The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1180 - ตัวแทนเทพ
แท้จริงแล้วเทพกระเรียนยังมีลูกชายอีกคนที่มากพรสวรรค์น่าเศร้าที่เขาตายไปในระหว่างที่ออกจากเรือนในวันหนึ่ง สาเหตุการตายยังไม่เป็นที่แน่ชัด
เหอหลูจูเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่ามือสังหารคือน้องสาวและพี่ชายของเขาเพราะอย่างนั้น ต่อให้เทพกระเรียนจะรู้ว่าทั้งสองเป็นคนร้าย เขาก็จะไม่ใส่ใจในเรื่องนี้นัก ดังนั้นเรื่องจึงลงเอยไปอย่างไม่ยอมมาพากล
เหอหลูจูจึงต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรขณะที่ปิดบังพลังของตัวเองมาโดยตลอดเพื่อความอยู่รอด
เมื่อซือหยูปรากฏตัวเขาจึงได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในที่สุด
เหอเสี่ยวหลานตกตะลึงคนไร้ประโยชน์ในตระกูลเทพกระเรียน แท้จริงกลับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุด นางจ้องมองซือหยู “เจ้ารู้อยู่ก่อนแล้วสินะว่าพี่สองปกปิดพลังเอาไว้?”
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่ข้ารู้ตอนที่เขาส่งบันทึกให้ข้าในวันก่อน จากที่เขาแอบส่งบันทึกให้ข้าได้โดยที่เซียนขั้นสูงสุดสี่คนไม่รู้ตัว ข้ารู้ว่าพี่รองของเจ้าคือหนึ่งในยอดฝีมือแห่งยุคสมัยนี้! ข้าว่าในบรรดาเซียนขั้นสูงสุดด้วยกันก็มีอยู่ไม่มากที่จะแข็งแกร่งเท่ากับเขา!”
“แย่นักเขาคือผู้สืบทอดตระกูลเทพกระเรียนที่ควรจะได้รับการสนับสนุนและชี้นำมากกว่าใคร”
เหอเสี่ยวหลานล้มเหลวในการหลอกซือหยูและกลับโดนซือหยูหลอกแทน
ซือหยูจะไม่มีวันให้อภัยนางอีกแล้ว!
เหอเสี่ยวหลานกล่าว
“พี่สองการต่อสู้ชิงบัลลังก์เทพเป็นเรื่องระหว่างพี่กับข้า ทำไมถึงไปช่วยซือหยูกัน? ฆ่ามันซะ แล้วจะได้เหลือแต่เราสองคน!” แต่เหอหลูจูมิได้ขยับแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่ถอนหายใจแรง
“ทำไมเล่า!ซือหยูวางแผนกับข้าเพื่อช่วยข้าให้เป็นเทพกระเรียนรุ่นต่อไป! ข้าถึงต้องช่วยเขายังไงล่ะ!”
“ตลกสิ้นดี!มันมีสิทธิ์อะไรมาช่วยพี่ให้เป็นเทพกระเรียนกัน?”
เหอเสี่ยวหวานหัวเราะอย่างเย็นชา
ซือหยูไม่พูดอะไรแต่ปลดปล่อยมุกวิญญาณเก้าหยกเสี้ยวพลังเทพเล็ดรอดออกมา พร้อมกันนั้นยังมีเสียงอันสง่างามของเทพที่ ‘สงบเสงี่ยม’ ดังขึ้น
“ข้ารับรองได้เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
เมื่อสัมผัสพลังได้เหอเสี่ยวหลานหายใจเข้าลึก
“เทพ!เจ้ามีเทพอยู่ข้างกายตลอดเวลา!!”
ไม่แปลกเลยที่เหอหลูจูเชื่อใจเขาหากมีเทพอยู่ฝ่ายเดียวกัน ทุกอย่างก็เป็นไปได้
“หากเสียเทพไปตระกูลเทพกระเรียนจะล่มสลายในไม่ช้าก็เณ็ว แต่หากซือหยูกับท่านเทพคอยช่วย ข้าก็คิดว่าคนที่คิดร้ายจะไม่กล้ารบกวนเรา หากข้ามีเวลาพอ การเป็นเทพจะยากอะไรเล่า?”
