The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1168 - วางอุบายใส่เทพ
ซือหยูตอบ
“เทพจิงข้าไม่เห็นด้วยกับท่าน! เรายังไม่เจอหลักฐานที่เหอเสี่ยวหลานสังหารจิงไป่เลย!”
อะไรนะ?ผู้คนงุนงงอีกครั้ง เจ้าชี้นำเทพจิงไปแล้ว! ทำไมเจ้าถึงมาปกป้องเทพกระเรียนในตอนนี้เล่า?
เทพจิงที่กำลังจะเสียสติถูกซือหยูหยุดเอาไว้
“ข้าคิดว่าความบาดหมางระหว่างเทพต้องการหลักฐานถ้าเทพจิงหาหลักฐานที่ว่าจิงไป่ถูกเหอเสี่ยวหลานสังหารได้ ท่านจะให้สิ่งชดเชยที่น่าพอใจกับเทพจิงหรือไม่…ท่านเทพกระเรียน?”
เทพกระเรียนจ้องมองซือหยูด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางคิด
‘เจ้าเองไม่ใช่เรอะที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมา?’ แต่สิ่งที่ซือหยูพูดก็ทำให้เขามีข้ออ้างในการเลี่ยงการต่อสู้กับเทพจิงซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะเขามิอาจเทียบพลังกับเทพจิงได้
ไม่นานเทพกระเรียนกล่าว
“แน่นอนถ้าเทพจิงพิสูจน์ได้ว่าลูกข้าเป็นฆาตกร ข้าจะฆ่านางทันที!”
คำพูดของเขาโอหังถ้าหากหาหลักฐานเจอ ลูกสาวของเขาจะถูกเทพคนอื่นดับลมหายใจแทนได้
พันธมิตรร้อยเทพมีกฎต้องห้ามในการสังหารลูกหลานเทพทุกคนใครที่ทำผิดกฎจะถูกประหาร
ถ้าหากเจอหลักฐานเทพกระเรียนก็ทำอะไรกับลูกสาวที่ต้องตายไม่ได้ เขาตอบอย่างมั่นใจเพราะเขารู้ว่าพยานทุกคนถูกฆ่าตายไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหาหลักฐานเจอ
ซือหยูพยักหน้าและหันไปหาเทพจิง
“ท่านจะว่าอย่างไรล่ะเทพจิง?”
เทพจิงที่สองจิตสองใจถอนหายใจแรง “ย่อมได้!เทพกระเรียน จำคำพูดเจ้าเอาไว้ให้ดี ถ้าหลักฐานปรากฏออกมาเมื่อใด จงอย่ากล่าวหาว่าข้าโหดร้าย!”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อการต่อสู้ระหว่างเทพจบลง
ถ้าหากการต่อสู้ปะทุขึ้นมาดินแดนพันธมิตรอาจจะยังดีอยู่ แต่คนบนโลกจะโดนลูกหลงตาย
“ท่านปกป้องพันธมิตรด้วยการฝังความบาดหมางด้วยเหตุและผล…”
ซือหยูพูดเสียงดัง
“ข้าที่เป็นผู้น้อยนับถือพวกท่านยิ่งนัก!ข้าขอขอบคุณท่านสองคนแทนคนบนโลกพันธมิตร!”
แม้เทพจิงกับเทพกระเรียนจะถูกกล่าวชมเชยบ่อยครั้งทั้งสองก็ชอบการเลียแข้งเลียขาของซือหยูที่บอกว่าพวกเขาแก้ไขปัญหาอย่างสูงส่ง
ซือหยูเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ข้าคิดว่าเราต้องหาคนที่มีอำนาจเต็มที่ในการสืบสวนเรื่องนี้ถึงข้าจะไร้ความสามารถ ข้าก็หวังว่าข้าจะสืบสวนเรื่องนี้แทนเหล่าเทพได้!”
คำพูดของซือหยูทำให้ทุกคนชะงัก
อะไรนะ?เจ้าอยากจะสืบเรื่องนี้แทนเทพทั้งสองรึ?
ทำไมกัน?เจ้าหมายความว่าผู้คุมกฎกับผู้คุมกฎอาวุโสนั้นใช้ไม่ได้เรอะ?
ต่อให้คนเหล่านั้นทำไม่ได้โลกพันธมิตรก็ยังมีเทพอีกมากมาย มันง่ายนักที่พวกเขาจะหาเทพสักคนมาสืบเรื่องนี้!
เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?เหล่าคนตระกูลเทพกระเรียนโมโห
เทพจิงกับเทพกระเรียนเหลือบมองซือหยูดูเหมือนว่าทั้งสองจะดูถูกซือหยู
ซือหยูนั้นไร้ประโยชน์กับเทพจิงที่สามารถส่งคนที่เชื่อใจมาสืบได้
ซือหยูพูด “พวกท่านคิดให้ดีก่อนยกเว้นแต่พวกเราสามคน ไม่มีใครเลยที่รู้เรื่องเบื้องลึกในคดีนี้ ถ้าหากคนนอกที่รับหน้าที่สืบพบว่าเหอเสี่ยวหลานเป็นฆาตกร ชื่อเสียงของเทพกระเรียนคงหมดสิ้น ใช่ไหม? เช่นเดียวกัน ถ้าหากบุตรชายเทพจิงถูกสังหารโดยบุตรสาวของสหายที่คบหากันมานาน ชื่อเสียงของเทพจิงก็คงเสื่อมถอยลงไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะเลือกคนนอกมาตรวจสอบคดีนี้!”
อะไรนะ?เทพจิงกับเทพกระเรียนตกตะลึง คำพูดของซือหยูนั้นมีความหมายลึกซึ้ง
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ชื่อเสียงของทั้งสองแย่ลงถ้าหากคดีนี้อื้อฉาวออกไปยังทั้งโลก พวกเขาจะถูกเทพคนอื่นหัวเราะได้ถ้าหากพวกเขาพยายามจะคงความสัมพันธ์เอาไว้
พวกเขาไม่อยากให้โลกรู้เรื่องนี้จะมีคนที่อยู่ตรงนี้รู้เพียงเท่านั้น
เทพกระเรียนจะแอบลงโทษเหอเสี่ยวหลานเป็นการชดเชยให้กับเทพจิงด้วยวิธีนี้ ทั้งสองจะยังมีความสัมพันธ์อันเป็นปกติต่อกันอยู่
แต่ถ้าหากคนภายนอกล่วงรู้เข้าพวกเขาต้องทำลายความสัมพันธ์ลงและต้องห้ำหั่นกัน
พวกเขาต้องคิดถึงข้อเสนอของซือหยู
ขณะนี้ที่นี่มีคนอยู่สี่กลุ่ม
และก็ดูเหมือนว่าการให้คนตระกูลเทพกระเรียนสืบคดีนั้นจะไม่เหมาะสมเทพจิงจะไม่มีวันยอมตกลง
นายน้อยแห่งศูนย์การค้าและคนของเขาต่างก็เป็นคนนอกถ้าหากทั้งคู่ขอให้สองคนนี้สืบความ โลกก็จะรู้เรื่องในอีกไม่นาน
ถ้าหากเทพจิงสืบเองคนเดียวเขาก็จะทำให้คนอื่นสังเกตเห็น ยากที่จะมั่นใจว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ
ซือหยูน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้
และซือหยูเองก็เป็นคนนอกตระกูลเทพกระเรียนและเทพจิงเขาคือผู้เดียวที่เหมาะสมในการสืบความเรื่องนี้
เทพจิงคิดดูอีกครั้งและคิดได้ว่าเขาจะไม่เสียอะไรไม่ว่าซือหยูจะเจอหลักฐานหรือไม่ซือหยูนั้นเหมาะสมในการทำงานนี้เทียบกับคนอื่นที่นี่ เขาครุ่นคิดไม่นานและตอบ
“ย่อมได้ข้ามอบอำนาจสืบความเรื่องนี้กับเจ้า!”
เทพกระเรียนไม่อยากจะให้ซือหยูเป็นคนสืบเขากลัวว่าซือหยูที่ฉลาดจะหาเบาะแสเจอ แต่ก็ไม่มีอื่นที่เหมาะสมไปกว่าเขา เทพกระเรียนต้องยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจ
“ข้าก็ตกลงเหมือนกัน!ข้าขอมอบอำนาจสืบความให้กับเจ้า!”
