The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1139 - ไปพบเซี่ยนเอ๋ออีกครั้ง
“อสูรเนรมิตรขั้นสามพลังระดับนี้ตามข้าไม่ทันอีกแล้ว ดีล่ะ! จากนี้ไป เจ้าจงอยู่ในเมืองเฉินหลงและเป็นผู้คุ้มครองเมืองนี้ซะ!”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
หุ่นเชิดสีเงินตอบ
“ตามบัญชานายท่าน!”
การตัดสินใจนี้เป็นที่น่าพอใจถ้าหากไม่มีซือหยูคอยดูแล มันจะมีเหตุผลในการกลืนกินทุกคนที่กล้ารุกรานเมืองเฉินหลงเพื่อเพิ่มพลังตัวเอง
“อสูรเนรมิตร…ขั้นสามรึ?”
ราชาแห่งความมืดกับผู้เฒ่าจิวงุนงงเมื่อได้ฟัง
“เอาล่ะ!ไปทำหน้าที่เจ้าให้เสร็จแล้วกลับมาทันที ข้าจะไม่อยู่ที่นี่นานนัก!”
ซือหยูหันหลังจางตี๋เก้อกับหุ่นเชิดสีเงินกระโดดไปยังรอยแยกมิติพร้อมกับราชาแห่งความมืด
ผู้เฒ่าจิวตกตะลึงเขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นรอยแยกมิติที่หายไปช้า ๆ จากนั้นซือหยูก็พูด
“พาข้าไปหาคนของข้าเถอะ!”
ผู้เฒ่าจิวถึงได้รู้ตัวเขาค่อย ๆ พูดและมองซือหยูใหม่
“เอ๋…ได้สิ!”
ทั้งเมืองเฉินหลงเต็มไปด้วยความยินดีเมื่อได้ข่าวว่าซือหยูกลับมาแล้ว
ครั้งนี้ผู้เฒ่าจิวสามารถยืนยันได้ว่าซือหยูกลับมาจริง ๆ ทุกคนในเมืองดีใจราวกับคนคลั่ง
ด้วยความช่วยเหลือของซือหยูพวกเขารอดชีวิตและได้ย้ายมายังจิวโจว และพวกเขาก็ได้เติบโตอย่างมากในโลกใบใหญ่ใบนี้
และขณะนี้ราชาแห่งเฉินหลงที่เป็นศูนย์รวมใจของพวกเขาได้กลับมาแล้ว พวกเขาจะยังใจเย็นอยู่ได้อย่างไร?
แต่ซือหยูก็หายตัวไปในไม่นานที่ได้พบกับคนเหล่านั้นนั่นทำให้พวกเขาเศร้าใจเล็ก ๆ
ในห้องดื่มชาอันอบอุ่นซือหยูนั่งอยู่กับสหายเก่าหลายคน
ข้างๆ เขามีฉินจิวหยาง หวูอู๋ยี่ องค์หญิงหยุนหยาน และดยุคเซี่ยนหยูอยู่ด้วย
ทุกคนคือสหายเก่าของซือหยูทั้งยังมีหญิงสาวสองคนที่เคยได้ร่วมค่ำคืนกับซือหยู
เหตุการณ์ในอดีตจางหายราวกับหมอกควันหลังจากการเปลี่ยนแปลงมากมา ฉินจิวหยางได้เติบโตขึ้น เขาเป็นภูติระดับแปดที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับผู้เฒ่าจิว ตอนนี้นับว่าเขาคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนหนุ่มสาวสของเฉินหลง
เขากำลังหารือกับซือหยูในเรื่องการบ่มเพาะพลังต่อไปอย่างอ่อนน้อม
ซือหยูชี้แนะเขาด้วยความอดทนหวูอู๋ยี่กับองค์หญิงหยุนหยานก็มองเขาไม่วางตา
ซือหยูเติบโตมากขึ้นหลังจากหลายปีที่ผ่านมาเขามิใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไปแล้ว การแยกจากอันโศกเศร้าตลอดหลายปีมานี้คือสิ่งที่ยากลำบากที่สุดสำหรับพวกนาง
ขณะนี้นางทั้งสองมิใช่หญิงสาวขี้อายอีกต่อไปแล้ว พวกนางมองชายที่รักอย่างเงียบเชียบและสวยสง่า
คนในห้องพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
“นายน้อยครั้งนี้ท่านจะอยู่ในเมืองเฉินหลงหรือไม่?”
หวูอู๋ยี่ถามด้วยความห่วงใยนางพยายามจะไปกับซือหยูเพื่อที่จะเติบโตมากกว่านี้ นางตัดสินใจแล้วเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของจางตี๋เก้อ
นางตระหนักได้ว่าจางตี๋เก้อเปลี่ยนไปราวกับคนละคน!