เหอหลูจูมั่นใจอย่างมาก
เหอเสี่ยวหลานไม่อยากจะยอมรับนางจึงเลือกที่จะสร้างความร้าวฉานระหว่างพวกเขา
“พี่มันโง่!ถ้าเป็นแบบนั้น พี่จะไม่กลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกซือหยูบงการเรอะ? ไม่มีอะไรรับรองว่าเขาจะไม่ถอนคำพูดและฆ่าพี่หลังจากนี้!”
เหอหลูจูตอบอย่างไร้อารมณ์
“เป็นหุ่นเชิดเลวร้ายที่ใดเล่า?เขาต้องการพึ่งพาตระกูลเทพกระเรียน และข้าก็ต้องการเติบโตเป็นเทพอย่างช้า ๆ แต่ต่อให้ข้าเป็นเทพ ข้าก็ไม่เป็นภัยกับเขาอยู่ดี ร่วมมือกันเช่นนี้ได้ประโยชน์สองฝ่าย ไม่มีความขังแย้งใดทั้งนั้น”
เขาอธิบายผลประโยชน์ระหว่างสองฝ่ายได้ในไม่กี่คำพูดแสดงถึงความเฉลียวฉลาดของเขา
เหอหลูจูมองน้องสาวและยื่นดัชนีจรดที่หน้าผากนางเขาพูด
“เจ้าพูดสิ่งหนึ่งที่ถูกต้องที่สุดกับท่านพ่อ…อย่าเป็นศัตรูกับซือหยู!แต่แรกเจ้าก็เป็นคนที่เขาคิดช่วย แต่เจ้ามันทะเยอทะยานเกินไป โอกาสเลยตกเป็นของข้าแทน!”
“สบายใจเถอะน้องข้าในชีวิตหน้าของเจ้า อย่าได้ประเมินสติปัญญาตัวเองสูงส่งไปนัก!”
ผั่วะ!
พลังเซียนทะลวงร่างกายและดวงวิญญาณของเหอเสี่ยวหลานมันสังหารนางในทันที
เหอหลูจูคว้าหม้อชำระวิญญาณและถามด้วยความรู้สึกมากมาย
“ท่านพ่อท่านมีสิ่งใดจะพูดหรือไม่? ท่านเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือ?” ด้านในหม้อชำระวิญญาณเทพกระเรียนหัวเราะอย่างเศร้าโศกอยู่นาน
“พูดอะไรของเจ้า?ข้าถูกลูกสาวที่ข้ารักนักหนาหักหลัง แต่ลูกชายที่ข้าชิงชังกลับกลายเป็นผู้ที่คู่ควรแก่พลัง ข้าตามืดบอดเยี่ยงค้างคาว ข้าจะพูดสิ่งใดได้อีก?”
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้คงจะไม่มีใครปล่อยเทพกระเรียนไปได้แล้ว
“หลูจูใช้หม้อเสียเถอะ ทุกสิ่งที่เป็นของข้าจะเป็นของเจ้า ขอให้เจ้าได้เป็นเทพ ตระกูลเทพกระเรียนอยู่ในมือเจ้าแล้ว”
เมื่อผู้ใดใกล้ตายคำพูดของเขาย่อมเปี่ยมไปด้วยความดีงาม
แต่เหอหลูจูส่ายหน้า
“การสืบทอดบัลลังก์เทพนั้นอ่อนหัดเกินไปต่อให้ข้าได้เป็นเทพ ข้าก็ไม่มีความสามารถเท่ากับเทพอื่น ตำแหน่งเทพท่านพ่ออยู่ที่อันดับร้อย หากข้าสืบทอดตำแหน่งเทพมา ข้าก็ยิ่งอ่อนแอกว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ! ข้าจะเดินในหนทางของข้าเอง!”