ด้วยเหตุนี้เองซือหยูที่เพิ่งจะเป็นโจรลักพาตัวที่ถูกเทพกระเรียนตามล่าจึงได้กลายเป็นผู้สืบความที่เทพทั้งสองแต่งตั้งขึ้น
“ท่านเทพทั้งสองข้าเพิ่งจะมาถึงโลกใบนี้ ถ้าหากไร้กำลังคนและกำลังทรัพย์ ข้าก็เกรงว่าการสืบสวนของข้าจะล่าช้า…”
ซือหยูพูด
เขากำลังขอเงินจากเทพอยู่เรอะ? จะมีใครหน้าด้านไปกว่าเจ้าอีก?
อย่าลืมว่าเจ้าเป็นคนโจรลักพาตัวที่โลกใบนี้ตกตะลึง!
เจ้าควรจะรู้ตัวเองเสียบ้าง!
คนตระกูลเทพกระเรียนกัดฟันจ้องมองซือหยูอย่างโกรธเกรี้ยว
เทพจิงค่อนข้างดีใจที่ได้ยินซือหยูพูดเช่นัน้นเขาหยิบตราประจำตัวทีเต็มไปด้วยพลังเทพออกมา เขาพูด
“รับตรานี่ไปมันใช้แทนตัวข้าได้! ด้วยตรานี้ กำลังคนและกำลังทรัพย์ทั้งหมดในโลกจิงรวมถึงผู้คุมกฎล้วนอยู่ภายใต้อำนาจเจ้า! หวังว่าเจ้าจะหาฆาตกรตัวจริงเจอในอีกไม่นาน!”
ถ้าซือหยูสืบโดยได้รับการช่วยเหลือจากคนของเทพจิงซือหยูก็จะรายงานกับเขาโดยเร็ว มันจะทำให้เขาไม่โดนซือหยูหลอกได้อีกด้วย
หลังจากรับตราซือหยูตอบอย่างจริงใจ “ตามท่านปรารถนา!”
ซือหยูหันไปหาเทพกระเรียน
เมื่อเห็นแววตาซือหยูเทพกระเรียนสะอึกด้วยความโกรธ
‘เจ้าต้องสืบสวนลูกสาวข้า!’
‘แล้วเจ้ายังมีหน้ามาขอเงินจากข้าอีกเรอะ?’
แต่เทพกระเรียนไร้ทางเลือกเขายิ้มจาง ๆ และพูด
“นี่ตราประจำตัวข้า!อำนาจของมันเหมือนกับของเทพจิง กำลังคนและกำลังทรัพย์ทั้งหมดในโลกเทพกระเรียนอยู่ใต้อำนาจเจ้า!”
“ท่านเทพกระเรียนมีเหตุผลยิ่งนัก!ผู้น้อยอย่างข้านับถือจริง ๆ”
ซือหยูพูดและรับตราจากเทพกระเรียน
เทพกระเรียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่างเปล่าหลังจากประสานสายตากัน เทพจิงกับเทพกระเรียนก็ข้ามธารดารากลับไป ธารดาราเงียบลงในทันทีมันเงียบเสียจนทุกคนได้ยินเสียงกระทบกันของตราทั้งสองในมือซือหยู
เมื่อเทพกระเรียนจากไปคนตระกูลเทพกระเรียนก็ทยอยกลับกันไปด้วย
“อะไรนะ?เจ้าบอกว่าโจรลักพาตัวยังอยู่ที่นี่เรอะ?”
“เหลวไหล!เขาถูกเทพสองคนแต่งตั้งใช้เป็นผู้สืบสวนเรอะ!”
“อะไรของเจ้า?เจ้าบอกว่าเหอเสี่ยวหลานยังอยู่กับเขาเรอะ?”
“โกหกทั้งเพ!นางเป็นผู้ต้องสงสัยที่มีผู้สืบสวนขังเอาไว้อยู่”
คนตระกูลเทพกระเรียนใช้เรือกระดูกเทพและเดินทางกลับด้วยความแค้น
พวกเขายังคงสับสนและไม่รู้ว่าทำไมซือหยูถึงกลายเป็นผู้สืบสวนที่เทพทั้งสองแต่งตั้งได้หลังจากเป็นโจรลักพาตัวที่โลกรู้จัก
ที่สำคัญไปกว่านั้นหนึ่งในสองเทพที่แต่งตั้งซือหยูให้เป็นผู้สืบสวนยังเป็นเทพกระเรียน!
เรือกระดูกเทพที่ไกลออกไปกำลังแล่นกับแผ่นดินหยางไท่ที่อยู่บนเรือหน้าซีดราวกับกระดาษ เขาพูดเบาๆ ด้วยรอยยิ้มอันไม่เป็นมิตร
“อุบายอะไรกัน!อุบายมันไร้ที่ติ!”
