกอาจจะเต็มใจเป็นพยานก็ได้ถ้าตื่นขึ้นมา”
“อย่านะ!ข้าจะให้เจ้า ตกลงไหม?”
หมาดำแยกเขี้ยวและคายลูกแก้วกับกระดูกออกมา หลังจากเก็บของหันหลังจากไป
“เจ้าจะไปไหน?”
หมาดำรู้สึกไม่ดี
ซือหยูชี้ตัวเอง
“ข้าก็จะไปไต่หอคอยอีกรอบน่ะสิถ้าข้าผ่านแล้ว ข้าก็มีสิทธิ์ไต่อีกรอบ”
“เจ้ามันโลภโมโทสัน!เจ้ายังไม่พอใจอีกเรอะหลังจากที่ปล้นทรัพย์ข้าไปขนาดนั้น ตอนนี้ยังคิดจะไปอีกรอบอีก?”
หมาดำโกรธเพราะความบ้าคลั่งของซือหยู
ซือหยูชูสามนิ้ว
“เจ้าเข้าใจผิดแล้วข้าจะไปอีกสองรอบต่างหาก! หนึ่งรอบใช้เวลาสามวัน ยังเหลืออีกตั้งเจ็ดวัน ข้าไปได้อีกสองรอบ”
อาจยากในการท้าประลองกับคนอื่นแต่จะยากอะไรในการประลองกับตัวเอง?
“อ๊ากกก!ข้าไม่เคยเห็นคนหน้าด้านอย่างนี้มาก่อนเลย!”
หมาดำโกรธจนนอนกลิ้งกับพื้นหลายรอบ
เจ้าคนนี้ขอไต่หอคอยอีกรอบหลังจากที่รู้ว่าการไต่หอคอยเป็นเรื่องหลอกลวงเขาต้องการกระดูกกับลูกแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ซือหยูพูดต่อ
“ไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้าประลองอีกแต่เจ้าต้องให้ข้าไปดูชั้นสอง”
หอคอยนี้คือสิ่งใดกันแน่?ทุกคนติดอยู่ในห้วงเวลาลวงในชั้นแรกและคิดว่าตัวเองอยู่ในชั้นอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่เคยย่างกรายไปที่ชั้นสอง ตั้งแต่กาลนานหลายพันหลายหมื่นปี มันเป็นเช่นนี้เสมอมา
ไม่ว่าอัจฉริยะที่เข้ามาจะแข็งแกร่งเท่าใดพวกเขาก็ไม่เคยไปที่ชั้นสอง ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วชั้นสองคือสิ่งใดกันแน่?
“ไม่มีทาง!” novel-lucky
หมาดำขึ้นเสียงมันปฏิเสธเสียงแข็งเป็นครั้งแรก
“ก่อนที่ยอดฝีมือในจิวโจวจะเตรียมตัวดีพอชั้นที่สองจะไม่มีวันเปิดเผย!”
มันเกี่ยวกับทั้งจิวโจวรึ?ซือหยูคิดครู่หนึ่ง
“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าหอวิชามันคืออะไรกันแน่?”
ตามความรู้ที่จิวโจวมีหอวิชาคือพื้นที่กึ่งกลางแดนมณี พื้นที่หลักที่เหล่ายอดฝีมือจะได้มาไต่หอคอยและรับรางวัล แต่ซือหยูรู้สึกถึงความแตกต่างเมื่อได้ฟังคำพูดของหมาดำ
“มันไม่ใช่แค่หอวิชาแต่ทวีปจิวโจวน่ะเข้าใจแดนมณีจริง ๆ หรือว่ามันคืออะไร?”
หมาดำเริ่มพูดอย่างลึกล้ำ
ซือหยูเงยหน้ามองหอคอยเขาพูด
“ผู้คนมักบอกข้าอยู่เสมอว่าแดนมณีคือขุมทรัพย์ที่ทิ้งไว้ให้กับผู้มีพรสวรรค์ในจิวโจวมันมีโอกาสให้กับเหล่าหนุ่มสาวมากมาย”
“แต่เมื่อข้าได้มาถึงแดนมณีข้าก็เกิดข้อสงสัยที่ไม่มีใครตอบได้ คำถามของข้าก็คือ ที่นี่ถูกเซียนมณีออกแบบมาจริงหรือ”
ในที่สุดซือหยูก็ได้ถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมาเป็นเวลานาน
หมาดำเงียบไป
“ทำไมเจ้าถามแบบนั้น?”
