The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1150 - ผู้คุมกฎ
“ฮื่ม!ข้าคือผู้คุมกฎแห่งพันธมิตรเทพบูรพา ข้าได้รับคำสั่งให้กำจัดอสูร และข้าจะต้องเอาตัวมันกลับไปไตร่สวน เจ้าฆ่ามันไม่ได้!”
กายหยาบของชายชราบินลงมาวิญญาณดวงหนึ่งลอยออกมาด้วย ดวงวิญญาณของเขาเป็นชายหนุ่มร่างสีเทาที่มีดวงตาหม่นหมองแต่แข็งแกร่ง
ชายหนุ่มกอดอกอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าเขาจะบอกว่าสวรรค์เป็นที่หนึ่ง แต่เขาเป็นที่สอง
ซือหยูเห็นความดูถูกที่หยั่งรากลึกในสายตาของเขาราวกับว่ามันเป็นความเหยียดหยามที่ออกมาจากกระดูกข้างใน เหมือนกับคนในเมืองร่ำรวยที่มายังชนบทเพื่อใช้จ่ายความมั่งคั่งของตัวเอง
ราชาเขตกลางตกใจไปครู่หนึ่งแต่ก็รู้สึกดีใจเขาโค้งคำนับและคารวะชายหนุ่ม “อสูรน้อยผู้นี้รับฟังคำสั่งท่านยินดีนักที่จะติดตามท่านกลับไปเข้ารับการไตร่สวน”
ชายหนุ่มมองซือหยูด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้าต้องให้ข้าพูดซ้ำหรือไม่?วางอาวุธลงซะ!”
ซือหยูลดธนูลงต่ำช้าๆ
“สัตว์ประหลาดอย่างมันคิดจะขายจิวโจว!มันจะมีความผิดอะไรอีก?”
“หุบปาก!พวกเราผู้คุมกฎคือความลับสุดยอด!”
ชายหนุ่มหยิ่งยโสยกมือชี้ราชาเขตกลาง
“มาหาข้า!”
ราชาเขตกลางดีใจจนพูดไม่ออกสิ่งที่เรียกว่าผู้คุมกฎนั้นคือตัวตนพิเศษที่ทำหน้าที่ดูแลโลกเป็นวงกว้าง หน้าที่หลักคือการทำลายมนต์ของอสูร
แต่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ฆ่าเขาในทันทีแต่กลับเลือกไปไตร่สวนแทนเพียงเท่านี้ก็บอกได้มากเกินพอแล้ว ราชาเขตกลางแอบมองชายหนุ่มและเห็นว่าเขาพยักหน้าลดคางลงต่ำแสดงว่าครานี้คงไม่ต้องเจ็บตัว
ราชาเขตกลางสบายใจขึ้น
ผู้คุมกฎคนนี้ดูเหมือนจะถูกติดสินบนจากแดนเทพเพื่อให้มาช่วยเขา!
ตราบเท่าที่เขาถูกส่งตัวกลับไปยังพันธมิตรพวกเขาก็จะปล่อยเขาไป จากนั้นก็จะบอกกับโลกว่าราชาเขตกลางหนีไปจากพวกเขาโดยไม่มีหลักฐานเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องไตร่สวนน่ะรึ?ฮื่ม โลกนี้ไร้เทพคุ้มครอง ผู้คุมกฎจะมาถึงที่นี่ทำไมกัน? ในบรรดาสมาชิกพันธมิตรเทพบูรพา ผู้คุมกฎที่มีอันดับเก้าในสิบคนมาจากตระกูลของเทพ แม้อาจจะไม่ใช่ลูกหลานสายตรง พวกเขาก็บ่มเพาะยอดฝีมือมากมายและสร้างตระกูลใหญ่ขึ้นมา แล้วใครจะกล้าต่อต้านเล่า?
