The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1126 - เขาเทวะห้าธาต
ฟึ่บ!
ขณะนั้นเองสาวใช้ที่ออกไปก่อนหน้าได้กลับมา
“ท่านนายน้อยทั้งห้าโปรดตามข้าไปที่เขาเทวะห้าธาตุการทดสอบสุดท้ายจะเกิดขึ้นที่นั่น”
เขาเทวะห้าธาตุคือภูเขาห้าสีที่ทำให้คุกเทวะห้าธาตุสั่น
เมื่อยืนที่ตีนเขาการตอบสนองของคุกเทวะห้าธาตุยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม ถ้าซือหยูไม่เก็บมันไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยกทันเวลา มันคงจะกระเด็นออกมาจากชายเสื้อของเขาไปแล้ว
“การทดสอบที่ห้าคือการปีนเขาครั้งนี้จะต้องปีนเขาจริง ๆ”
สาวน้อยกระพริบตาอย่างซุกซน
“หากไปถึงยอดเขาได้ท่านจะได้พบนายหญิง นายหญิงจะเลือกใครก็ขึ้นอยู่กับว่านางชอบใครในคราวสุดท้าย”
ซือหยูมองเขาห้าสีด้วยความสงสัยและก้าวขึ้นเขา
เมื่อฝ่าเท้าสัมผัสเขาห้าธาตุซือหยูรู้สึกว่าทั้งตัวของเขาหนักขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาเริ่มที่จะก้าวขึ้นเขาต่อไป
ในบรรดาอื่นอีกสี่คนหลิวเฉินเดินขึ้นได้ดี เขาขมวดคิ้วและเริ่มปีนเขาต่อไป
แต่สีหน้าของอีกสามคนนั้นไม่เหมือนกันทันทีที่พวกเขาก้าวขึ้นเขาห้าธาตุ พวกเขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองหนักขึ้นเป็นสิบเท่าจนเดินได้อย่างยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีการจำกัดพลังบนเขา พวกเขามิอาจบินได้ พวกเขาต้องปีนเท่านั้น
ทั้งสามเพิ่งจะก้าวได้ไม่กี่ก้าวแต่ก็เดินได้ลำบากแล้วหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
เจิ้งควนพูดด้วยความยากลำบาก “ภูเขาลูกนี้แปลกนักราวกับต้องฝึกฝนกำลังห้าธาตุเพื่อปีนขึ้นไป”
หวังเฉาที่หน้าเริ่มซีดพยักหน้าฝืนยิ้ม
“แล้วก็ต้องมีกำลังห้าธาตุขั้นกลางอีกด้วยหรือไม่ก็ต้องใช้พลังขอบเขตอสูรเนรมิตรเพื่อก้าวขึ้นไป”
“เห้อคงมีแต่หลิวเฉินที่จะชนะสินะ ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นขั้นบันไดให้มันรึ”
เจิ้งควนฝืนหัวเราะคำพูดของเขาเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง คนที่จะชนะในท้ายสุดคือหลิวเฉิน
เขาเงยหน้าโดยไม่รู้ตัวแต่เขาก็ต้องตกตะลึง
“เดี๋ยวสินั่นมัน…เป็นไปได้ยังไง?”
หวังเฉาเองก็มองตามและอ้าปากค้าง
ซือหยูดูสบายใจเขาเดินมือไพล่หลังขึ้นเขาราวกับเดินบนพื้นราบโดยไม่มีความกดดันบนร่างกายเลย
และที่สำคัญเขากำลังเดินนำหน้าหลิวเฉิน หลิวเฉินอยากจะเดินตามให้ทันแต่ระยะห่างระหว่างพวกเขากำลังห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ!
“นั่นนั่นมัน…มันรู้กลของภูเขารึ?”
หวังเฉารู้สึกอับอายใจทันทีถ้าหากภูติระดับเก้าที่มาจากบ้านนอกคอกนายังปีนเขาไปหาสาวงามได้ แล้วเขาที่เป็นยอดฝีมือแนวหน้าแห่งทวีปบูรพาจะยอมแพ้ได้อย่างไร?