ขณะนี้นางเสียใจที่ไม่หนีจากราชาเขตกลางไปกับซือหยู
“ข้าจะไม่อยู่นานนัก!”
ซือหยูมองแผนนางออกเขาปฏิเสธอย่างสุภาพ “ข้าทิ้งทรัพยากรที่นี่ไว้มากถ้าเจ้าใช้มันได้ดี คนมีพรสวรรค์อย่างเจ้าก็เป็นจ้าวเทวะได้ไม่ยาก!”
แม้แต่ทรัพยากรหนึ่งในร้อยของแดนมณีก็สร้างความเปลี่ยนแปลงในเมืองเฉินหลงได้อย่างก้าวกระโดดตอนนี้ซือหยูจะทิ้งทรัพยากรหนึ่งในสิบของแดนมณีกับที่นี่ มันมากกว่าทรัพยากรที่จ้าวดินแดนทุกคนหาได้ในจิวโจว
“เจ้าจะไปในอีกไม่นานหรือ?”
องค์หญิงหยุนหยานที่กลายเป็นหญิงสาวสง่างามจากสาวน้อยถามขึ้นมานางพูดอย่างอ่อนโยน
“ถนอมตัวด้วย!”
นางยืนขึ้นอย่างงดงามและเดินออกไปราวกับผีเสื้อโบยบิน
หวูอู๋ยี่ที่รู้ว่าต้องทำตัวเช่นใดก็ออกไปกับองค์หญิงหยุนหยานขณะนี้ เหลือเพียงผู้เฒ่าจิวกับดยุคเซี่ยนหยูในห้อง “ผู้เฒ่าจิวข้าอยู่ในดินแดนพรสวรรค์ในเวลาที่ผ่านมา ข้ามิอาจกลับมาได้ ขออภัยสำหรับเรื่องยากลำบากที่ท่านเจอ!”
ซือหยูพูดด้วยความรู้สึกผิดถ้าหากเขากลับมาไม่ทันเวลา เมืองเฉินหลงอาจจะถูกสำนักอื่นทำลายล้างไปแล้ว
“อย่าพูดเช่นนั้นเลยพวกเรารู้ว่าเจ้าขอให้คนส่งทรัพยากรมาให้เรา เรารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเราเพียงใด แต่น่าเสียดายที่คนที่เจ้าส่งมาก็ถูกฆ่าตายระหว่างการโจมตีของเมืองไป่หมิง!”
ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจ
ซือหยูตกใจผู้เฒ่าเหลียวเองก็ตายไปแล้ว ไม่แปลกเลยที่เขาไม่ได้รับการติดต่อกลับจากผู้เฒ่าเหลียว
ผู้เฒ่าเหลียวพบเมืองเฉินหลงและส่งทรัพยากรของซือหยูสู่เมืองนี้ได้สำเร็จนับว่าเป็นการรับใช้อันยอดเยี่ยม ซือหยูตัดสินใจที่จะชุบชีวิตผู้เฒ่าเหลียวหากเจอสิ่งที่มีเสี้ยวพลังของผู้เฒ่าเหลียวติดอยู่ วิชาชุบชีวิตสามารถทำได้ครั้งละวันนั่นหมายความว่าเขาจะชุบชีวิตผู้เฒ่าเหลียวในทันทีไม่ได้
“บอกตามตรงความยากลำบากที่คนของเราต้องเจอเกิดจากความเห็นแก่ตัวของข้า จิวโจวกว้างใหญ่นัก เราหาที่ตั้งรกรากที่ดีกว่าได้ไม่ยาก! ข้าเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ข้าเลยแนะนำว่าเราควรตั้งรกรากที่นี่ ถ้าหากไปอยู่ที่อื่น คนของเราก็คงจะเลี่ยงภัยได้!”
ซือหยูถามด้วยความแปลกใจ
“ท่านเคยอยู่ที่นี่มาก่อนหรือ?”
ผู้เฒ่าจิวตอบ
“ใช่แล้ว!ตอนที่ข้าคุ้มกันเขตกลาง ข้ามาที่นี่เพื่อทำภารกิจ ข้าพบทารกในซากเมือง ข้ารับเลี้ยงเขาด้วยความเวทนา ข้าคิดว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของทารกนั้น ข้าเลยตั้งรกรากที่นี่ ข้าไม่คิดเลยว่าคนของเราจะถูกรังแก!”