เทพกระเรียนตกตะลึงเขาไม่เคยคิดว่าลูกชายที่เขาไม่เคยรักจะมีความมุ่งมั่นขนาดนี้ เขาต้องการจะขึ้นเป็นเทพด้วยตัวเอง!
ในยุคสมัยนี้จะมีเทพสักกี่คนกันที่เป็นเทพได้ด้วยตัวเอง?ส่วนใหญ่ก็มีแต่ได้ตำแหน่งเทพสืบทอดมาทั้งนั้น
“ฮ่าๆๆๆลูกชายข้าทะเยอทะยานนัก! ข้าตายตาหลับแล้ว!”
เทพกระเรียนถอนหายใจ
หลังจากผ่านความเงียบไปครู่หนึ่งเทพกระเรียนมองซือหยูและถาม
“เจ้าช่วยลูกชายข้าด้วยใจหรือ?เจ้าจะซื่อตรงหรือ?”
เมื่อเสียความเป็นเทพไปตระกูลเทพกระเรียนกำลังจะแตกสลาย มีเพียงซือหยูและเทพที่อยู่กับเขาเท่านั้นที่จะปกป้องตระกูลเทพกระเรียนได้ และเขากำลังอ้อนวอนซือหยู “ข้าจะได้อะไรจากการคดโกงเล่า?เจ้าคิดว่ามนุษย์อย่างข้าจะยึดตระกูลสัตว์ประหลาดอย่างเจ้าได้รึ? ต่อให้เจ้ายอม คนของเจ้าจะยอมรึ? เหล่าสัตว์ประหลาดมากมายในพันธมิตรจะยอมรึ? ไม่นานข้าก็ต้องออกจากตระกูลเทพกระเรียน”
เทพกระเรียนเงียบเมื่อได้ฟังเป็นเรื่องจริงสำหรับมนุษย์อย่างซือหยู เขาไม่มีโอกาสที่จะบงการตระกูลเทพกระเรียนได้
ถ้าเช่นนั้นที่เขาควรจะทำก็คือเชื่อใจว่าซือหยูจะช่วยเหลือบุตรชายที่ใช้การได้เพียงคนเดียวของเขาอย่างไร้กังวลสินะ?
หลังจากเงียบไปเทพกระเรียนพูดอย่างหนักแน่นราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่างไปแล้ว
“ก็ได้เช่นนั้นข้าจะให้เจ้ายืมมือ!”
จู่ๆ พลังมหาศาลก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากหม้อชำระวิญญาณ มันคือพลังของเทพ
แม้แต่หม้อชำระวิญญาณก็คุมมันไม่อยู่! พลังของเทพกระเรียนพุ่งพล่านออกมาสู่โลกเทพกระเรียน
ทุกสิ่งบนโลกเทพกระเรียนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ภายใต้อำนาจของพลังและพากันคุกเข่าด้วยควมเศร้าในจิตใจ
ฟ้าดินขุนเขา แม่น้ำ ทุกสิ่งล้วนห้อมล้อมด้วยความเศร้าเมื่อแหงนหน้ามองสวรรค์
“ก่อนข้าตายข้าขอประกาศ บุตรชายที่สองแห่งข้าเหอหลูจูจะได้ตำแหน่งเจ้าตระกูลเทพกระเรียน ทุกคนจงช่วยเหลือเขา! และซือหยูจะเป็นตัวแทนเทพแห่งโลกใบนี้ ปกครองโลกใบนี้แทนข้า!”
“ตั้งแต่มดปลวกจนถึงลูกหลานเทพทั้งหลายพวกเจ้าทุกคนจงฟังคำสั่งเขา! ข้าขอแต่งตั้งตำแหน่งเทพ…เทพขนนกให้ซือหยู! นี่คือคำสั่งเสียจากข้า ผู้ใดไม่น้อมรับบัญชาจะถูกสาปจากจิตวิญญาณเทพและพบเจอแต่หายนะ!”
จากนั้นเสียงและพลังของเทพกระเรียนได้สลายไปสู่ทุกสิ่งบนโลก เทพจิงที่ได้ยินคำสั่งเสียของเทพกระเรียนแอบตกใจ
“เทพกระเรียนเป็นบ้าไปแล้วรึ?ทำไมถึงให้อำนาจปกครองโลกกับซือหยูและให้เขาเป็นตัวแทนเทพกัน?”