หวังเฉากัดฟันเขาร้องคำรามและฝืนปีนเขา
แต่ยิ่งเขาเดินไปไกลเท่าใดแรงต้านทานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หลังจากเดินได้หกก้าว พลังของเขาห้าธาตุได้กดตัวเขาลงไปจนต้องก้าวถอยหลัง เขากลิ้งไปหลายครั้งจนถึงตีนเขาและกระอักเลือด ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนานัก
หลังจากที่เจิ้งควนพยายามเดินได้ห้าก้าวเขาก็รู้ตัวว่ามิอาจฝืนตัวเองได้อีก เขาจึงยิ้มแห้ง ๆ และถอยลงมา
เขาเงยหน้ามองซือหยูที่ขึ้นได้ครึ่งทางและรู้สึกโศกเศร้าในใจถ้าเขารู้ว่าซือหยูจะผ่านการทดสอบ เขาจะทิ้งระยะห่างจากซือหยูตั้งแต่แรกหรือ?
“ข้ารับไม่ได้!”
หวังเฉากัดฟันที่มีโลหิตแทรกระหว่างซี่
หลิวเฉินคืออสูรเนรมิตรอายุน้อยที่ไม่มีใครเทียบพรสวรรค์ได้เขายอมรับได้อย่างเต็มใจหากจะพ่ายแพ้ให้กับหลิวเฉียน
แต่ซือหยูน่ะรึ?คนที่เป็นแค่ภูติระดับเก้าจากดินแดนบ้านนอก เขาจะยอมรับได้หรือ?
บนภูเขาซือหยูเดินหลับตา ยิ่งขึ้นสูงเท่าใดพลังของภูเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันเลย เขาหลับตาพริ้มเดินต่อไปอย่างมีความสุข
ด้วยพลังของภูเขาซือหยูรู้สึกว่าเขาได้เข้าใจอักษรอสูรตัวที่หนึ่งร้อยมากขึ้น แม้ว่าจะแผ่วเบา แต่มันก็ดีกว่าการทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ถ้าเขาใช้เวลาอีกสักไม่กี่วันบ่มเพาะในภูเขาแห่งนี้เขาจะสามารถฝ่าสิ่งกีดขวางของอักษรที่ร้อยได้อย่างแน่นอน เขาจะสามารถควบคุมคุกเทวะห้าธาตุได้เป็นอย่างดี
ซือหยูเดินขึ้นต่อไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใดเขาก็ยิ่งเดินเร็วขึ้นเท่านั้น เขาไม่ต่างกับอาชาที่เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เขาทิ้งเพียงภาพเงาของตัวเองไว้บนภูเขา
ที่ตีนเขาสาวน้อยจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง ที่นางเห็น ซือหยูราวกับไม่ได้เจอแรงกดดันของภูเขาเลย แล้วยิ่งไปกว่านั้น ซือหยูเองก็กำลังไล่ตามความแข็งแกร่งของพลังมากขึ้นขึ้นไป
“เขาคนนั้นประสบความสำเร็จในธาตุทั้งห้าอย่างน่าประทับใจ”
สาวน้อยกล่าวในตระกูลบูรพา มีไม่ถึงสิบคนที่สามารถวิ่งขึ้นเขาได้เช่นนี้
สายตานางดูซุกซน
“หึหึครั้งนี้นายหญิงได้เจอของจริงเสียแล้ว”
ซือหยูจิตใจแจ่มใสขึ้นเมื่อขั้นสุดท้ายของการบรรลุใกล้เข้ามาในใจมีความรู้สึกเบาสบายที่มิอาจอธิบายได้ ราวกับว่าเขากำลังร่อนไปกลางนภา
แต่ทันทีที่เขาได้รับความรู้สึกนี้พลังของห้าธาตุก็ได้หายไป ความรู้สึกที่เกือบจะบรรลุเองก็ถูกขัดขวาง
มันเหมือนกับคู่รักทีกำลังร่วมรักได้ถูกขัดขวาง
ซือหยูแอบรำคาญใจเขาลืมตาขึ้นและพบว่าเขาได้อยู่บนยอดเขาแล้ว
เขาได้เห็นว่าที่ยอดเขามีผนึกของพลังห้าธาตุอยู่
“ขอแค่พลังห้าธาตุแข็งแกร่งกว่านี้…อักษรตัวสุดท้ายคงจะไม่ยากสำหรับข้า”
ซือหยูผิดหวังเป็นอย่างมาก
แตจ่เขาก็ไม่ลืมเหตุผลของการมาครั้งนี้
เขามองรอบๆ และคิดถึงการได้พบตงฟางเถียนเฟิง
แต่สุดท้ายก็ไม่มีตงฟางเถียนเฟิงในสายตาเขากลับพบเด็กหนุ่มรูปหล่อที่ยืนอยู่บนยอดเขา
เขาสวมชุดทั่วไปและพกกระบี่ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูยิ่งใหญ่…เขาราวกับเทพบนสรวงสวรรค์
ภาพของชายหนุ่มคนนี้ทำให้ซือหยูตัวสั่นด้วยความกลัว
อะไรกัน!
