The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1059 - บุตรแห่งประกาศิตสวรรค
เสี้ยววิญญาณเซียนที่อยู่ใกล้สุดร้องคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดร่างขนาดใใหญ่คว้าตัวจางอู๋ชวงจากระยะไกล เกิดเป็นสายลมทมิฬหมื่นศอกเข้าปะทะ
ลายลมทมิฬพัดกระหน่ำกรงเล็บดำสนิทฉีกกระชากมิติและฉุดจางอู๋ชวงให้เข้าไปในรอยแยกมิตินั้น
ไม่มียอดฝีมือคนใดที่กล้าอยู่ใกล้สุสานอีกต่อไปแค่กระบวนท่าเดียวก็เหนือกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้แล้ว!
ฮั่นเฟยตงฟางเถียนเฟิง และคนที่เหลือถูกบังคับให้ต้องถอยออกไปไกล
“เศษขยะล้มเหลวจนต้องกลายมาเป็นวิญญาณคนตาย!พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาหันคมดาบที่ข้า?”
จางอู๋ชวงยืนมือไพล่หลังก้าวไปข้างหน้าเขาพูดอย่างเย็นชา ก้าวเดียวของเขามีพลังวิเศษบางอย่างที่สูงส่งหลายคนใจสั่น มันเหมือนกับมือที่กำลังจะบีบหัวใจของพวกเขา
กรงเล็บพลังภูติผีใกล้เข้ามาเมื่อห่างจากจางอู๋ชวงสิบศอก มันสลายไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น หลงเหลือเพียงควัน
เงาวิญญาณกรีดร้องเสียงแหลมแสบหูและแหลกสลายเป็นความว่างเปล่าสุสานของมันแหลกสลายในทันที ทุกสิ่งกระจัดกระจายไปพร้อมกับสิ่งที่เหลือในหลุมศพ
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เซียนมณีทิ้งเอาไว้จะเป็นของคุ้มค่าอย่างน่าตกใจแต่ละชิ้นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาปรารถนา แต่จางอู๋เฟิงเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าราวกับมองไม่เห็นอะไรเลย
ซากศพและกระดูกกลายเป็นเพียงควันพร้อมกับสิ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน
คนมองจากด้านนอกสวนสุสานทั้งรำคาญใจและโมโหจนพูดไม่ออกโลหิตเดือดพล่านอยู่ในกาย แต่เมื่อพวกเขาได้มองแผ่นหลังของจางอู๋ชวงความรู้สึกโกรธแค้นก็หายไปอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย พวกเขายิ้มอย่างขื่นขม นั่นก็เพราะว่าจางอู๋ชวงนั้นแข็งแกร่งจนพวกเขาไม่มีความกล้าจะเผชิญหน้าด้วย
“อ๊าา!สมบัติเซียนมณี จางอู๋ชวงไม่ได้สนใจมันด้วยซ้ำ แต่พวกเรากับปรารถนามัน”
ยอดฝีมือที่แกร่งที่สุดในดินแดนหนึ่งถอนหายใจ
“ฮ่าๆๆๆพวกเราต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่จางอู๋ชวงไม่ชายตามอง ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกข้างในใจอย่างไรอีกแล้ว”
ยอดฝีมือที่แกร่งที่สุดในอีกดินแดนเผยความปวดร้าวในใจ
พวกเขาคือกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนของตนแต่ความห่างชั้นนั้นกลับมากจนน่าเศร้า จางอู๋ชวงสังหารเสี้ยววิญญาณเซียนได้ในกระบวนท่าเดียว พลังไร้เทียมทานของเขาไม่ต่างกับวีรบุรุษในตำนาน เหล่าวิญญาณทั้งหลายดับเพลิงแค้นของตัวเองไม่มีวิญญาณใดกล้าก้าวออกมา
จางอู๋ชวงมองเหล่าเสี้ยววิญญาณเซียนด้วยความเยือกเย็นเมื่อเขามองไปที่ใด วิญญาณเหล่านั้นจะตัวสั่นอย่างรุนแรงและขัดขืนก่อนจะโค้งศีรษะหลีกทางให้กับเขาราวกับทหารแพ้สงครามที่คุกเข่าให้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด จางอู๋ชวงล้วนไปกับความยิ่งใหญ่
“ฮื่ม!เจ้าพวกล้มเหลวอ่อนแอ เจ้าไม่มีสิทธิ์แม้จะเงยหน้า”
จางอู๋ชวงตรงไปยังหลุมศพเซียนมณีเขาก้าวไปบนแสงทอง
ก่อนที่คนที่เหลือจะมองตามเขาทันเสียงจากหลุมศพได้ดังขึ้น หลุมศพเซียนที่อยู่มาชั่วกัลป์ระเบิดออก!
