The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1096 - ปกคลุมผืนทวีป
ปั้ง!
ซือหยูทุบมุกด้วยมือเดียวม้วนหนังแกะที่เต็มไปด้วยภาษาภูติผีและมนุษย์เผยออกมา มีลายเซ็นของเจิ่งฉิงหลงอยู่พร้อมกับจ้าวดินแดนมีดสวรรค์และของเผ่าภูติผี
นี่คือหลักฐานที่มากพอแล้วว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ได้สร้างปัญหาใหญ่หลวง!ผู้คนจะมาลงโทษเขาอย่างแน่นอน
“นายน้อยซือข้าแนะนำให้ท่านส่งสิ่งนี้ให้ม่อเทียนฉวน และอยู่ให้ห่างจากเรื่องนี้”
เจิ่งฉิงหลงกล่าวอย่างเคร่งเครียด
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับที่พวกเราไม่มีทางเข้าถึงมีเพียงราชาเขตเท่านั้นที่จัดการได้! และอาจต้องใช้ราชาเขตมากกว่าหนึ่งคน สถานการณ์ในเวลานี้แย่กว่าที่พวกเราคิดไปมากนัก!”
“ถึงข้าจะไม่ได้เจรจากับเผ่าภูติผีโดยตรงแต่จากเวลาแรมปีที่ส่งทรัพยากรให้่พวกมัน ข้าเดาได้ว่าจำนวนภูติผีในจิวโจวมีมากเกินกว่าที่พวกเขารู้! ที่แย่กว่าก็คือประตูของพวกมันอาจจะเปิดออกมาแล้ว!”
“ทรัพยากรที่ถูกเตรียมมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าจากอดีตโดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็อธิบายได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องมีภูติผีมากกว่าเดิมสิบเท่ามาถึงจิวโจวแล้ว!”
ซือหยูตกใจเมื่อได้ฟังตลอดมา เขาคิดว่าเหล่าภูติผีในจิวโจวเป็นเพียงทหารผ่านศึกเมื่อร้อยปีก่อน
แต่ในตอนนี้…
ซือหยูเงียบอยู่นานเขาได้แต่เปิดอ่านบัญชีหลักฐานและเริ่มวิเคราะห์จำนวน จำนวนทรัพยากรที่ได้นั้นมากมายมหาศาล สมบัติในเรือนเจิ่งฉิงหลงเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง!
การแลกเปลี่ยนที่บันทึกเอาไว้นั้นเป็นจำนวนมหาศาล!มันคือจำนวนที่ดินแดนมีดสวรรค์ครอบครองมาอย่างน้อยร้อยปี! ดินแดนมีดสวรรค์เตรียมทรัพยากรให้แก่เผ่าภูติผีมากกว่าศตวรรษแล้ว
ที่น่าแปลกที่สุดก็คือไม่มีใครเคยรู้ตัวและคนร้ายก็ยังลอยนวลอยู่โดยไร้ซึ่งร่องรอย พวกขเารวบรวมทรัพยากรให้ภูติผีมาร้อยปี! แล้วทำไมถึงเพิ่งมามีร่องรอยเอาตอนนี้?
จิวโจวหวั่นไหวต่อเผ่าภูติผีเป็นอย่างมากและผู้คนในทวีปก็หวาดกลัวมันอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าเผ่าอสูรที่ห่างไกลออกไป แล้วเหตุใดถึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย?
คำอธิบายเดียวก็คือมีกลุ่มกำลังที่มองไม่เห็นกลุ่มใหญ่ได้บงการอยู่เบื้องหลังปกปิดร่องรอยทั้งหมด และมีเพียงคนเดียวที่มีพลังและพร้อมจะช่วยเหลือจ้าวดินแดนมีดสวรรค์…ราชาเขตกลาง!
คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่ซือหยูรู้เรื่องสาเหตุการตายของเฉินอี้เจิงเมื่อหลายปีก่อน
ราชาเขตกลางได้สมคบคิดกับเผ่าภูติผีดังนั้นจึงไม่น่าแปลกหากเขาจะสั่งจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ให้สะสมทรัพยากรให้ภูติผีมาร้อยปี!
และซือหยูก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไม่ใช่ดินแดนมีดสวรรค์แห่งเดียวที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ในห้าดินแดนของเขตกลาง นอกจากดินแดนมีดสวรรค์ ดินแดนอื่นล้วนต้องสงสัย
“เวลานี้มันอะไรกัน!แค่เซียนมณีคนเดียวยังไม่พอ ยังมีเรื่องเผ่าผีมาอีก”
ซือหยูขมวดคิ้วแน่น
จากบันทึกหนังแกะซือหยูสามารถประเมินได้ว่าเผ่าผีกำลังตั้งกองทัพอยู่สักแห่งในทวีป รอคอยเวลาที่เหมาะสมมาถึงเพื่อจู่โจมอีกครั้ง
จิวโจวที่เสียเขตมหาสัตว์อสูรไปย่อมแข็งแกร่งน้อยกว่าเมื่อร้อยปีก่อนทุกอย่างกำลังนำไปสู่ภัยพิบัติ
และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือเซียนมณีจะไม่ทิ้งโอกาสนี้ในการทำลายล้างโลกนางจะใช้เวลากลืนกินหัวใจและดวงวิญญาณของมวลมนุษย์
ซือหยูหนักใจจิวโจวกำลังจะถูกทำลายล้างแล้วหรือ?