นี่ไม่ใช่ตัวข้าหรอกรึ?
เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ใครแต่เป็นตัวเขาเอง!
เมื่อมองดูใกล้ๆ ซือหยูตระหนักได้ว่ามันคือภาพเงาที่สร้างจากกลุ่มก้อนพลังอสูรเนรมิตร
ร่างเขาของเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?ซือหยูรู้สึกกังวลและหวาดกลัว
… เสียงหอบอย่างรุนแรงดังมาจากด้านหลังหลิวเฉินมาถึงยอดเขาด้วยความยากลำบาก
เมื่อจ้องมองความสบายกายของซือหยูแววตาหลิวเฉินยิ่งดุร้าย เขาไม่เคยนับซือหยูเป็นคู่แข่ง และเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เจ้าสาวมาครอง
ตอนที่เขาพูดกับซือหยูก่อนจะเริ่มการทดสอบที่สามเขาไม่เคยจริงจังกับมัน
แต่สุดท้ายเขาที่เป็นอสูรเนรมิตรก็ต้องบากบั่นขึ้นเขาขณะที่ซือหยูขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
เขาเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามใหญ่หลวง
แต่ในเวลาต่อมาเขาก็หันไปมองร่างเงาลวงเขาเบิกตากว้างและตะโกน
“ซือหยู!”
ย้อนกลับไปในเวลาที่เขาอยู่ในแดนมณีซือหยูได้เดินทางร่วมกับตงฟางเถียนเฟิง ซือหยูอาจจะทำยอดฝีมือในแดนมณีไม่ได้เลย แต่หลิวเฉินนั้นจดจำซือหยูได้! เพื่อที่จะเข้าสู่หอคอยร้อยชั้นเขาเองต้องยอมลงนามในปฏิญาณสัตย์ดวงใจกับซือหยู
หลังจากได้เห็นความสำเร็จมากมายของซือหยูเขานั้นขนลุก
ยอดฝีมือสุดยอดแห่งจิวโจวอย่างจักรพรรดิกลืนอสูรยังต้องถูกสังหารแทบเท้าของซือหยูแล้วเขาเล่า?
ต่อให้เขาเป็นอสูรเนรมิตรในวันนี้หลิวเฉินก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับคนที่เหนือกว่านภาจรัสได้แม้แต่ปลายก้อย
ดังนั้นทันทีที่ได้เห็นซือหยู เขาจึงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
แต่เมื่อรู้ว่าซือหยูคือภาพลวงหลิวเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาพูดเบา ๆ
“แค่ภาพลวงสินะ”
เขารู้จักซือหยูในรูปลักษณ์ของชายแก่และรูปลักษณ์จริงที่เขตกลางได้กระจายข่าวออกมาก่อน
ไม่เพียงแต่เขาเหล่ายอดฝีมือขั้นสุดยอดหลายคนยังได้เห็นภาพของซือหยูมาแล้ว
โดยเฉพาะเหล่าคนที่ได้เข้าร่วมแดนมณีพวกเขาที่ได้เห็นพลังของซือหยูต่างได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาและรู้สึกยอมรับนับถือ
ไม่มีใครกังขาว่าเขาคือผู้ที่สังหารจักรพรรดิโลหิต
และเช่นเดียวกันซือหยูในตอนนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมไปมากโข
ฟึ่บ!
ผนึกบนยอดเขาทำงานพลังของห้าธาตุถูกหยุดลง สาวน้อยบินขึ้นมาประกาศอย่างมีความสุข
“ยินดีกับท่านทั้งสองที่ผ่านการทดสอบที่สามต่อไปเป็นการทดสอบที่สี่…”
“ช้าก่อน!”
หลิวเฉินพูดทันที
“ใยถึงยังมีการทดสอบอีกเล่า?มันไม่ได้มีแค่สามรึ?” สาวใช้กลอกตา
“มีคนผ่านสองคนเราแบ่งตัวนายหญิงเป็นสองท่อนให้พวกเจ้าไม่ได้ ใช่ไหม?”
นั่นมัน…หลิวเฉินลังเลเขามองซือหยู
“คงจะเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแสดงพลังแล้วสินะเข้ามา!”