ทารกหรือ?นั่นคงเป็นกังต้าเหล่ย! ซือหยูไม่คิดเลยว่าเมืองเฉินหลงจะเป็นบ้านเกิดของกังต้าเหล่ย
“ข้าจะไม่รบกวนเวลาเจ้าอีกลแ้วข้าจะไปรวบรวมสิ่งของของคนที่ตาย!”
ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจ
หลังจากผู้เฒ่าจิวออกไปซือหยูก็กลับมาในห้องและนั่งลงที่หน้าดยุคเซี่ยนหยู
“ท่านพ่อ!”
สุดท้ายซือหยูก็ได้มีโอกาสคุยกับเขา
ดยุคเซี่ยนหยูที่นิ่งเงียบรอให้ซือหยูเป็นฝ่ายเริ่ม
ดยุคเซี่ยนหยูโล่งใจเขามองซือหยูทั้งน้ำตา
“เจ้ามาแล้ว!”
ดยุคเซี่ยนหยูแก่เฒ่าลงไปมากดูจากหนวดเคราตัวของเขาเริ่มโค้งงอ
ซือหยูไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดเขานิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะถาม
“เซี่ยนเอ๋ออยู่ที่ใดหรือ?ใยนางไม่มาที่นี่?”
ดยุคเซี่ยนหยูถอนหายใจ
“เซี่ยนเอ๋ออาศัยอยู่นอกเมืองตามลำพังเจ้าไปเยี่ยมนางสิ!”
นางใช้ชีวิตคนเดียวรึ?นางยังคงรู้สึกละอายใจต่อคนเฉินหลงรึ?
“ท่านพ่อ…ข้า…”
ซือหยูรู้สึกผิด
ดยุคเซี่ยนหยูพูดแทรก
“หยูเอ๋อชีวิตคนเราสั้นนัก แม้ยอดฝีมือจะยืดอายุขัยได้ เขาเหล่านั้นย่อมตายได้ตลอดเวลา เจ้าเป็นบุรุษ เจ้าย่อมรู้ดีว่าต้องเลี่ยงการใช้ชีวิตโดยมีความเสียใจแบกไว้บนบ่า!”
ดยุคเซี่ยนหยูลึกขึ้นออกจากห้องพร้อมถอนหายใจซือหยูออกจากห้องและคิดถึงคำพูดของดยุคเซี่ยนหยู
ชีวิตคนเราสั้นนัก…คำพูดของจ้าวหอเพลิงคลั่งยอดฝีมือแตกดับได้ง่ายดั่งแมลง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะนำพาสิ่งใดมาให้ หลังจากเงียบไม่นานซือหยูตาเป็นประกาย ใช่แล้ว! ข้าต้องตัดสินใจเรื่องครั้งก่อนให้เด็ดขาดเดี๋ยวนี้!
ครึ่งวันต่อไป
ฟึ่บ!
เกิดรอยแยกมิติจางตี๋เก้อ หุ่นเชิดสีเงิน และราชาแห่งความมืดก้าวออกมา
หุ่นเชิดสีเงินกับจางตี๋เก้อถือศีรษะในมือ
ศีรษะในมือจางตี๋เก้อเป็นของเจ้าเมืองไป่หมิงศีรษะในมือหุ่นเชิดสีเงินคืออสูรเนรมิตรจากตระกูลนั้น ดวงวิญญาณถูกผนึกอยู่ในศีรษะ
“เสียบหัวเจ้าเมืองไป่หมิงที่กำแพงเมืองสามวันให้ดวงวิญญาณอสูรเนรมิตรภายใต้เมืองเฉินหลงและดูแลเอาไว้ เมื่อตัดสินใจย้ายเมืองเมื่อใดจึงปล่อยดวงวิญญาณได้!”
สองไม้นี้ใช้เพื่อขู่คนภายนอก
ใครที่กล้าดูหมิ่นเมืองเฉินหลงต้องตาย!
รวมทั้งจ้าวเทวะและอสูรเนรมิตร! ราชาแห่งความมืดดีใจมากเขามิอาจหาคำพูดมาอธิบายพลังอันน่าสะพรึงกลัวของข้ารับใช้ทั้งสองของซือหยูได้เลย
หุ่นเชิดสีเงินซัดร่างอสูรเนรมิตรของตระกูลนั้นด้วยกระบวนท่าเดียวจากนั้นหุ่นเชิดสีเงินก็จับดวงวิญญาณของเขาก่อนที่จะหนีไป!
พลังอันน่ากลัวของหุนเชิดทำให้ราชาแห่งความมืดประทับใจ
ไม่นานเขาก็ตระหนักว่าข้ารับใช้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้…ย่อมมีผู้เป็นนายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า…นั่นก็คือซือหยู
“ท่านซือหากท่านไปจากที่นี่ พวกเราจะใช้นามท่านขู่ศัตรูได้หรือไม่?”