แสงทองแล่นไปยังสวรรค์จางอู๋ชวงถือโลงศพหยกด้วยมือซ้าย ร่างไร้วิญญาณสีขาวเงินวางอยู่ในโลงศพนั้น! โลหิตและเนื้อหนังเหือดแห้ง เหลือเพียงโครงกระดูกขาวเงินเท่านั้น ในมือของโครงกระดูกมีไม้เท้าดำสนิทอยู่มันคือไม้เท้าเซียนมณี! นี่คือสมบัติที่เซียนมณีใช้ก่อนตาย มันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิที่ชำระล้างได้ทุกสิ่งบนโลก!
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีหลายสิ่งที่ตายไปกับเซียนมณีหลงเหลืออยู่ในโลงศพหยกมันควรจะมีสมบัติส่วนมากที่นางมีในยามที่ยังมีชีวิต
ทุกคนลืมหายใจเมื่อมองจางอู๋ชวงสมบัติทั้งหมดที่ทั้งโลกตามหาในแดนมณีได้ถูกขุดขึ้นมาแล้ว!
แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปความคิดไม่เคยผุดขึ้นแม้สักครั้ง
กับผู้ครองใต้หล้าแห่งยุคสมัยบุคคลธรรมดาย่อมไม่มีสิทธิ์จะแย่งชิงสิ่งที่เขาหมายตา
จางอู๋ชวงที่ทะยานเมฆาเหลือบมองยอดฝีมือทุกคนด้วยความเหยียดหยามในหางตาเขาไม่ได้หยุดมองฮั่นเฟยกับตงฟางเถียนเฟิงด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่มองผ่านไป เขาฉีกมิติออกเผยให้เห็นโลกขนาดใหญ่เขาก้าวเข้าไปและออกจากแดนมณีโดยไม่ต้องรอเวลา มันเป็นวิธีที่น่าตกตะลึง!
ตั้งแต่การมาและการจากไปเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
แม้กระนั้นความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับเซียนก็ทำให้ทุกคนจดจำ พวกเขาคงจำไปจนถึงวันตาย
ซือหยูถอนหายใจเบาๆ เขาเพิ่งจะได้เห็นชายที่แกร่งที่สุดในยุคนี้ ผู้ที่อยู่เหนือนภาจรัส เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าจางอู๋ชวงคืออสูรเนรมิตรที่กลับมาเกิดใหม่หรือไม่
ได้พบกับดวงวิญญาณจักรพรรดิและราชาสามพันดวงตั้งแต่ถือกำเนิดรวบรวมอาณาจักรมนุษย์ทั่วไปในจิวโจวได้ตั้งแต่อายุห้าปี สยบสามพันสำนักในเขตกลางได้เมื่ออายุสิบปี ชี้ปลายกระบี่ต่อราชาเขตกลางเมื่ออายุสิบห้า ตำนานทุกเรื่องล้วนสั่นคลอนโลกจิวโจว จักรพรรดิจิวโจวในอดีตไม่มีสิ่งใดเทียบเขาได้เลย ตระกูลบูรพายืนยันแล้วว่าเขาจะต้องได้เป็นจักรพรรดิจิวโจวแน่นอนเมื่อซือหยูเห็นกับตา เขาจึงเข้าใจได้ว่าตระกูลบูรพาตัดสินได้ถูกต้อง จางอู๋ชวงคือสุดยอดในยุคสมัยอดีตและปัจจุบัน ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นใหญ่ ก้าวข้ามทุกพลังในจิวโจว
ซือหยูไม่ได้ใจเสียกลับกัน เขาเริ่มมีใจฮึดสู้
จางอู๋ชวงเกิดมาเพื่อครองใต้หล้าซือหยูมีหม้อเก้ามังกร หยุนย่าสี และสมบัติศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิ หนึ่งคนมีพรสวรรค์ อีกคนมีสิ่งที่ได้รับมา ในฐานะนักรบที่อาศัยสิ่งอื่นแทนพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด ซือหยูอาจจะตามชายผู้เกิดมาเพื่อเป็นใหญ่ผู้นี้ไม่ทัน!