หากไม่คิดถึงความชิงชังซือหยูที่เทพกระเรียนมีการมอบทั้งโลกให้คนนอกเองก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว!
แต่เทพจิงไม่ได้หยุดเทพกระเรียนหากโลกตกอยู่ในมือคนที่ร่วมมือกับเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายเลย
เหล่าสิ่งมีชีวิตบนโลกต่างโค้งคำนับพวกเขานอบน้อมต่อคำสั่งของเทพ
แม้แต่ในตระกูลเทพกระเรียนเหล่าคนที่แข็งแกร่งส่วนมากยังคุกเข่าแม้จะตกตะลึงอย่างหนัก พวกเขาไม่กล้าขัดคำพูดของเทพกระเรียน
ด้วยประการนี้ซือหยูจึงกลายเป็นเทพแห่งโลกเทพกระเรียน! เทพขนนก!!
ซือหยูยังยืนอยู่กับที่แม้เขาจะดูไม่เป็นอะไร แต่ในใจนั้นได้รับผลกระทบอย่างมาก เขาจ้องมองหม้อชำระวิญญาณอยู่นานก่อนจะถอนหายใจยาว
“เทพกระเรียนช่างกล้านัก!”
ด้วยประสงค์ของเทพกระเรียนหน้าที่ของซือหยูจะเป็นเพียงแค่การช่วยเหอหลูจูรึ? เขาได้กลายเป็นตัวแทนเทพไปแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าโลกทั้งใบได้อยู่ในมือเขา
เทพกระเรียนคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเช่นนี้เพราะปัจจุบัน ซือหยูกับเทพที่อยู่กับเขาคือสองคนเท่านั้นที่จะปกป้องโลกเทพกระเรียนเอาไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ซือหยูได้เป็นผู้ปกปักษ์รักษาโลกของเขาเอง
ในอนาคตหากโลกเทพกระเรียนพบเจอกับสถานการณ์อันยากลำบาก เทพขนนกจะลอยตัวเหนือปัญหาในฐานะที่เป็นตัวแทนเทพได้หรือ? แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้!
ซือหยูได้รับเกียรติครั้งใหญ่แต่ก็ตามด้วยความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงศัตรูตระกูลเทพกระเรียนจะมองซือหยูเป็นเสี้ยนหนาม ศัตรูตระกูลเทพกระเรียนทั้งหมดจะกลายเป็นศัตรูของซือหยูอีกด้วย
ไม่ว่าจะสิ่งที่ได้รับหรือสูญเสียทุกอย่างล้วนมากเหลือคณา
“เอาล่ะข้าช่วยเจ้าแต่เพียงเท่านี้ ใช้หม้อชำระวิญญาณซะ แล้วใช้วารีวิญญาณที่ได้มาสร้างยอดฝีมือ แม้ไม่ใช่คนที่มีสายโลหิตเดียวกับข้าก็มีโอกาสกลายเป็นเทพได้ หากมีมัน การเป็นเซียนขั้นสูงสุดก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
แต่เทพกระเรียนก็แปลกใจเมื่อซือหยูถาม
“แล้วทำไมข้าต้องฆ่าเจ้าเล่า?”
“เจ้าจะปล่อยข้าไปเรอะ?”
เทพกระเรียนสับสน
ซือหยูส่ายหน้า “ไม่”
ดวงวิญญาณเทพนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่ซือหยูจะควบคุมได้
“เจ้ามีชีวิตอยู่ได้…ในรูปแบบอื่น”
“แบบไหนกัน?”
“จิตวิญญาณสมบัติ!”