ซือหยูตั้งใจจะส่งหลักฐานให้กับม่อเทียนฉวนทันทีเพื่อบอกราชาเขตทุกคนให้รับรู้เรื่องนี้ซับซ้อนเกินกว่าเซียนมณีเสียอีก!
แต่เมื่อเขากำลังจะม้วนหนังแกะเก็บเขาก็เห็นลายเซ็นของภูติผี เขาหยุดดูมันใกล้ ๆ
ซือหยูเชี่ยวชาญหลากหลายภาษารวมถึงภาษาของภูติผีในภาษามนุษย์ ลายเซ็นนี้จะแปลได้ว่า…
“เป็นมันรึ?”
ซือหยูดวงตาสั่นระริกเขาแทบจะไม่อยากเชื่อแต่ก็โล่งใจในเวล่เดียวกัน
“เอาล่ะถ้าเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็อธิบายได้”
เจิ่งฉิงหลงขนลุกเมื่อได้ฟัง
“นายน้อยซือท่านเจออะไรรึ?”
ซือหยูแตะดัชนีที่ลายเซ็นของภูติผี
“เจ้าภูติผีที่เซ็นในบันทึกนี้คือตัวที่ข้าเคยรู้จัก…”
เวลาที่พวกเขาร่วมมือกันโจมตีเซียนมณียังคงสดใหม่ในความทรงจำของเขา
รอยแยกมากมายแตกออกที่ด้านหน้าเรือดำสนิทที่ทำจากกระดูกบินเข้ามา ชายหนุ่มหน้ากากสีทองยืนมือไพล่หลังอยู่ที่กราบเรือ
“น้องซือรู้แล้วสินะ”
ชายหน้ากากสีทองกล่าวด้วยรอยยิ้มด้านหลังเขาคือศพสีทองแดง แต่ละร่างมีพลังอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่ง
มีเรือรบกระดูกมากกว่าหนึ่งลำ!มีอีกเกินสิบลำบินออกมาจากทุกทิศทาง!
แต่ละลำเต็มไปด้วยพลังภูติผีที่น่ากลัวในเรือมีศพทสีทองแดงยืนอยู่! และยังมีมากกว่าพันร่าง! ยิ่งไปกว่านั้น ที่ดาดฟ้าเรือยังมีสิ่งมีชี่วิตที่นั่งสมาธิอยู่ด้วย
ซือหยูเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยมาก!
“เจ้าตำหนักจาง!”
ซือหยูจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจเหตุผลเริ่มแจ่มชัด
“หรือข้าจะเรียกเจ้าว่าขุนพลกระดูกโลหิตดีล่ะ?”
เจ้าตำหนักจางลืมตาช้าๆ ความชั่วร้ายเปล่งประกายออกมา
“หึหึนานมาแล้ว! แต่เจ้ายังจำข้าได้”
ในอดีตตอนที่ซือหยูเปิดโปงเขา เขาได้หนีออกมาจากเขาวิญญาณกระจ่าง
ซือหยูมองด้านหลังกระดูกโลหิตและพบกับชายหนุ่มรูปงามอีกคนที่คุ้นเคย
“ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานานเช่นกัน…ศิษย์พี่เหรินเหยา”
ซือหยูมองชายคนนั้นด้วยความรู้สึกซับซ้อน
เทียนเหรินเหยาคือหนึ่งในสี่อสูรแห่งเขาอสูรเขาได้หายไประหว่างภารกิจกับไป่ชานเหลียงหลังจากที่ถูกเผ่าภูติผีจู่โจม
หากคิดให้ดีการลอบโจมตีนั้นน่าสงสัยมาก นอกจากม่อเทียนฉวนและพวกเขาเองก็ไม่มีใครเลยที่รู้เส้นทาง แต่การลอบโจมตีนั้นเกิดขึ้นอย่างแม่นยำ
ไป่ชานเหลียงพูดว่ามีคนทรยศปะปนอยู่กับพวกเขาเขาสงสัยเหล่าผู้เฒ่าที่ไปด้วยแต่ไม่เคยสงสัยเทียนเหรินเหยาเลย! มีคนคิดว่าเทียนเหรินเหยาได้ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ ความจริงได้ถูกเปิดเผย
“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนทรยศมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?”