ผ่านไปนานหลังจางอู๋ชวงจากไปสุสานปกคลุมไปด้วยความเงียบ ทุกคนตัวสั่นจากความน่าสะพรึงกลัวของจางอู๋ชวง
ในตอนนั้นเองเสียงหัวเราะประหลาดอันคุ้นเคยก็ได้ดังขัดจังหวะทุกคน
“หึหึไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิแต่กำเนิดบุตรแห่งประกาศิตสวรรค์จะปรากฏตัวในยามที่จิวโจวกำลังล่มสลาย!”
“นอกจากเขาก็ยังมียอดฝีมือชั้นยอดอีกหลายคนยอดเยี่ยมยิ่งกว่ารุ่นก่อน ๆ”
ท่ามกลางเศษซากศิลาหมาดำสนิทคลานออกมาจากหลุมศพของเซียนมณี หน้ามันดูยุ่งเหยิงสกปรก มันหัวเราะราวกับไม่มีสิ่งใดในสมอง
ก่อนที่ซือหยูกับคนอื่นจะได้พูดบางคนตัวสั่นและกรีดร้องด้วยความกลัว
“วิญญาณทมิฬ!!”
“อ๊าา!!หนีเร็ว! มันคือสิ่งที่ควบคุมวิบัติสัตว์อสูร มันฆ่าไปหลายคนแล้ว!”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นเหล่าคนที่รายล้อมสวนสุสานกระจัดกระจายไปในทุกทิสทาง ไม่มีใครหยุดรอแม้แต่คนเดียว พวกเขากลัวหมาดำมากจนไม่อยากจะเห็น
หมาดำคลานขึ้นมาและหันไปมองซือหยูด้วยตาสีมรกต “หึหึเจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง! เจ้ามาถึงสุสานได้อย่างที่ข้าคิด!”
ตงฟางเถียนเฟิงมองมันด้วยจิตสังหาร
“เผ่าอสูร!!”
“หึหึแม่สาวน้อย อย่าอารมณ์เสียนัก จริง ๆ แล้วข้าชอบเจ้ามากนั เพราะเจ้ากลิ่นเหมือนสหายเก่าข้ายังไงล่ะ”
หมาดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สหายเก่า?สหายเก่าคนไหนกัน?
ตงฟางเถียนเฟิงชักสีหน้าเล็กน้อยม่านควันปกคลุมใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนาง
“ถ้าพวกเจ้าอยู่ที่นี่นั่นก็แสดงว่าวิบัติตำรา วิบัติวิชา และวิบัติสัตว์อสูรทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
หมาดำมองพวกเขาด้วยความชื่นชม
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ข้าได้พบกับคนยอดเยี่ยมอย่างพวกเจ้าข้าไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย!” สุสานคือสวนสุดท้ายนี่คือสวนที่จะตัดสินผลของการต่อสู้ บางทีเสี้ยนหนามของจิวโจวจากแดนมณีอาจจะหายไปเมื่อหมาดำถูกกำจัด
ทั้งสองฝ่ายยืนนิ่งแต่ละคนมองหาโอกาสดีที่สุดที่จะฟาดฟัน
“เอ๋พวกเจ้าจะโหดร้ายเกินไปหรือไม่? ละครกำลังจะจบแล้ว ทุกคนต้องอยู่ในตอนจบสิ”
หมาดำมองรอบๆ
ลำแสงมรกตสองสายพุ่งไปยังแท่นไม้ในสุสานต้นไม้ที่ถูกแสงวเขียวกลายเป็นฝุ่นผงทันที
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
มนุษย์หลายคนพุ่งตามต้นไม้เข้ามา
“ปี้หลิงเทียนรึ?”
ซือหยูจำคนหนึ่งได้เขาคือปี้หลิงเทียนที่แยกจากพวกเขาที่หอคอยร้อยชั้น!
ด้านหลังเขาคือเฉียนเฟิงเฉาลี่ เทียนหยูและชายแปดสิบคนที่ไม่สวมเสื้อ พวกเขามีผิวเป็นเหล็กและมียันต์แปะเอาไว้ตามตัว แววตากลวงโบ๋ราวกับเผ่าประหลาดบางพวก
คนเหล่านี้จะต้องเป็นคนอีกกลุ่มที่ดินแดนมีดสวรรค์พามาด้วย
“ฮ่าๆ น้องซือ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ปี้หลิงเทียนร่อนลงมาด้วยรอยยิ้มตามด้วยคนของเขาเขาเหยียบพื้นที่ห่างจากซือหยูพันศอก
ซือหยูเหลือบมองคนเหล็กทั้งแปดสิบคน
“ไม่เจอกันมาพักใหญ่เจ้าจะต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องศพทองแดงเขียวไปนานพอดู!”
