The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1095 - ร่างกึ่งมังกร
พวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ของซือหยูมาก่อนพลังของซือหยูนั้นน่าทึ่ง
ฉีหมิงที่อยู่ในทะเลโลหิตใจหายถ้าเขาขัดขืนต่อไป เขาจะใช้พลังจนหมด ถ้าเขาไม่มีพลังเหลือ พลังกระบี่ในกายจะระเบิดออกมาฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ความตายจะมาเยือนเขาอย่างแน่แท้ เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
การบุกทะลวงออกจากทะเลโหลิตเป็นเรื่องยากหากเป็นวัยหนุ่ม คงจะเป็นเรื่องง่ายในการหนี แต่ตอนนี้เขามีพลังจำกัด เขาไร้ทางออก ถ้าเขาปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก! ฉีหมิงคิดถึงผลดีผลเสียและกัดฟันตัดสินใจ
ฉีหมิงสะบัดเลือดที่ชุ่มกายเขามองซือหยูด้วยสายตาดำมืด
“เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ!” เกล็ดดำผุดขึ้นมาช้าๆ จากร่างกายของเขา ใบหน้าของเขาดำมืดขึ้น เขาทมิฬงอกออกมาจากหน้าผาก นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีอำพัน มือได้กลายเป็นกรงเล็บ ที่ด้านหลังมีหางสีดำงอกออกมา
เจิ่งฉิงหลงหน้าถอดสี
“เขาไม่สนใจเรื่องขยายดวงวิญญาณอสูรเนรมิตรอีกแล้ว!เขากำลังเปลี่ยนเป็นร่างมังกร!”
ซือหยูหัวใจหยุดเต้นเขาเคยได้ยินเพียงแค่ตำนานการแปลงร่างเป็นมังกร เป็นตำนานที่มามาอย่างยาวนาน ตำนานกล่าวว่ามีเผ่าโบราณที่สามารถลอกเลียนร่างกายของเหล่าเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งของฟ้าดินได้เพื่อหนีจากพันธนาการของอสูรเนรมิตร พวกเขาได้เปลี่ยนร่างเพื่อการทะลวงพลัง
ซือหยูรู้เรื่องเนตรอสูรกลืนสวรรค์สิ่งนี้มีที่มาจากช่วงเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนร่างเป็นมังกรนั้นไม่ต่างกับการถ่ายโอนสายเลือดของมังกรเพื่อที่จะเปลี่ยนร่าง หากการเปลี่ยนร่างเกิดขึ้นแล้ว ร่างกึ่งมังกรจะเพิ่มพลังให้อย่างมหาศาลทันที
แน่นอนว่าต้องเสียสละอย่างมากอย่างแรกคือกายามังกรนั้นยากที่จะได้มา ต่อให้มีแก้วมากมาย เขาก็มีโอกาสน้อยมากที่จะซื้อมันได้ในจิวโจว และในแต่ละครั้งที่ใช้พลัง มันจะไม่ใช่แค่การใช้พลังธรรมดา มันจะใช้พลังจากดวงวิญญาณอสูรเนรมิตร!
ดวงวิญญาณอสูรเนรมิตรนั้นไม่ต่างจากจุดกำเนิดพลังของภูติหรือแก้วกำเนิดของจ้าวเทวะถ้าหากมันเสียหายแม้เพียงเล็กน้อย ผลที่ได้ก็จะคงอยู่ไปตลอดชีวิต ไม่มีใครจะใช้พลังนี้หากไม่จำเป็น
ฉีหมิงถูกบังคับให้แปลงร่างเจิ่งฉิงหลงไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
เมื่อไร้ทางหนีฉีหมิงมีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น คือการใช้พลังทั้งหมดเอาชนะซือหยูให้ได้
“มังกรคำตามใต้สวรรค์!” ฉีหมิงกู่ร้องร่างกึ่งมังกรของเขาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
คลื่นเสียงอันน่ากลัวดังก้องไปทั่วทุกทิศทางทะเลโลหิตใกล้ ๆ ไม่ต่างกับเศษกระดาษในกองเพลิง พวกมันดับหายไปกับไฟ
หุ่นเชิดสีเงินที่ซ่อนอยู่ใต้ดินกรีดร้องอย่างน่าเวทนาเมื่อโลหิตมากมายถูกกำจัดทิ้งทะเลโลหิตหายไปในพริบตา เหลือแต่เพียงหุ่นเชิดสีเงินที่บาดเจ็บสาหัสและพยายามจะคลานออกมาจากพื้น แสงสีเงินที่เคยเปล่งประกายในตอนนี้หม่นหมอง บาดแผลเต็มตัวหุ่นเชิด
เสียงมังกรคำรามนี้มีพลังอยู่มาก
“ด้วยพลังตอนนี้เขาคืออสูรเนรมิตรขั้นห้า”
เจิ่งฉิงหลงกล่าวใบหน้าเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเมื่อเริ่มเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ
ฟึ่บ! หลังจากแปลงกายเป็นกึ่งมังกรพลังกระบี่ทั้งหมดในร่างฉีหมิงถูกขับออกมา
เข็มทมิฬเองก็หลุดออกมาจากหน้าผากของเขา
“เจ้าโง่!บังคับข้าให้ทำร้ายดวงวิญญาณตัวเองเรอะ! เจ้าพร้อมรึยัง?”