ซือหยูพูด
“เรากำลังพูดถึงเซียนมณีที่มีอายุมาชั่วกัลป์นางฟ้าผู้ปกป้องจิวโจวมาตลอดชีวิต แล้วใยเซียนมณีที่มีพลังมากเช่นนั้นถึงต้องทิ้งสถานที่แห่งการฆ่าฟันเอาไว้ด้วยเล่า?”
“ตั้งแต่วิบัติทั้งห้าโอกาสที่จะได้รับรางวัลจากการสังหาร อันตรายข้างในแดนมณี ระบบการแข่งขัน ทุกอย่างล้วนนำไปสู่การนองเลือดทั้งนั้น!”
หมาดำโต้แย้ง
“มันเข้าใจยากนักรึ?การฆ่าทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น และไม่ใช่เซียนทุกคนที่จะอ่อนโยน…” “นั่นแหละปัญหา!เทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาทวีปมาชั่วกัลป์กลับทิ้งระบบอันป่าเถื่อนเอาไว้ให้ลูกหลาน! มันไม่มีเหตุผลสักนิดเดียว!”
“มีความเป็นไปได้สองอย่างนั่นคือที่นี่ไม่ได้ถูกเซียนมณีออกแบบ แต่มีคนที่อยู่เบื้องหลัง! หรือเซียนมณีก็มิใช่ผู้ปกป้องทวีปอย่างที่คนอื่นบอกกล่าว แต่เป็นคนที่ประวัติศาสตร์ทำให้ดูงดงามเท่านั้น!”
หมาดำเบิกตากว้างมันมองซือหยูหัวจรดเท้า
“แต่มันก็แค่ข้อสรุปของเจ้าเจ้าไม่มีหลักฐาน”
ซือหยูส่ายหน้า
“ใช่หลักฐานถือเป็นที่สิ้นสุด ข้ากับคนที่สงสัยนับล้านไร้หลักฐานชัดเจน”
ผู้เข้าร่วมคนอื่นจะต้องเคยคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ดินแดนมหัศจรรย์ที่ไม่ได้มหัศจรรย์อย่างชื่อมันดูเหมือนกับ…ขุมนรกเสียมากกว่า! หมาดำเงียบอยู่นาน
“แต่รางวัลในแดนมณีคือเรื่องจริงที่สุด”
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่แน่นอน ก็เพราะว่ารางวัลมันยอดเยี่ยม เหล่ายอดฝีมือในอดีตเลยมีกำลังใจเข้ามาที่นี่ในทุกยุคสมัย!”
“แต่จากที่ข้าคิดเหตุผลของแดนมณีมิใช่เพื่อลับคมของอัจฉริยะแห่งจิวโจว แต่เป็นการเก็บเกี่ยวยอดฝีมือในเวลารอบร้อยปีต่างหาก!”
ซือหยูแววตาเยือกเย็นเมื่อจ้องมองหมาดำ
“คำถามสุดท้าย…เจ้าเป็นใคร?”
สุนัขตัวนี้คุ้นเคยกับหอคอยมากมันรู้เรื่องแดนมณีอย่างดี มันจะต้องไม่ใช่สัตว์ประหลาดทั่วไป!
“หึหึข้าก็แค่สัตว์ประหลาดที่เกิดมาชั่วกัลป์ในรูปลักษณ์ของจิตวิญญาณที่มีปัญญา”
หมาดำแสยะยิ้มอย่างประหลาด ซือหยูถามต่อ
“ทำไมเจ้าไม่เปิดเผยตัวตนอีกหนึ่งอย่างเล่า?จ้าวชั้นแห่งหอวิชาส!”
หมาดำไม่ทันระวังมันแอบก้าวถอยหลังและจ้องมองซือหยูอย่างหวาดระแวง
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นจ้าวหอคอย?”
“ก็เจ้าบอกเองอยู่นี่ไง!”