เมื่อได้ฟังรอยยิ้มปี้หลิงเทียนสั่นไหวไปหนึ่งเสี้ยวลมหายใจ
ศพทองแดงเขียวคือสำนักโบราณที่หายไปจากประวัติศาสตร์พวกเขาเชี่ยวชาญในการใช้ร่างกายคนตายและทำให้มันเป็นกายาเหล็ก กายาทองแดง และกายาเงิน
พลังของศพเหล็กนั้นไม่อ่อนแอไปกว่าจ้าวเทวะระดับเก้าพลังศพทองแดงไม่ต่ำกว่าอสูรเนรมิตรขั้นสอง ศพเงินในตำนานนั้นมีพลังสูงจนเทียบได้กับอสูรเนรมิตรขั้นหก!
ดินแดนมีดสวรรค์ได้ขุดค้นศพทองแดงที่หายไปนานขึ้นมาและพวกเขายังพบมากกว่าแปดสิบศพ
ถ้าหากดินแดนมีดสวรรค์ใช้ศพเหล่านี้ในสนามรบระหว่างสองดินแดนดินแดนพรสวรรค์ก็คงจะพ่ายแพ้และเสียพื้นที่ไปมากแล้ว!
ถึงอย่างนั้นดินแดนมีดสวรรค์ก็ไม่เคยทำมันมาก่อน คำตอบนั้นชัดเจน นั่นก็เพราะว่านี่ไม่ใช่ของของดินแดนมีดสวรรค์ จะต้องมีกลุ่มอำนาจทั้งกลุ่มอยู่เบื้องหลังปี้หลิงเทียน ประกอบกับพื้นเพที่เป็นความลับ ไม่ยากที่จะบอกว่าปี้หลิงเทียนไม่ใช่คนทั่วไป
ศพทองแดงมากกว่าแปดสิบร่างนี้เป็นจำนวนที่น่าตกใจ!ถ้าหากพวกมันเข้ามาพร้อมกันก็ไม่ยากที่จะเข้าไปยังหลุมศพของเซียนมณีได้ต่อให้จะไม่มีพลังในระดับของจางอู๋ชวงก็ตาม
เฉียนเฟิงแสยะยิ้ม
“ซือหยูเซี่ยนเจ้ากลัวหรือยังล่ะ?”
ซือหยูมองเขาอย่างไม่แยแส
“กลัวใครกัน?จิ้งจอกในคราบเสืออย่างเจ้ารึ?”
รอยยิ้มของเฉียนเฟิงหายไปเขาตะโกนด้วยความโกรธ
“อย่าอวดดีให้มากนัก!เจ้าจะต้องเสียใจ!”
“หุบปาก!นี่ไม่ใช่เวลาขัดแย้งกันเอง”
ปี้หลิงเทียนตะคอก
เฉียนเฟิงเงียบทันทีเขาถอยออกไป
“น้องซือศัตรูยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า เรื่องในอดีต….”
ปี้หลิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ซือหยูพูดตัดบท
“ร่วมมือเรอะ?เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าจะยังไม่ทำอะไรเจ้า”
เขาระแวงปี้หลิงเทียนเกินกว่าตงฟางเถียนเฟิงกู้ไทซู และแม้แต่จางอู๋ชวง ปี้หลิงเทียนทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายอยู่ตลอดเวลา
“ยินดีที่เจ้าพูดเช่นนั้นน้องซือ”
ปี้หลิงเทียนยิ้มเขามองไปยังกลุ่มยอดฝีมือคนอื่น
“น่าเสียดายที่จักรพรรดิกลืนอสูรไม่อยู่ที่นี่เขาจะต้องสนใจเจ้าหมาดำนั่นมากแน่ ๆ”
จักรพรรดิกลืนอสูรคือชายหนุ่มที่มีลำดับเหนือกว่าฮั่นเฟยและตงฟางเถียนเฟิงแห่งนภาจรัส
เขาหลงใหลในการกลืนกินสัตว์อสูรเพื่อเพิ่มพลังเขาเป็นชายโหดร้ายไร้ใจ เป็นคนโหดเหี้ยมที่หนุ่มสาวในจิวโจวหวั่นเกรง
ไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ใดที่นั่นจะถูกละเลงไปด้วยเลือด
แทนที่จะเรียกเขาว่ามนุษย์เขาเป็นที่รู้จักในฐานะของจักรพรรดิของทุกสัตว์อสูร จักรพรรดิกลืนอสูร
ฮั่นเฟยกับตงฟางเถียนเฟิงมีความกลัวอยู่ไม่มากก็น้อยเมื่อได้ยินนาม“จักรพรรดิกลืนอสูร”