ฉีหมิงตะโกนอย่างดุร้ายเสียงของเขาผสานกับเสียงของสัตว์ป่า
เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดในการฟื้นฟูดวงวิญญาณที่เสียหายเขาเคยคิดว่าการใช้วิธีนี้จะแก้ปัญหาได้รวดเร็ว แต่ก็หมายความว่าต้องเสียสละอย่างใหญ่หลวง ถ้าเขาไม่ฆ่าซือหยู เขาจะก้าวข้ามความชิงชังในใจได้หรือ?
“หืม…ข้าพร้อมอยู่แล้ว”
ซือหยูจ้องมองตาฉีหมิงและพยักหน้า
คำตอบที่ไม่สะทกสะท้านของเขาทำให้ฉีหมิงโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม
“ข้าก็พร้อมจะส่งเจ้าไปลงนรกแล้ว!” ฉั่วะ!
มิติด้านหลังฉีหมิงเปิดออกกล่องที่มีพลังมิติลอยออกมา ด้านในคือมุกบาดาล
การปรากฏของมุกบาดาลนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเขาไม่ทันระวัง
ฉีหมิงตกใจมาก
ฉีหมิงตะโกนร้องเมื่อมุกบาดาลซัดมาจากด้านหลังยากที่เขาจะหันกลับไป เขาพยายามจะใช้มือที่เต็มไปด้วยเกล็ดเพื่อตบมันให้พ้นทาง
ฉีหมิงได้ยินเสียงเมื่อมุกบาดาลสั่นร่างกายเขาอย่างรุนแรง
ที่น่าตกใจกว่าก็คือเขาสามารถตบมุกบาดาลให้พ้นทางได้!
ครั้งที่แล้วเซียนมณีได้ถือมุกบาดาลอย่างง่ายดายด้วยมือเปล่า
ฉีหมิงในร่างมังกรนั้นแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับมุกบาดาลดูเหมือนว่าอสูรเนรมิตรระดับห้าจะเป็นแรงจำกัดของมุกบาดาล ซือหยูกดดันเล็กน้อยฉีหมิงในตอนนี้มีกำลังไร้ขีดจำกัดและห่างจากเขาคนละขั้น
ดวงตาสีอำพันของฉีหมิงมีแต่ความบ้าคลั่งเมื่อหยุดร่างกายไม่ให้สั่น
“เจ้าหนู!ไม่มีอะไรเหลือแล้วรึ? ตายซะ!”
“ข้ามี…”
ซือหยูตอบอย่างใจเย็นหลังจากคิดไม่นาน เขาหยิบเอาไม้เท้าวิเศษสีเขียวเข้มออกมา มีรอยแตกที่ไม้เท้าให้เห็นอย่างชัดเจนถึงสี่รอยที่ทำให้ไม้เท้าดูเหมือนพร้อมจะแตกอยู่ตลอดเวลา
นี่คือไม้เท้าเซียนมณี!