หมาดำพยายามจะย้อนคิดแต่ดูเหมือนว่ามันจะจำสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ได้
“เจ้าพูดว่าจ้าวชั้นอีกสี่คนกลับบ้านไปกินมื้อเย็นเจ้าไม่ได้กำลังบอกข้าอยู่รึว่าในหอคอยที่ว่างลอยู่ห้าชั้น คนสุดท้ายคือตัวเจ้าเอง?”
“ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ถึงกักขังคนไว้ข้างในหอคอยหลอกยอดฝีมือมาตลอดชีวิตเจ้าและปล่อยให้แต่ละคนอยู่ในชั้นแรกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ซือหยูเหลือบมอง
หมาดำนี้รู้มากเกินไป “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยเลบ่า?ข้าไม่ว่างเล่นอีกแล้ว! ลาก่อน!”
หมาดำกระโดดหายไปทันทีราวกับถูกลมพัดมันหันมาพูด
“ถ้าไม่มีข้าพวกเจ้าก็จะติดอยู่ในหอคอยตลอดกาล อีกร้อยปี ข้าจะมาเก็บศพพวกเจ้.0..”
แต่ก่อนที่มันจะพูดจบซือหยูยิ้ม
“เจ้าลืมวิธีแก้วิชามายาจริงไปแล้วสินะ!”
เมื่อวิชามายาจริงถูกมองออกยอดฝีมือทั้งสองหมื่นคนจะร่วมมือกันรุมทึ้งหมาดำ มันจะได้หนีไปง่าย ๆ รึ?
หมาดำไม่รีบร้อนมันแยกเขี้ยว
“เจ้าก็ลองดูสิ!”
สิ่งที่เรียกว่าวิชามายาจริงนั้นแตกต่างกับวิชามายาที่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นการได้ยิน กลิ่น และประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหลือ มันคือวิชาที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้
มันคือวิชาที่ลึกลับที่สุดในบรรดาวิชามายาแม้แต่ในช่วงยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุด วิชานี้ก็ไม่แพร่หลาย มันแทบจะเป็นเหมือนเรื่องเล่าที่ไม่มีมูล
มันคือวิชาที่แบ่งแยกคำพูดภาษา การสื่อสาร มันเปลี่ยนการรับรู้ของมนุษย์ให้ต่างออกไป
อย่างเช่นเมื่อมีใครเชื่อว่ามีอาณาจักรโบราณอยู่ท่ามกลางทะเลทราย มันจะเป็นแค่เรื่องแต่ง แต่เมื่อมีสิบ ร้อย พัน หมื่น แสน พันล้านเริ่มเชื่อตาม มันจะกลายเป็นความเชื่อมัน การรับรู้ และสุดท้ายข่าวลือจะกลายเป็นเรื่องจริง!
ข่าวลือที่ว่าหอคอยมีร้อยชั้นถูกส่งต่อมานับหมื่นปีและเป็นที่รู้จักแพร่หลายดังนั้นเมื่อยอดฝีมือเข้ามายังหอคอย พวกเขาจะไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ในแดนมายา หอคอยร้อยชั้นไม่เคยมีอยู่จริง
นี่คือวิชามายาจริงวิชามายาที่ทำให้เกิดการยอมรับ
ซือหยูรู้ความจริงได้ก็เพราะว่าม่อเทียนฉวนไม่ได้พูดถึงเรื่องรายละเอียดของหอคอยแม้แต่คำเดียวดังนั้นตำหนักโลหิตจึงมีความรู้เรื่องหอคอยน้อยที่สุด และในเรื่องร้อยชั้นนี้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่เป็นอิสระจากวิชามายาจริงได้ง่ายที่สุด
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ม่อเทียนฉวนไม่ได้กล่าวถึงหอวิชาที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ มันก็เป็นไปได้ว่านางกำลังจะปิดบังเรื่องข้อมูลของหอคอย หรือว่านางอาจจะสังเกตอะไรได้ในร้อยปีก่อน?
ซือหยูคิดว่าเป็นไปได้บางที นางที่เก็บซ่อนพลังไว้มหาศาลอาจจะรู้มากเกินไป
แต่หมาดำนี้ดูระวังตัวและมั่นใจมากมันทำให้ซือหยูรู้สึกถึงอันตราย