เทียนเหรินเหยาดูเศร้าเมื่อพูด
ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
“ถ้าเช่นนั้นข้อความจากศิษย์พี่เทียนหยูก็ส่งถึงเจ้าแล้ว”
“ใช่นางบอกข้าแล้ว ขอบคุณที่ห่วงใย ศิษย์น้อง”
เทียนเหรินเหยาพูดราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่
เทียนหยูแท้จริงแล้วคือพี่สาวของเขา!
ทั้งสองดูน่าจะไม่มีสายเลือดเดียวกันใครจะไปคิดเล่าว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันเช่นนี้?
ในความจริงแล้วในตอนที่ซือหยูได้พบเทียนหยูครั้งแรก เขาก็สงสัยมาโดยตลอด เทียนเหรินเหยาเป็นชายที่ชอบชายด้วยกัน และเทียนหยูก็หลงรักแต่เพียงสตรี ทั้งสองยังมีสกุลเทียนเหมือนกันอีก! ถ้าหากไม่เป็นอะไรกัน มันก็บังเอิญจนเกินไป
ในตอนที่เทียนหยูทรยศวันนั้นซือหยูคาดเดาไว้แล้วว่าจะต้องมีเบื้องหลังในการถูกลอบโจมตีของเทียนเหรินเหยาและไป่ชานเหลียง ทุกอย่างกระจ่างแล้ว!
“ฮ่าๆ เจอคนคุ้นหน้ามากมายนัก”
ซือหยูหัวเราะแต่เขาไม่ค่อยจะรู้จักคนที่เหลือบนเรือรบกระดูกเลย
เจิ่งฉิงหลงนั้นจำได้เขามองคนเหล่านั้นด้วยความขมขื่น
“นอกจากรองจ้าวดินแดนใหญ่รองจ้าวดินแดนคนอื่นในดินแดนมีดสวรรค์ของข้าได้มารวมตัวกันแล้ว ใช่หรือไม่?” คนที่นั่งบนดาดฟ้าเรือแต่ละลำล้วนเป็นรองจ้าวดินแดน!
รองจ้าวดินแดนใหญ่คือบุคคลลึกลับเขาไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว แม้แต่รองจ้าวดินแดนคนอื่นก็มิอาจได้พบเขา
“น้องซือเจ้าเป็นบุรุษมีความสามารถ ดั่งดาวรุ่งข้ามผ่านทวีป หากอัจฉริยะอย่างเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา เจ้าจะได้เจิดจรัสอย่างแน่นอน! ใยต้องฉิบหายไปกับจิวโจวที่กำลังจะแหลกสลายด้วยเล่า?”
ปี้หลิงเทียนแนะนำเขาอย่างอ่อนโยนเขาเผยตัวตนของเผ่าภูติผีออกมา และเขายังยอมรับอีกด้วยว่าเขาเป็นเจ้าของลายเซ็น ปี้หลิงเทียน!
ไม่แปลกเลยที่เขาจะได้เป็นศิษย์ของจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขากับเฉียนเฟิงเป็นเพียงศิษย์หลอก ทั้งหมดก็เพื่อความสะดวกไม่ใช่รึ?
“ผู้คนเปลี่ยนแปลงตามสิ่งรอบข้างหากข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้า ข้าจะยังเป็นมนุษย์หรือเป็นผีเล่า?”
ซือหยูไม่สะทกสะท้านต่อกองทัพใหญ่
ปี้หลิงเทียนยิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนทุกที
“เช่นนั้นคงน่าเสียดายนัก!หากน้องซือยังไม่อ่านหนังแกะ ข้าคงปล่อยเจ้าไปได้โดยไม่เอาความ จักรพรรดิของพวกเรานับถือคนมีพรสวรรค์อย่างเจ้าเสมอ แต่น่าเสียดายนัก มันสายไปแล้ว เจ้าจะไม่คิดอยู่กับฝ่ายเราจริง ๆ ใช่ไหม?”
ซือหยูนิ่งเงียบ
“เจ้าเพิ่งจะต่อสู้แล้วใช่ไพ่ตายของเจ้าไปเจ้าไม่เหลือพลังต่อสู้กับพวกเราอีกแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดต้องฝืนตัวเองขนาดนั้น?”
ปี้หลิงเทียนถอนหายใจ
ศัตรูทรงพลังล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศแม้กระนั้น ซือหยูก็ยังสุขุมเยือกเย็น เขาส่ายหน้าเบา ๆ
“ข้าทำใจแล้วข้าจะเอาหนักฐานไปกับข้า และข้าก็จะไปจากที่นี่!” ปี้หลิงเทียนมองซือหยู
“เจ้าคิดว่ามีทางหนีรึ?”