เขาถือมันด้วยมือหนึ่งข้างและอัดพลังชีวิตลงไม้ไม้เท้าปล่อยคลื่นพลังออกมาทันที
คลื่นพลังแล่นผ่านเจิ่งฉิงหลงเจิ่งเฉิง ฉิวเอ๋อ และฉีหมิงอย่างเงียบเชียบ
ฉีหมิงนั้นสงสัยและอยากจะหลบคลื่นพลังเขาฉีกมิติพยายามซ่อนตัว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มิอาจหนีจากคลื่นพลังได้! ความอวดดีของเขาสลายหายไป เขามิอาจหยุดความตื่นตระหนกได้ นั่นมันอะไรกัน? แล้วพลังนี้คืออะไร? แต่ไม่นานเขาก็ได้รู้
คลื่นพลังที่เข้าสู่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงเขาเขาทมิฬที่หน้าผาก เกล็ดดำบนผิวกายและหางของเขาหลุดร่อนออกไป กระดูกมังกรที่ซ่อนอยู่ในท้องเองก็หายไปอย่างประหลาด ร่างกึ่งมังกรของเขากลับกลายมาเป็นมนุษย์
นี่คือพลังของไม้เท้าเซียนมณีพลังการชำระล้าง มันได้เปลี่ยนเขาจากสัตว์ป่าที่ไม่รู้ว่าเป็นมนุษย์หรือมังกรกลับมาสู่มนุษย์
แน่นอนว่าการชำระล้างไม่ได้ฟื้นฟูดวงวิญญาณที่เสียหายของเขา
เขาได้เปลี่ยนเป็นกึ่งมังกรและกลายเป็นคนปกติในไม่นาน และดวงวิญญาณที่เสียหายก็เป็นความสูญเสียที่มากเกินไป!
“ระ…ร่างมังกรของข้า!”
ฉีหมิงใจสลายเมื่อมองดูร่างมนุษย์ของตนทุกอย่างที่เขาทำไปได้สูญเปล่า เขาเสียสละอย่างมากเพื่อให้ได้ร่างมังกรมา และมันก็หายไปทั้งหมดแล้ว!
รอยแยกสามรอยปรากฏรอบตัวฉีหมิงแสงกระบี่สีเงินแล่นออกมาอย่างไร้คำเตือน
สุดท้ายค่ายกลเพลงกระบี่ก็สมบูรณ์
ฉีหมิงกระพริบตาเพื่อให้ตื่นจากความกลัวอันตรายใหญ่หลวงกำลังมาถึงเขา เขาที่กำลังจะตายกล่าว
“ค่ายกลกระบี่?เจ้าใช้มันได้งั้นรึ?”
เขาไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงเต้นด้วยความกลัวทั้งที่ค่ายกลกระบี่ยังไม่ทันตั้งเสร็จ
“ค่ายกลนี้จะพาเจ้าไปตายยังไงล่ะ”
ซือหยูพูดอย่างเด็ดเดี่ยวเขาเริ่มขยับมือใช้ค่ายกล
มิติฉีกกระชากกระบี่เงินสามเล่มเปล่งแสงประกายด้วยความเร็วเคลื่อนไหวในค่ายกล
ถ้าหากไม่ใช่เพราะแสงสีเงินก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าค่ายกลได้สำเร็จแล้ว โลหิตไหลซึมออกมาจากชีพจรทั้งสามของฉีหมิงมันมาจากทั้งหัวใจ ระหว่างคิ้ว และที่ท้อง
ซือหยูใช้กระบวนท่านี้กับเซียนมณีในครั้งนั้นมันมิอาจทำอะไรปิงหวูชิงได้ เขาได้เล็งจุดตายทั้งสามแต่ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่ในครั้งนี้กับฉีหมิง เขาได้เห็นพลังของมันแล้ว
เขามีกระบี่สามเล่มทุกกระบวนท่าทำเพื่อสังหารให้ตาย เล่มแรกเพื่อแทงทะลุหัวใจฉีหมิง เล่มที่สองเพื่อสะบั้นดวงวิญญาณ และเล่มที่สามคือการทำลายจุดกำเนิดพลัง
นอกจากฉีหมิงจะมีพลังของเซียนก็ไม่มีทางที่เขาจะฟื้นคืนจากการโจมตีนี้ได้
ฉีหมิงแกว่งตัวไปรอบๆ เขาพยายามอย่างหมดท่าเพื่อที่จะรักษาตัวแต่ก็ไร้ผล เขาร้องด้วยความกลัว
“นี่…นี่กระบี่อะไรกัน?ไม่…ไม่นะ!”