โทสะของราชาเขตกลางหายไปเขาเดินผ่านซือหยูพลางแสยะยิ้ม “ซือหยูซือหยู วารีในจิวโจวล้ำลึก เจ้า..หนอนแมลงอย่างเจ้าสร้างคลื่นอะไรไม่ได้หรอก! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ราชาเขตกลางเดินไปหาผู้คุมกฎในท่วงท่าของผู้ชนะ
แต่หลังจากเดินได้ไม่กี่ก้าวแผ่นหลังของเขาก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที ตามด้วยความรู้สึกที่เนื้อหนังถูกแผดเผา ดวงวิญญาณของเขาฉีกขาดออกจากกัน
เขาก้มลงมองอกและพบศรสีทองคมกริบที่ทะลุผ่านหลังเข้ามาถึงด้านหน้า
พลังมหัศจรรย์ในศรทลายฟ้ากำลังพุ่งพล่านในร่างของเขามันทำลายกายหยาบและดวงวิญญาณอย่างรวดเร็ว
เขาเบิกตากว้างและหันไปมองซือหยูลดคันธนูลงช้า ๆ ศรทลายฟ้าหายไป
“เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าข้า…”
ราชาเขตกลางไม่เคยคิดว่าซือหยูจะลงมือทำอะไรต่อหน้าผู้คุมกฎ ดวงตาราชาเขตกลางเริ่มเลือนลางเขาโกรธแค้นอย่างล้ำลึก ทันทีที่เขาคิดว่ามีโอกาสหนี มันก็จบลงเพราะซือหยู…
ความชิงชังและความแค้นได้กลายเป็นคำสาปแช่งอันชั่วร้าย
“ซือหยู!ข้าสาปแช่งเจ้าให้พบกับความตายที่เจ็บปวดที่สุด! แดนเทพจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป! ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า!”
“คำสาปแห่งอสูร!”
วาระสุดท้ายราชาเขตกลางอ้าปากกระอักเลือด พลังเทพอสูรก่อตัวเป็นรูปหัวอสูรประทับยังอกของซือหยู
ซือหยูมิอาจหลีกหนีเขาถูกโลหิตราชาเขตกลางฝังลึกบนผิว
เขาไม่มีเวลาดูสภาพร่างกายของตัวเองเขาใช้พลังสีทองอีกครั้งเพื่อสังหารราชาเขตกลาง
ราชาเขตกลางสลายหายไปพร้อมกับดวงวิญญาณ
ณที่อันมืดมิดแห่งหนึ่ง อสูรสูงพันศอกสวมชุดแดงเก่าแก่ทำหน้าตกใจโดยพลัน ตามด้วยความโมโห เขาร้องโหยหวน
“ใครฆ่าลูกข้า?ใคร!”
เสียงร้องคำรามของเขาดังก้องไปทั่วโลกอันมืดมิด
ในโลกอีกใบที่สว่างสดใสสงบสุขสตรีงามเอามือทาบอก แววตาเศร้าหมองและไม่พอใจ
“ลูกข้าตายแล้วหรือ?ข้าส่งผู้คุมกฎไปแล้วนี่! ใยเขายังตายอีก? ฝีมือใครกัน?”
…
ซือหยูสังหารราชาเขตกลางอย่างไม่ลังเลเขาใช้เพียงมือเดียวรวบรวมสมบัติที่ราชาเขตกลางซ่อนเอาไว้และสร้างวายุมิติ สมบัติที่เหลือถูกวายุมิติดูดกลืนและระเบิดทิ้งไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือสิ่งที่เป็นของของราชาเขตกลางอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ทุกอย่างถูกลบล้างหายไป ราชาเขตกลางไม่มีทางฟื้นคืนชีพกลับมา
ถ้าหากซือหยูรู้ว่าในใต้หล้านี้ไม่มีใครยกเว้นซือหยูที่มีพลังฟื้นคืนชีพดวงวิญญาณอื่นแม้จะเป็นเทพ เขาก็คงไม่ต้องระแวงถึงขั้นนี้
ผู้คุมกฎที่กำลังจะได้ตัวราชาเขตกลางตกใจมากเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าฆ่าราชาเขตกลางต่อหน้าเขา!
กว่าเขาจะได้สติกลับมาซือหยูก็ทำลายสิ่งของของราชาเขตกลางอย่างไม่มีสิ่งใดทิ้งไว้เบื้องหลัง ไม่แม้แต่เสี้ยววิญญาณ!
“เจ้ากำลังหาที่ตาย!!!”
ผู้คุมกฎตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดเขากรีดร้องจากก้นบึ้งของดวงวิญญาณ
“คุกเขาต่อหน้าข้าซะ!”
เขาโกรธจัดงานนี้ถูกว่าจ้างจากเจ้าตระกูลของเขาด้วยตัวเอง แต่เขาทำมันล้มเหลว เขาจะต้องถูกลงโทษหนักเพียงใดหลังกลับไป? เพียงแค่คิดเขาก็ตัวสั่นแล้วจะไม่ยิ่งแย่กว่าเดิมหรือถ้าเขากลับไปโดยไร้ซือหยูติดมือไปด้วย?
“ไสหัวไป!”
นี่คือคำตอบที่ซือหยูตอบเขา
อะไรนะ!
แม้จะเป็นวันที่ผู้คุมกฎเฟื่องฟูเขาก็ทำอะไรเซียนไม่ได้ แล้วแค่ดวงวิญญาณจะทำอะไรได้เล่า?
ผู้คุมกฎนั้นใช้ฐานะของตัวเองเพื่อทำให้ทุกคนหวาดกลัวเท่านั้น
แต่ในโลกจิวโจวเทพได้หายตัวไปแทบจะตลอดกาล ไม่มีใครคิดว่าจะมีองค์กรนอกจิวโจวอยู่ ไม่มีใครในจิวโจวที่รู้จักพันธมิตรเทพบูรพาเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้เซียนขั้นสองที่ทำตัวยิ่งใหญ่ต่อหน้าเซียนขั้นสูงสุดจึงไม่ต่างจากการอ้อนวอนขอความตาย!
“เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ?” ผู้คุมกฎโกรธแค้น
ซือหยูจ้องเขาอย่างเยือกเย็น
“ข้าไม่สนว่าเจ้ามาจากไหนและเป็นใครแต่อสูรนั่นพยายามขายจิวโจว การฆ่ามันคือหน้าที่ข้า! เจ้าไม่ช่วยข้าจัดการมันแต่กลับทำให้ข้าเป็นศัตรูตั้งแต่ที่เจ้ามาถึง พอตอนที่ข้าฆ่ามันไปแล้ว เจ้าก็ยังคิดจะฆ่าข้าอีก!”
“ข้าจึงอยากรู้ว่าเจ้าคือผู้คุมกฎหรืออสูรกันแน่!”
ซือหยูเดินไปทางผู้คุมกฎ
ผู้คุมกฎโกรธแค้นยกเว้นแต่เทพ ใครกันจะไม่กลัวผู้คุมกฎ?
“ผู้คุมกฎอย่างข้ามีสิทธิพิเศษเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตั้งคำถามกับข้า?”
ผู้คุมกฎยืนขึ้นเขาพูดอย่างเย็นชา
“ข้าจะสั่งสอนเจ้าก่อนผู้คุมกฎคืออะไรน่ะหรือ? กับพวกโง่เขล…”
เพี๊ยะ! ซือหยูเคลื่อนไหวราวกับสายลมมือของเขาฟาดไปที่ใบหน้าของผู้คุมกฎจนกระเด็นล้มลงกับพื้น
“โอ้ผู้คุมกฎเป็นเช่นนี้เองสินะ โง่เขลาไม่รู้จักกลัว!”
ซือหยูเหยียบอกของผู้คุมกฎเพื่อไม่ให้ขยับไปไหน
“ตอบข้า…”
“เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับราชาเขตกลาง?ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ามาที่นี่โดยบังเอิญ เวลาประจวบเหมาะเกินไป เจ้าไม่ได้มาเร็วหรือมาช้า แต่พอมันกำลังจะตาย เจ้าก็ออกมาช่วยมัน!”
ผู้คุมกฎโกรธเกรี้ยวเขาอยากจะสั่งสอนซือหยูในเรื่องผู้คุมกฎ แต่เขากลับถูกจู่โจมเสียเอง
เขากัดฟันแน่นและตะโกน
“ข้าจะไม่มีวั…”
ปั้ง! ครั้งนี้ซือหยูเหยียบใบหน้าของเขาด้วยเท้าหนึ่งข้าง ใบหน้ากว่าครึ่งของเขาจมดิน
“เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกคิดว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้ารึ?”
ซือหยูพูดเบาๆ
ในที่สุดคำพูดของซือหยูก็ทำให้ผู้คุมกฎตัวสั่นเขาจำได้ลาง ๆ ว่าหลายปีก่อน ผู้คุมกฎได้ตายในโลกรกร้างโดยพวกบ้านนอกโง่เขลา
เหงื่อเย็นแตกพลั่ก
เขาคุ้นเคยกับการที่มีคนรอบข้างให้เกียรติตอนนี้เขาต้องตื่นจากเรื่องเล่าขานสู่ความจริง เขารู้สึกไม่ดีเลย
แต่การบอกให้เขายอมแพ้ต่อหน้าพวกคนบ้านป่าเมืองเถื่อนนั้นน่าขันเกินไป
“ฮื่มเจ้ารอก่อนเถอะ! ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
ผู้คุมกฎตอบอย่างเยือกเย็นและหยิบหยกสีเพลิงออกมาจากเอว หยกเพลิงแตกพลังมิติจำนวนมากโอบล้อมตัวเขาเอาไว้
เขาคิดจะนำข่าวกลับไปบอกตระกูลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนเรื่องการจัดการซือหยูเขาคิดว่าผู้เป็นนายจะต้องยินดีช่วย ถ้าหากซือหยูตกไปอยู่ในมือคนผู้นั้น ซือหยูจะปรารถนาให้ตัวเองไม่ได้เกิดมา!
แต่ซือหยูก็แสยะยิ้ม
“คิดอะไรของเจ้าอยู่คิดจริงหรือว่าจะหนีไปได้?”
ในดวงตาซือหยูเกิดคลื่นพลังเข้าสบประสานกับผู้คุมกฎ
ทันใดนั้นผู้คุมกฎก็ถูกดูดเข้าไปในมิติวิญญาณก่อนที่จะกลับไปยังที่ที่จากมา
ในตอนนั้นเองเทพกิเลน ม่อเทียนฉวน และคนอื่น ๆ รีบมาดูที่สนามรบสุดท้าย
จากที่พวกเขาเห็นไร้ซึ่งร่องรอยของราชาเขตกลาง หยกเพลิงแตกพลังมิติจำนวนมากโอบล้อมตัวเขาเอาไว้
เขาคิดจะนำข่าวกลับไปบอกตระกูลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนเรื่องการจัดการซือหยูเขาคิดว่าผู้เป็นนายจะต้องยินดีช่วย ถ้าหากซือหยูตกไปอยู่ในมือคนผู้นั้น ซือหยูจะปรารถนาให้ตัวเองไม่ได้เกิดมา!
แต่ซือหยูก็แสยะยิ้ม
“คิดอะไรของเจ้าอยู่คิดจริงหรือว่าจะหนีไปได้?”
ในดวงตาซือหยูเกิดคลื่นพลังเข้าสบประสานกับผู้คุมกฎ
ทันใดนั้นผู้คุมกฎก็ถูกดูดเข้าไปในมิติวิญญาณก่อนที่จะกลับไปยังที่ที่จากมา
ในตอนนั้นเองเทพกิเลน ม่อเทียนฉวน และคนอื่น ๆ รีบมาดูที่สนามรบสุดท้าย
จากที่พวกเขาเห็นไร้ซึ่งร่องรอยของราชาเขตกลาง “มันตายแล้วรึ?”
เทพกิเลนลองถาม
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่มันตายแล้ว”
แม้ทุกคนจะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วพวกเขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะลึกข้างในอ่อนล้าเหลือทน
อดทนรอถึงร้อยปีในที่สุดพวกเขาก็ขจัดภัยร้ายได้…พวกเขาฆ่าราชาเขตกลางได้แล้ว
พวกเขาพยายามอย่างหนักทุกค่ำคืนสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นผล
ยิ่งไปกว่านั้นซือหยูยังโหดเหี้ยมถึงที่สุด เขาถอนรากถอนโคนสมาชิกฝ่ายราชาเขตกลางทีละคน ปัดกวาดเส้นทางของจิวโจวจนหมดสิ้น นำพาความผาสุขสู่จิวโจวอีกครั้ง
แต่ก็มีเพียงซือหยูที่รู้ว่าจิวโจวยังไม่สงบสุข
ภัยที่คนจิวโจวจะต้องเจอนั้นอันตรายยิ่งกว่าราชาเขตกลางคนเดียว “ท่านผู้อาวุโสพักผ่อนก่อนเถอะ”
ซือหยูมองกลุ่มคนที่บาดเจ็บและเสียแขนขาไปพวกเขายังไม่มีเวลาฟื้นพลัง
เทพกิเลนพูด
“ใช่แล้วพักก่อน! พวกเจ้าเหนื่อยมาร้อยปีแล้ว”
จักรพรรดิผีหยุดพูดและพักฟื้นร่างกายทันที
เขาพยุงม่อเทียนฉวนที่เจ็บหนักเพื่อช่วยนางรักษาตัว
“พี่ซือหยูข้าจะรอพี่…”
เซี่ยนเอ๋อพูดนางมองซือหยูด้วยดวงตาสดใส ในใจเต็มไปด้วยความหวานและความภูมิใจ
ซือหยูรอให้คนอื่นจากไปและถาม
“เจ้ามีบางอย่างจะบอกข้ารึ?”
เทพกิเลนเปลี่ยนอารมณ์
“ใช่มีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องหารือกับเจ้า” “ว่ามา…”
ซือหยูมองร่างกายตัวเองขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดกำลังลดพลังลง
“เราปกป้องจิวโจวไม่ได้อีกแล้ว…”
เทพกิเลนบอกความจริง…ซือหยูตัวแข็งทื่อ