“ใยเจ้าถึงคิดว่าทุกสิ่งที่ข้ามีตอนนี้คือสิ่งที่ข้ามีเมื่อครึ่งปีที่แล้วเล่า?”
ซือหยูยิ้มอย่างมั่นใจพลังอันยิ่งใหญ่ลอยล่องรอบกาย
เนตรยักษ์สีแดงฉานปรากฏบนสวรรค์เหนือพวกเขา!เนตรใหญ่ปกคลุมพื้นที่หลายแสนลี้เบื้องล่าง หลายคนบอกไม่ได้ว่าเนตรนี้ใหญ่เพียงเท่าใด มันเป็นภาพที่ไม่มีทางลืม
แม้แต่เจิ่งฉิงหลงก็ตัวแข็งทื่อ
“นี่คือวิถีเทพของเจ้ารึ?”
ปี้หลิงเทียนถามอย่างลังเลเนตรนี้ใหญ่กว่าที่เขาเห็นในแดนมณีอย่างมาก และพลังที่ปล่อยออกมาก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนตรที่เขาเคยเห็นมีพลังทำลายล้างที่เบาบาง แต่เนตรดวงนี้ไม่เหมือนกันเลย
“วายุมิติ…”
ซือหยูลั่นวาจา วายุดำสนิทขนาดเท่าเมล็ดงาปรากฏที่นัยน์ตาเนตรสวรรค์มันคือวายุที่จะเกิดขึ้นหลังจากมิติฉีกขาด
หากเข้าไปยังวายุมิติผู้ที่ถูกดูดเข้าไปจะถูกพาไปยังแดนห่างไกล
ทีแรกเขาไม่รู้เลยว่าทำไมวายุเบาบางนี้ถึงมีอยู่ แต่เมื่อวายุได้ขยายอย่างไร้ขอบเขต ขนาดของมันก็ใหญ่ถึงหนึ่งในสิบของดวงตา พวกเขาจึงได้ตระหนักถึงภัย
“มันตั้งใจจะสร้างวายุมิติในระยะแสนลี้รึ?”
รองจ้าวดินแดนที่สี่ถามและจ้องมองวายุที่ขยายอย่างไม่เชื่อสายตา
“ไม่สิ…วายุใหญ่ขนาดนั้นจะถูกสร้างจากแค่ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์หรือ?”
ราวกับตอบคำถามของพวกเขาวายุขยายขนาดไปสามหมื่นลี้ในชั่ววินาที!
เมื่อพวกขเาเงยหน้ามองท้องฟ้าเหมือนราวกับเกิดช่องสว่างขนาดใหญ่ และกำลังจะแตกสลาย
ปรากฏการณ์อันน่าตกตะลงทำให้พวกเขาตัวชาด้วยความกลัว
พวกเขาเริ่มกระวนกระวายเมื่อได้เห็นวายุมิติขยายขนาดอย่างไม่หยุดหย่อน
“มันเอาจริงรึนี่?ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งแสนลี้จะไม่ถูกปกคลุมหรือ?”
เมื่อวายุปิดตัวลงทั้งขุนเขาและแม่น้ำที่คงอยู่มาชั่วนิรันดร์จะถูกดูดเข้าไป ไม่มีใครนั่งเฉยได้อีก
เสียงสายฟ้าลั่นคำรามเมื่อผืนดินถูกฉีกแยกแผ่นเกิดภาพแผ่นผืนดินในระยะแสนลี้ของจิวโจวถูกพลังมิติมหาศาลดูดขึ้นไป
เรือรบกระดูกทั้งสิบลำถูกพลังมิติลากเข้าไปเช่นกันมันหมุนวนตรงกลางราวกับใบไม้ไร้การควบคุม
ลูกเรือต่างสิ้นหวังได้แต่จับตัวเรือเพื่อไม่ให้ปลิวไปตามแรง พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยกับวายุมิติที่ใหญ่ถึงแสนลี้นี้! หลุมดำสนิทรูปลูกตาได้ปรากฏบนท้องฟ้ามันไม่ใช่รอยแยกมิติอีกต่อไป แต่เป็นช่องว่างแห่งสวรรค์! เกิดช่องสว่างบนสวรรค์เบื้องบน!
พวกเขาราวกับคิดว่าตนอยู่ในฝัน!
“กระโดดออกจากเรือ!!เร็วเข้า!”
บนเรือรบกระดูกพวกเขาเริ่มกระจายไปยังทุกทิศทางด้วยความกลัว พวกเขาทิ้งเรือกันทีละคนด้วยความรวดเร็วและฝืนใช้แรงออกมาจากมิติ
ความอวดดีเมื่อครู่หายไปไหนกัน?ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาได้แต่กระจัดกระจายไปคนละทิศทางในพริบตาเหมือนกับหนูที่พยายามจะหนีจากพื้นที่วายุมิติ