เทพกระเรียนเงียบไปเขาตอบอย่างหนักแน่น
“ขอโทษที่ข้าทำไม่ได้ข้าขอตายดีกว่าเป็นจิตวิญญาณสมบัติที่ไร้อิสรภาพไปตลอดกาล”
“รอจนกว่าข้าจะมีพลังเหนือเจ้าข้าจะปล่อยเจ้าไป…”
ซือหยูตอบ
เทพกระเรียนส่ายหน้า
“ฮ่าๆๆ…ข้าเป็นเทพนะหากข้าตกเป็นจิตวิญญาณสมบัติ มันจะน่าอับอายเพียงใดกัน?”
“ข้ากำลังพูดถึงสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิ…”
ซือหยูตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก
เทพกระเรียนตกตะลึงเขาถามด้วยความตกใจ
“เจ้ามีต้นแบบสมบัติศักดิ์สิทธิ์เรอะ?ในอดีต มีดวงวิญญาณเทพที่เต็มใจเป็นจิตวิญญาณของต้นแบบสมบัติของสมบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่จริง”
“พวกเขาหวังว่าวันหนึ่งต้นแบบสมบัติศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของจริงจากนั้นดวงวิญญาณเทพของพวกเขาจะได้รับการเพิ่มพลังและกลายเป็นเทพที่ระดับสูงกว่าเดิม แต่ต้นแบบสมบัติน่ะ…เฮ้อ…”
“ข้าไม่ได้พูดถึงต้นแบบ…”
เทพกระเรียนผงะเขาถาม
“เจ้าพูดถึงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของจริงเรอะ?”
“เจ้าคิดยังไงเล่า?”
ซือหยูถามกลับ เหอหลูจูเหลือบมองทั้งสองและเดินจากไปเขาไม่คิดว่าการอยู่ดูสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของซือหยูจะเป็นเรื่องดี
แต่การได้รู้ว่าซือหยูได้ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์นั้นทำให้เหอหลูจูตกใจอย่างรุนแรง
ในพันธมิตรร้อยเทพมีเพียงเทพสิบคนเท่านั้นที่ได้ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์!
ฟึ่บ!
แสงดาวเปล่งประกายรอบมือขวาของซือหยูมันเปล่งแสงราวกับจักรวาล
ปั้ง…ปั้ง…ปั้ง…
หม้อชำระวิญญาณสั่นอย่างบ้าคลั่งจากนั้นเสียงอันน่าสะพรึงกลัวของเทพกระเรียนก็ดังขึ้น
“สมบัติศักดิ์สิทธิ์แบบจักรพรรดิ…ทรายดาราทางช้างเผือก!!สมบัติศักดิ์สิทธิ์แบบจักรพรรดิลำดับที่ยี่สิบเอ็ด!”
“ใช่แล้วว่าไงล่ะ เจ้าอยากจะเป็นจิตวิญญา…” “ข้าจะเป็น!ให้ข้าได้เป็นเถอะ!”
เสียงตื่นเต้นของเทพไม้ดังมาจากมุกวิญญาณเก้าหยกก่อนที่เทพกระเรียนจะได้พูดอะไร
“ข้าทำให้เตียงเจ้าอุ่นได้ถ้าอุ้มท้องลูกเจ้าได้ ได้โปรดให้ข้าเป็นจิตวิญญาณสมบัติเถอะนะ!”
ซือหยูริมฝีปากบิดเบี้ยว
“หุบปาก!”
“ข้าเป็นเทพนะ!บุรุษอย่างเจ้าไม่พอใจรึที่จะได้นอนเตียงอุ่น ๆ กับข้าแล้วให้ข้าได้อุ้มท้องลูกเจ้า?”
“เจ้าภูมิใจกับบริการของหัวหน้าโจรเรอะ?”
ซือหยูไม่คิดเลยว่าเทพไม้จะอยากเป็นจิตวิญญาณสมบัติขนาดนี้มีเพียงดวงวิญญาณเทพที่เสียความเป็นเทพไปแล้วเท่านั้นที่อยากจะเป็นจิตวิญญาณสมบัติ
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เลือกได้แค่สมบัติภูติชั้นสูง มีเพียงคนที่โชคดีที่จะได้กลายเป็นจิตวิญญาณสมบัติของสมบัติศักดิ์สิทธิ์