ยามที่เขาคิดว่าซือหยูมีความกล้ามากกว่าปัญญาซือหยูได้หลอกทุกคนในตระกูลเทพกระเรียน
ยามที่เขาคิดว่าซือหยูทำได้แค่หลอกคนตระกูลเทพกระเรียนซือหยูได้สร้างความขัดแย้งระหว่างเทพทั้งสองคน
ยามที่เขาคิดว่าซือหยูกำลังจะขอให้เทพจิงเอาชนะเทพกระเรียนซือหยูกลับบังคับให้เทพทั้งสองแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบสวนด้วยลมปากของเขา เทพกระเรียนเองก็ไม่กล้าทำอะไรซือหยู และต้องยอมแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบสวนลูกสาวตัวเอง! ซือหยูไม่ได้วางแผนหนีออกจากพันธมิตรมาตั้งแต่แรก!
ตั้งแต่ต้นเป้าหมายของเขามิใช่ตระกูลเทพกระเรียน แต่เป็นเทพทั้งสองคน
คำพูดและอุบายของเขาไม่ได้เพิ่งจะคิดมาแน่นอนเขาวางแผนมานานมากแล้ว
ด้วยเหตุนี้เองซือหยูจึงได้กลายเป็นผู้สืบสวนที่เทพสองคนแต่งตั้งหลังจากเป็นโจรลักพาตัวฉาวโฉ่ ในเวลานี้ ด้วยตราเทพทั้งสองในมือของเขา ซือหยูกลายเป็นผู้มีอำนาจจนน่ากลัว
หลังจากคิดอยู่หลายลมหายใจหยางไท่ยังคงใจสั่นไม่หาย เขารู้ว่าเขาเทียบซือหยูที่เต็มไปด้วยกลอุบาย จินตนาการ และความกล้าหาญไม่ติดเลย
หยางไท่ที่เคยเชื่อว่าตัวเองคือคนฉลาดกลับตกตะลึงเพราะซือหยู
หลังจากเงียบอยู่นานหยางไท่พูดด้วยความหนักใจ “เราควรเลี่ยงการเป็นศัตรูกับชายคนนี้!”
บนเรือรบม่อเทียนฉวน เจี๋ยนอู๋เชิง และจักรพรรดิผีเองก็งุนงงไม่แพ้กัน
พวกเขาทำหน้าที่ที่ซือหยูจัดแจงแต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะดำเนินมาถึงขั้นนี้
พวกเขาปรารถนาว่าจะหนีออกจากพันธมิตรบูรพาไปได้
แต่พวกเขาไม่ใช่โจรลักพาตัวอีกแล้วพวกเขาได้ฐานที่มั่นอันมั่นคงในพันธมิตรบูรพาแล้ว
ที่ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเฟื่องฟูราวกับสุริยายามกลางวัน
ในโลกของเทพจิงและเทพกระเรียนซือหยูจะได้รับความเลื่อมใสจากทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับเทพถ้าหากเขาใช้ตราประจำตัวของเทพ
ด้วยตำแหน่งที่เทพทั้งสองแต่งตั้งให้ซือหยูจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโลกใบนี้ นอกจากเทพและลูกหลานเทพแล้ว…จะไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขา
ซือหยูได้พลิกฝ่ามือจากคนนอกที่น่ารังเกียจเป็นผู้มากด้วยอำนาจ
ทุกคนมองซือหยูด้วยความคาดหวังเป็นอย่างสูงเรื่องที่กำลังจะเกิดนั้นน่าตื่นเต้น!
ม่อเทียนฉวนมองซือหยูอย่างชื่นชม
“ยินดีด้วย!เจ้าได้ตั้งมั่นในพันธมิตรบูรพาแล้ว! ทุกคนในจิวโจวจะต้องดีใจและเอาเจ้าเป็นเยี่ยงอย่าง!”
ซือหยูตอบ
“ขอบคุณมาก!”
“ตอนเรากลับพันธมิตรข้าจะบอกลาเจ้า ข้าไม่ได้กลับบ้านมานานเหลือเกิน ข้าต้องกลับไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย!”
ซือหยูไม่แปลกใจที่รู้ว่าม่อเทียนฉวนมาจากพันธมิตรบูรพาเพราะอย่างไรนางก็มีสายโลหิตของเทพ