ราชาแห่งความมืดถามด้วยความคาดหวัง
ซือหยูคิดไม่นาน
“แน่นอน!จงบอกคนในโลกใบนี้ว่าเมืองเฉินหลงคือบ้านเกิดของซือหยู ใครที่กล้าดูหมิ่นเมืองนี้จะถูกข้าสังหาร!” เสียงของเทพปีศาจดังขึ้นในใจ
“เฮ้ย!เฮ้ย! เจ้าหนู ราชาเขตกลางยังตามล่าเจ้าอยู่เลย เจ้าไม่กลัวว่าเมืองเฉินหลงจะถูกมันใช้ต่อรองรึ?”
เทพปีศาจเตือนซือหยู
ซือหยูถาม
“มันจะไม่รู้เรื่องโลกเฉินหลงหรือ?”
เทพอสูรที่อยู่ในแดนมณียังรับรู้ได้ราชาเขตกลางจะต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเป็นแน่!
ต่อมาผู้เฒ่าจิวได้นำของใช้ของผู้ที่เสียชีวิตมาให้ซือหยู
เมื่อซือหยูสัมผัสพลังของจ้าววิหคเพลิงฉีตงไล่ ฉีหยุนเซี่ยง หยูโหรว ม่ออู๋ หลินหยุนฮี และฉิวหนิงชุ่ย หัวใจของเขาก็โล่งอก มันเศร้า แต่ก็ยินดี
ด้วยพลังที่ยังหลงเหลือของพวกเขาซือหยูสามารถชุบชีวิตแต่ละคนได้ในทุกวัน มันไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อซือหยูเห็นชุดเกราะที่ถูกทำลายของกังต้าเหล่ยเขาก็สงสัยอยู่ในใจ
จากการถามไถ่ผู้เฒ่าจิวซือหยูมั่นใจว่ากังต้าเหล่ยตายแล้ว ตราหยกชีวิตในเมืองของเขาแตก นั่นหมายความว่าวิญญาณของเขาถูกทำลายไปพร้อมกับกายหยาบ
แต่ซือหยูก็เห็นร่างไร้วิญญาณของกังต้าเหล่ยเคลื่อนไหวอย่างอิสระในเขาห้าธาตุมันค่อนข้างแปลก
เขารู้สึกว่ากังต้าเหล่ยกำลังถูกมือลับควบคุมอยู่
หลังจากได้ของเหลบ่านี้มาซือหยูรู้ว่าได้เวลาแล้วที่เขาจะต้องอำลาเมืองเฉินหลง
ราชาเขตกลางจะมาถึงที่นี่ในอีกครึ่งวัน
ซือหยูไม่อยากจะต่อสู้ที่นี่
“เจ้าจงจำเจ้าต้องอยู่และตายไปกับเมืองเมืองนี้!”
ซือหยูหันไปบอกหุ่นเชิดสีเงิน
หุ่นเชิดสีเงินคุกเข่าลงหนึ่งข้าง “ตามบัญชานายท่าน!”
เมื่อพูดจบซือหยูหันไปหาราชาแห่งความมืดกับผู้เฒ่าจิว
“ข้าจะลองชุบชีวิตคนที่ตายเหล่านี้คืนมาอย่าได้เสียใจนัก โปรดตั้งใจพัฒนาเมืองเฉินหลงและจัดการคนเมืองไป่หมิงที่ยอมจำนนต่อเรา! ตั้งแต่นี้ไป พวกท่านต้องดูแลตัวเอง!”
“เจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่หรือ?”
ราชาแห่งความมืดกับผู้เฒ่าจิวตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะกลับมาถ้ารอดชีวิตมาได้โปรดดูแลคนเฉินหลงให้ดี ลาก่อน!”
เพียงก้าวเดียวซือหยูหายตัวไปจากเมืองเฉินหลง จากนั้นเขาก็ได้ไปอยู่บนเขานิรนาม
กระท่อมล้อมรอบโดยภูเขามากมาย
ซือหยูรู้ว่าฉินเซี่ยนเอ๋ออยู่ที่นี่เมื่อคนเฉินหลงเริ่มตั้งรกรากนางมักจะบ่มเพาะเพียงลำพังอยู่เสมอ แม้แต่ดยุคเซี่ยนหยูก็ไม่ได้พบนางบ่อยครั้งนัก
ซือหยูเคาะประตูกระท่อมด้วยความรู้สึกผิด
ประตูเปิดช้าๆ ซือหยูเห็นของข้างในทุกอย่างอย่างชัดเจน
ทุกอย่างในกระท่อมดูยุ่งเหยิงมันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาราวกับว่าถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน