The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1159 - ใส่ร้าย
แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
เมื่อเหอเสี่ยวหลานคิดว่านางจะต้องแต่งงานกับชายที่อัปลักษณ์ที่โลภโมโทสันเช่นนี้นางก็หวังว่าเขาจะตายโดยเร็ว
ในตอนนั้นเองพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน
เซียนขั้นหนึ่งคนหนึ่งถูกฆ่าตาย!
“มันมาแล้ว!”
เหอเสี่ยวหลานตะโกน
ชายตาเดียวหรี่ตาพูด
“พวกมันแข็งแกร่งอย่างที่เจ้าพูดหนึ่งคนเป็นเซียนขั้นสาม ส่วนอีกคนเป็นอสูรเนรมิตรที่เทียบได้กับเซียนขั้นสองอย่างเจ้า!”
พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้ง
“อย่างที่คิดเลยพวกมันกำลังมาหาเรา…”
ชายตาเดียวกล่าว “หาไม่ได้เห็นพวกที่กล้าบ้าบิ่นมานานมากแล้วไม่คิดเลยว่าพวกมันจะกล้าท้าทายอำนาจของผู้คุมกฎอาวุโส!”
เหอเสี่ยวหลานตะโกน
“คังเตี้ยยี่ข้าจะให้เจ้าจัดการผู้หญิงเซียนขั้นสาม ท่านจิงกับข้าจะจัดการอสูรเนรมิตรนั่นเอง!”
ชายวัยกลางคนที่สวมผ้าคลุมบางนั้นชื่อคังเตี้ยยี่เขาเป็นหัวหน้าหย่วยผู้คุมกฎ เขาถูกย้ายมายังหน่วยผู้คุมกฎอาวุโสชั่วคราวเพื่อจับม่อเทียนฉวน
คังเตี้ยยี่ที่ไม่เห็นด้วยกับเหอเสี่ยวหลานพูดและมองไปยังความว่างเปล่าเขาขมวดคิ้ว
“นายหญิงข้าคิดว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าหากพวกมันหวังปล้นเรือเรา ทำไมพวกมันจะต้องฆ่าคนของเราเล่า? พวกมันแอบมาที่เรือแล้วลอบโจมตีเราจะดีกว่า!”
เขาพูดมีเหตุผลเหอเสี่ยวหลานกับชายตาเดียวเองก็สังเกตได้ ทั้งสองมองด้วยความระแวงและก็ได้พบกับสตรีผมขาวที่งดงามมากนางมีริมฝีปากสีม่วงและดวงตาแดงก่ำ นางยิ้มอย่างเยือกเย็น
โลหิตเปื้อนปากของนาง
คังเตี้ยยี่เหอเสี่ยวหลาน และชายตาเดียวรับรู้ทันที
“อสูร!!”
ทุกคนตกใจกับการปรากฏตัวของนาง
“หึหึหึ!ขอบคุณเจ้ามากที่ส่งเซียนสองคนมาบำรุงกำลังให้ข้า มิเช่นนั้นข้าคงจะเอาชนะเจ้าไม่ได้!”
หัวใจและดวงวิญญาณของเซียนสองคนฟื้นพลังเซียนมณีได้เป็นอย่างดีและตอนนี้นางก็กำลังเดินมาหาทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
คังเตี้ยยี่พุ่งไปหาเซียนมณีพร้อมตะโกน
“เจ้าอสูร!กล้าดียังไงมาอยู่บนโลกของมนุษย์!”
คังเตี้ยยี่เป็นเซียนขั้นสี่เขาเคยต่อสู้กับอสูรมาหลายครั้งหลายครา เซียนมณีรู้ว่ากำลังเจอกับศัตรูแข็งแกร่งนางจึงต่อสู้กับคังเตี้ยยี่อย่างระวัง
หลังจากผ่านไปหลายกระบี่ท่าเซียนมณีเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ก็เอาชนะคังเตี้ยยี่ไม่ได้
“ไสหัวไปซะ!”
เซียนมณีตะโกนและใช้พลังดันคังเตี้ยยี่ไปข้างหลังนางพุ่งไปยังเรือ
นางรู้ว่านางจะเกิดเรื่องใหญ่ถ้านางยังต่อสู้ต่อไปถ้าผู้คุมกฎอีกหน่วยมาถึง มันจะยากสำหรับการหนี
“ไม่นะนางกำลังจะปล้นเรือเรา!”
คังเตี้ยยี่ตะโกนและพุ่งไปยังเรือ
ตอนนี้เซียนมณีกระโดดขึ้นเรือของเหอเสี่ยวหลานอย่างไม่ลังเล นางซัดฝ่ามือใส่เหอเสี่ยวหลาน
เหอเสี่ยวหลานมิอาจต้านทานการโจมตีของเซียนขั้นสูงสุดได้
โชคร้ายที่คังเตี้ยยี่อยู่ไกลเกินไปที่จะช่วย ในเวลาย่ำแย่เหอเสี่ยวหลานมีสายตาชั่วร้าย นางคว้าตัวชายตาเดียวมาบังข้างหน้านางเป็นเกราะมนุษย์
เหอเสี่ยวหลานใช้วิชาเทพกระเรียนชายตาเดียวที่ไม่ทันหลบถูกนำมาใช้รับการโจมตีที่จะฆ่าเหอเสี่ยวหลานแทน
อั่ก!
ดวงตาของชายตาเดียวไร้ซึ่งแววร่างกายและดวงวิญญาณของเขาถูกบดขยี้ไปก่อนที่จะป้องกันตัวเองได้จากเซียนมณี
เซียนมณีกำลังจะฆ่าเหอเสี่ยวหลานต่อไปแต่นางก็ถูกคังเตี้ยยี่หยุดทัน
นางต้องเลิกโจมตีหลังจากที่เหอเสี่ยวหลานถอยไปจากนาง เซียนมณีก็ขึ้นเรือไปยังธารดารา
ตังเตี้ยยี่ตามไม่ทันเขาต้องกลับไปดูชายตาเดียว ร่างกายของเขาถูกขว้างไปที่ธารดาราจากเหอเสี่ยวหลาน มันถูกเหล่าสัตว์อสูรกลืนกินไปแล้ว “แม่นางเหอเจ้าทำแบบนั้นได้ยังไ…”
คังเตี้ยยี่มองสตรีตรงหน้าแววตาดุร้ายของนางทำให้เขาตัวสั่น
เหอเสี่ยวหลานพูดอย่างใจเย็น
“สี่ตุลาปฏิทินพันธมิตรปีหนึ่งล้านสามพันห้าร้อย ในโลกจิวโจว ผู้คุมกฎคนหนึ่งถูกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ฆ่า สิ่งนั้นปฏิเสธที่จะรับการไตร่สวนจากผู้คุมกฎอาวุโส ท่านจิงถูกฆ่าในความชุลมุน ผู้ต้องสงสัยสองคนหนีไปได้ เราต้องการกำลังเสริมจากพันธมิตร!”
เมื่อได้ยินดังนี้คังเตี้ยยี่อ้าปากค้าง ช่างเป็นสตรีที่โหดร้ายนัก!
…
ซือหยูกำลังหารือเรื่องแผนช่วยเทพกิเลนกับม่อเทียนฉวนทั้งคู่รู้ดีว่าจะต้องรัดกุมให้มาก มิเช่นนั้นพวกเขาจะถูกจับหรือถูกฆ่าตาย
ซือหยูมีโลกหอคอยอยู่ในมือเหอเสี่ยวหลานที่อยากได้หอคอยย่อมไม่ชิงสังหารเทพกิเลนก่อน ที่ดาดฟ้าเรือซือหยูเหม่อมองธารดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล
หลายแห่งในธารดารานั้นสงบเงียบหนาวเย็น และมืดสนิท ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากสัตว์ป่าทรงพลัง
ซือหยูเห็นดวงดาวเปล่งแสงอ่อนๆ เรื่อยมา
เขารู้ว่านั่นไม่ใช่ดวงดาวและเป็นโลกอีกหลายใบมีโลกมากมายที่ถูกทิ้งร้าง
เมื่อเทพแข็งแกร่งขึ้นเทพเหล่านั้นจะสร้างโลกได้หลายใบ หลังจากสิ่งที่อาศัยอยู่เคลื่อนย้าย โลกใบเก่าจะถูกทิ้งร้างว่างเปล่าดั่งโลกจิวโจว
ตลอดหลายล้านปีที่ผ่านมาโลกมากมายถูกทอดทิ้ง โลกเหล่านั้นโคจรอยู่ในธารดารา และเมื่อโลกเหล่านั้นไม่ถูกทำลาย โลกที่ถูกทิ้งก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในธารดารา มันเปล่งแสงสะท้อนออกมาได้ดั่งดวงดาว
ต่อหน้าธารดารากว้างใหญ่ซือหยูตระหนักถึงความไร้ความหมายของสิ่งมีชีวิตเดียวในจักรวาล
วู!
วู!
เสียงแตรเรือดังขึ้น
ซือหยูไม่แปลกใจเขารู้ว่าเรือจะหยุดในโลกสักใบเดือนละครั้ง
กะลาสีบนเรือบอกเขาว่าเส้นทางไปโลกจิวโจวถูกยกเลิกมาสิบปีแล้วเช่นเดียวกับโลกใบอื่นที่ถูกทิ้งร้าง
โลกที่พวกเขาหยุดอยู่ตอนนี้ใหญ่พอๆ กับจิวโจว และมันก็ค่อนข้างหมองหม่น
ความสว่างของโลกในธารดาราสามารถบ่งบอกได้ว่าโลกใบนั้นรุ่งเรืองเพียงใดยิ่งสุกสกาวมาก โลกใบนั้นก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากเช่นกัน
เมื่อเรือมาถึงโลกใบนี้คนบนเรือได้กลิ่นโลหิคคละคลุ้ง กะลาสีระดับเซียนยืนที่หน้าบันไดลิงและเริ่มป้องกันเรือต่อสิ่งที่ไม่คาดคิด บันไดลิงคือทางขึ้นเรือทางเดียวตำแหน่งอื่นบนเรือจะถูกค่ายกลที่เทพติดตั้งป้องกันเอาไว้ ไม่มีสิ่งใดขึ้นเรือได้นอกจากเทพจะพยายามขึ้นเรือด้วยตัวเอง แต่เทพที่แข็งแกร่งพอจะข้ามธารดาราย่อมไม่ต้องการเรือกระดูกเทพอยู่แล้ว
กลิ่นเลือดลอยมาถึงจมูกซือหยูเขาขมวดคิ้ว แม้โลหิตส่วนมากจะเป็นของมนุษย์ เขาก็สัมผัสพลังอสูรได้
ดูเหมือนว่าจิวโจวจะไม่ใช่โลกใบเดียวที่เจ็บปวดจากเผ่าอสูร
“นี่คือโลกอีกใบที่ถูกอสูรรุกราน!ข้าว่านี่น่าจะเป็นโลกของเทพชานที่ตายไปเมื่อสามพันปีก่อน! มันล่มสลายแล้ว!”
เซียนเฒ่าที่เฝ้าบันไดลิงถอนหายใจ
“อย่างที่เจ้าว่า!มีโลกมากมายนักที่ถูกเผ่าอสูรบ่อนทำลาย น่าเป็นห่วงขึ้นทุกวัน!”
กะลาสีระดับเซียนเหล่านี้เห็นโลกมามากเกินไปแล้ว ฉั่วะ!
หลายคนพุ่งมาสู่ทางออกของโลกด้านหลังพวกเขาเต็มไปด้วยฝูงอีกาที่มีพลังอสูรไล่ตาม
ฝูงกาอสูรเหล่านี้เป็นอสูรยากที่จะเอาชนะมัน พวกมันกระหายเลือด ดุร้าย และคล่องแคล่วว่องไว
ในอีกาเหล่านี้มีอีกาขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่เป็นเซียนขั้นสี่มันแข็งแกร่งมาก ร่างกายของมันมีเพลิงสีดำสนิทปกคลุมทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว
เซียนสองคนที่ป้องกันบันไดลิงตกใจ
“กาอสูรเซียนขั้นสูงสุด!อสูรที่ควบคุมมันจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่า!”
อีกาอสูรที่ดุร้ายย่อมจำยอมต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นตามปกติต้องมีอสูรที่แข็งแกร่งกว่าควบคุมพวกมัน
ในบรรดาคนที่ป้องกันตัวเองจากกาอสูรมีชายหนุ่มคนหนึ่งมองเห็นซือหยู฿ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นเซียนขั้นสูงสุดเขากำลังต่อสู้กับกาอสูรตามลำพังด้วยค้อน
เขาสามารถฆ่ากาอสูรได้อย่างง่ายดายด้วยค้อนของเขาถ้าหากไม่มีเขา อีกหลายคนก็คงจะถูกฉีกกินไปแล้ว
“ขึ้นเรือเดี๋ยวนี้!”
ชายหนุ่มถือค้อนตะโกนโดยไม่หันหลังกลับเพราะกำลังต่อสู้อยู่กับฝูงกาอสูร
ผู้รอดชีวิตหยิบตั๋วของตัวเองออกมาและกำลังจะขึ้นเรือ
มีผู้รอดชีวิตไม่ถึงสามร้อยคนทุกคนค่อนข้างแข็งแกร่ง ในบรรดาคนเหล่านั้นมียอดฝีมือที่เป็นเซียนขั้นหนึ่ง ที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นจ้าวเทวะ ทุกคนคือคนที่เหลือรอดในโลกที่ถูกทิ้งร้างใบนี้
เมื่อบันไดลิงหล่นลงพวกเขาก็เริ่มขึ้นเรือ
แต่ชายหนุ่มถือย้อนก็ถูกกาอสูรจำนวนมากรุมล้อมกาอสูรนับไม่ถ้วนมาถึงบันไดลิง
คนที่ยังไม่ขึ้นเรือตายในทันทีเซียนที่ป้องกันบันไดลิงไม่ทำอะไรเลยแม้ว่าอยากจะช่วยก็ตาม เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตแปลกปลอมขึ้นเรือ
เมื่อมีคนถูกกาอสูรสังหารมากขึ้นเซียนเฒ่าขั้นหนึ่งคตนหนึ่งก็หันกลับไปเริ่มสู้กับกาอสูร
“ขึ้นเรือไปซะ!ข้าจะต้านมันไว้เอง!”
เซียนเฒ่าต่อสู้กับกาอสูรด้วยความแค้น
แต่เขาต้องเผชิญหน้ากับกาอสูรหลายตัวที่เป็นเซียนขั้นหนึ่งและอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุดนับไม่ถ้วนเซียนเฒ่ามิอาจต้านไว้ได้นาน เขาโดนฝูงกาล้อมในไม่นาน บาดแผลมากมายปรากฏบนร่างและเขากำลังเสียพลังเซียนไปอย่างรวดเร็ว เขากำลังจะถูกฝูงการุมทึ้งในอีกไม่นาน
ขณะนั้นฝูงกาที่เหลือเริ่มจู่โจมคนที่ยังไม่ขึ้นเรือ
หลายคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแม้พวกเขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อป้องกันตัว พวกเขาก็มิอาจเทียบกับฝูงกาได้
ซือหยูถอนหายใจในใจถ้าหากเทพกิเลนไม่ผนึกทางเข้าจิวโจวก่อนตาย คนในจิวโจวก็คงจะตายไปจากอสูรเหมือนคนเหล่านี้
“ท่านผู้อาวุโสหากข้าลงไปช่วยพวกเขา ข้าจะกลับขึ้นเรือได้หรือไม่?”
ซือหยูถามเขาไม่มีตั๋ว คงจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าเขาไม่สามารถขึ้นเรือได้หลังจากออกจากเรือไปแล้ว
เซียนทั้งสองคนโล่งใจเมื่อได้ฟังซือหยูแต่พวกเขาก็ปฏิเสธซือหยูอย่างสุภาพ
“ตามทฤษฎีเจ้าทำไม่ได้ แต่เจ้ากลับขึ้นเรือได้อีกครั้งเพราะเราทดสอบเจ้าแล้ว แต่อย่ากระนั้นเลย พวกเขาซึ้งน้ำใจเจ้า แต่เจ้าจะทำให้พวกเขามีปัญหาเท่านั้นหากลงจากเรือ…”