ความเจ็บปวดถาโถมฉีหมิงเข้าสู่ความตาย พลังอสูรเนรมิตรแล่นออกมาร่างกายของเขาราวแม่น้ำเชี่ยวกราก ดวงวิญญาณของเขาเริ่มแตกดับ ฉีหมิงรู้สึกถึงร่างกายที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาจึงได้รู้ว่าความน่าสะพรึงกลัวของความตายเป็นเช่นใด
“น้องเจิ่งช่วยข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องเถอะ…ได้โปรด…”
เมื่อกำลังจะตายฉีหมิงอ้อนวอน แต่เจิ่งฉิงหลงก็ตอบด้วยใบหน้าไม่แยแส
“ฉิวเอ๋อข้าเป็นพ่อเจ้า…”
ฉิวเอ๋อได้แต่มองด้วยแววตาสับสนนางรู้ว่านางมิอาจเปลี่ยนใจซือหยูได้
ฉีหมิงล้มลงกับพื้นเพราะมีอาจแบกร่างที่บาดเจ็บไหวสติของเขาเลือนลาง
ซือหยูเหลือบมอง
“เจ้าตัดสายสัมพันธ์หมดสิ้นแล้วเจ้าจะไปหาความรักจากผู้ใดอีก?”
กระบี่สามเล่มคืนสู่ฝักซือหยูหายใจหอบ พลังที่ใช้จากเพลงกระบี่ไตรสุริยานั้นมหาศาล เขาเหนื่อยจนต้องพักฟื้น ซือหยูเข้าไปหาฉีหมิงและถอดแหวนมิติของเขามาเขาคือรองจ้าวดินแดนที่สอง สมบัติที่เขามีย่อมล้ำค่า
ซือหยูมองดูคร่าวๆ และพบแก้วพลังราวแปดพันล้านดวง เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย เขาจะมีทุกสิ่งที่ต้องการ!
ซือหยูพบม้วนกระดาษที่ขาดเหลือครึ่งท่อนมันเขียนวิธีที่คนจะเปลี่ยนเป็นกึ่งมังกรเอาไว้
“วิชาร่างมังกรหรือ?”
ซือหยูตาเป็นประกายอีกครั้งฉีหมิงได้ร่างมังกรมา และพลังของเขาก็เพิ่มขึ้น มันทำให้ซือหยูประทับใจ ร่างกายของเขามีสายใยมังกรอยู่แล้ว เขาจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกรได้ไหมนะ?
แต่ซือหยูก็เก็บทุกสิ่งเอาไว้โดยไม่คิดไปมากกว่านี้
“บาดแผลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซือหยูเก็บกวาดสถานที่และมองเจิ่งฉิงหลง
เจิ่งฉิงหลงรู้สึกกดดันเมื่อซือหยูเข้าใกล้พวกเขาต้องจัดการกับปัญหาระหว่างกัน
เจิ่งฉิงหลงยังเป็นคนมีดสวรรค์และซือหยูก็เป็นคนตำหนักโลหิต
“ได้โปรดอย่าทำร้ายท่านพ่อเลย”
เจิ่งเฉิงรีบวิ่งเข้ามาขวางผู้เป็นพ่อต่อหน้าซือหยู
เจิ่งฉิงหลงผลักบุตรชายอย่างแผ่วเบา
“ถ้าเขาอยากจะทำร้ายข้าใยเขาต้องรอถึงตอนนี้เล่า? เจิ่งเอ๋อ เอามุกยุคอนาคตที่ข้าให้เจ้ากับเขาไปซะ”
หา?เจิ่งเฉิงลำบากใจและไม่เข้าใจ เพราะมุกเม็ดนี้คือตัวแทนแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของเขากับฉิวเอ๋อ แต่เขาก็วางมุกขนาดเท่ากำปั้นใส่มือซือหยู
“สิ่งที่เจ้าต้องการอยู่ข้างในนั้น”
เจิ่งฉิงหลงกล่าว ซือหยูต้องการหลักฐาน
“มันอยู่ในนี้หรือ?”
ซือหยูไม่คิดว่าเจิ่งฉิงหลงจะเก็ยหลักฐานเอาไว้ในของขวัญที่มอบให้บุตรชายต่อหน้าทุกคนในงานแต่งงาน!
ซือหยูยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อรู้วิธีการของเขาหลักฐานอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่มีใครที่คิดได้!