ก่อนที่ซือหยูจะตอบสาวใช้จ้องมองพวกเขา
“ใครบอกว่าพวกเจ้าต้องแข่งกันเอง?”
หลิวเฉินชี้ไปที่ซือหยูและพูด
“มีพวกข้าแค่สองคนที่นี่ถ้าข้าไม่สู้กับเขา แล้วข้าจะต้องสู้กับใค…”
แต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มของสาวใช้หลิวเฉินก็ดูจะตระหนักบางอย่างได้ เขาหันไปมองร่างเงาของซือหยูและถอนหายใจ
“หรือว่าจะเป็น…การประลองกับ…ซือหยู?”
เขาได้รับรอยยิ้มไร้พิษภัยจากสาวน้อย “ใช่แล้วคนที่นายหญิงยอมรับที่สุดคือวีรบุรุษสองคนแห่งยุคสมัยนี้ นั่นคือจางอู๋ชวงกับซือหยูเซี่ยน โอ้…ตอนนี้เขาชื่อซือหยูแล้ว มีเพียงการชนะร่างเงานี้เท่านั้นที่นายหญิงจะยอมรับพวกเจ้าได้”
หลิวเฉินหน้าซีดราวกับถูกโยนไปในอ่างน้ำแข็งเขาหน้ามืดพร้อมตัวแข็งทื่อ เขาตั้งคำถาม
“เจ้าเล่นตลกอยู่หรืออย่างไร?ข้าจะชนะเขาได้รึ? เขา…เขาคือนภาจรัสที่เทียบได้กับเซียนมณีไม่ใช่เรอะ?”
สาวใช้ยักไหล่
“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าประลองกับตัวจริงแต่ประลองกับร่างเงาร่างเงาลวงมีพลังเพียงแค่ครึ่งเดียวของตัวจริง”
ใครจะไปรู้เล่าว่าหลิวเฉินจะตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ไม่ ต่อให้แค่พลังครึ่งเดียวก็เป็นไปไม่ได้!” เขาเริ่มรำคาญใจเมื่อคิดได้
“เดี๋ยวสินายหญิงเจ้าไม่ได้หาเจ้าบ่าวใช่ไหม? ทดสอบยากเย็นเช่นนี้ ใครกันนอกจากจางอู๋ชวงกับซือหยูจะผ่านการทดสอบนี้ได้?”
สาวใช้หัวเราะเบาๆ เขาพูดถูก นายหญิงไม่เคยคิดจะแต่งงาน แต่ด้วยแรงกดดันของตระกูล นางจึงต้องคิดบททดสอบที่สี่ขึ้นมา มันคือบททดสอบที่ไม่มีใครผ่านได้
ในโลกใบนี้นอกจากจางอู๋ชวงก็ดูจะมีเพียงแค่ซือหยูตัวจริงเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบนี้
สาวใช้หัวเราะพลางเอามือปิดปาก
“วิธีที่นายหญิงใช้น่ะสุดโต่งใครก็ตามที่ผ่านการทดสอบได้คงต้องโกรธเป็นแน่หลังจากรู้ความจริง”
“นายหญิงเจ้าอยู่ไหน?ข้าอยากจะถามนางด้วยตัวเอง แม้ข้าจะจริงใจ แต่ข้าก็ยังถูกหลอก! ข้ารับไม่ได้หรอก!”
หลิวเฉินตะโกนเขาไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
เสียงเอะอะที่ยอดเขาทำให้คนที่ตีนเขาหันมองพวกเขาเริ่มปีนเขาที่ไร้พลังกดดัน เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนโกรธเกรี้ยวไม่ต่างกัน
แม้ว่าพวกเขาจะมาไม่ถึงการทดสอบสุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกว่าโดนโกง
สาวใช้ที่ยังคงหัวเราะเมื่อครู่ใบหน้าเย็นชาในทันที
“เจ้ารับไม่ได้รึ?ที่นี่คือตระกูลบูรพา หากเจ้าไม่พอใจ เจ้าก็ไปรายงานเรื่องข้าดู เจ้าสองคนมีแค่ทางเลือกเดียว จะประลองหรือยอมแพ้ก็เลือกเอา เจ้ามีเวลาตอบสามลมหายใจ มิเช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้ายอมแพ้!”
“ข้าอยากเจอนายหญิงของเจ้า!”
หลิวเฉินตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่มีความผิด!มิเช่นนั้นต่อไปในอนาคต ใครกันจะกล้ามาหาเจ้าสาวจากตระกูลบูรพา?”