The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1183 - โลกเสี้ยววิญญาณ
DND.
ที่ห้องรับรองตระกูลเทพกระเรียนเหอหลูจูกำลังพูดคุยกับแขกสองคนอย่างใจเย็น
แขกทั้งสองมาจากหน่วยผู้คุมกฎอาวุโสหนึ่งในนั้นคือปู้หลูยี่ที่เป็นอันดับสอง ส่วนอีกคนคือหยางไท่ที่เป็นอันดับสาม
พูดตามจริงเหอหลูจูแปลกใจเมื่อคนมีอำนาจจากผู้คุมกฎอาวุโสมาและเกรงว่าพวกเขาจะก่อความวุ่นวายที่นี่
เมื่อพวกเขาพูดว่ามาหาซือหยูเหอหลูจูก็สบายใจขึ้น
เหอหลูจูมองปู้หลูยี่
“ท่านปู้เทพขนนกกำลังปิดประตูฝึกตนและไม่ต้องการถูกรบกวน หากท่านมีเรื่องเร่งด่วน ข้าจะบอกเรื่องนั้นแทนท่านเอง!”
ปู้หลูยี่ตกใจเล็กๆ เขาคิดจะมาท้าประลองซือหยู แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ได้เจอซือหยู
เขาได้แต่ยิ้มให้หยางไท่
ถ้าหากเขายังเจอซือหยูไม่ได้หยางไท่ที่อันดับต่ำกว่าเขาก็ไม่ได้เจอเช่นกัน
ปู้หลูยี่ยิ้มอย่างมีเลศนัยมองหยางไท่ที่เสียหน้าเหมือนกับเขา
“ท่านหยางไปกันเถอะ! ประตูเรือนเทพขนนกสูงจนแม้แต่พวกเราก็เจอเขาไม่ได้!”
ได้ยินเช่นนั้นหยางไท่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
จากนั้นจางยี่หมิงก็มาถึงพร้อมกระซิบกับเหอหลูจู
เหอหลูจูมองหยางไท่ด้วยรอยยิ้ม
“ท่านหยางเทพขนนกกำลังรอท่านอยู่!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูยอมพบแขกที่มาเยี่ยมเยือนเหอหลูจูจำเป็นต้องดูแลหยางไท่เป็นพิเศษ
หยางไท่พยักหน้าให้ปู้หลูยี่จากนั้นเขาก็เดินออกไป ทิ้งปู้หลูยี่ที่ไม่พอใจไว้ข้างหลัง
ปู้หลูยี่เกิดความรู้สึกว่าซือหยูกำลังดูถูกเขา
หากเทียบกับก่อนหน้าปู้หลูยี่จะไม่โกรธเช่นนี้ถ้าหากเขาถูกปฏิเสธไปพร้อม ๆ กับหยางไท่
แต่เขาไม่พอใจที่หยางไท่ได้รับการต้อนรับแต่เขาต้องกลับไป
ปู้หลูยี่สีหน้าหม่นหมองเขาพูดในใจอย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพจริงๆ แล้วเรอะ?”
สำหรับเขาตัวแทนเทพอย่างซือหยูนั้นไม่มีค่าอะไร
“ท่านปู้จะให้ข้าบอกสิ่งใดกับเทพข…”
เหอหลูจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ปู้หลูยี่เดินกลับด้วยอารมณ์คุกรุ่นเขาพูด
“บอกซือหยูว่าอย่าให้ข้าได้เจอตัวก็แล้วกัน!”
เหอหลูจูยิ้มจากนั้นเขาก็ส่ายหน้ามองปู้หลูยี่จากข้างหลัง
“ให้ตายสิ!คนหัวแข็งอีกคนแล้ว! เขาควรจะภาวนาไม่ให้ซือหยูเจอตัวเขาต่างหาก ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนที่แพ้ในตอนสุดท้ายเป็นใคร!”
ห้องโถงเทพมักจะไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะเป็นสถานที่ที่เทพจะใช้พบกับแขก
ซือหยูเลือกพบหยางไท่ในโถงเทพซึ่งเป็นการต้อนรับที่สุภาพสื่อให้หยางไท่ว่าซือหยูเห็นเขาเป็นคนสำคัญ
ตามคาดหยางไท่รู้ว่าซือหยูเต็มใจจะพัฒนาสัมพันธ์กับเขาเมื่อถูกพาไปยังโถงเทพ
“หึหึ!ดูเหมือนว่าข้าจะคิดถูก! เช่นนั้น ข้าก็ควรจะบอกเรื่องสำคัญกับเขา”
หยางไท่เดินเข้าโถงเทพด้วยรอยยิ้มไม่นานซือหยูก็ออกมาพบ
“ท่านหยางไม่ได้เจอกันนาน! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
หยางไท่ประสานมือพูดกับซือหยู
“ข้าไม่คู่ควรหรอกท่าน!ท่านซือเป็นเทพแล้ว! โปรดรับการคารวะของข้าเถอะ!”
ซือหยูโบกมือปฏิเสธ
“ยามข้าเป็นคนธรรมดาเจ้าไม่ได้ขอข้าคุกเข่าต่อหน้าเจ้าที่เป็นลูกหลานเทพ! ลืมเรื่องพิธีรีตรองกันเถอะ!”
หยางไท่สบายใจขึ้นเขารู้ว่าซือหยูตัดสินใจลืมความทรงจำไม่ดีในใจเขาไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็นับเป็นสหายกัน
“หึหึ!ขอบคุณท่านซือ!”
หยางไท่กล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากนั่งลง เขาพูดเข้าประเด็น
“โปรดอภัยที่ข้ามาโดยไม่บอกกล่าวท่านซือ ข้ามีข่าวส่วนที่ต้องบอกให้ท่านรู้!”
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารอฟังอยู่!”
หยางไท่หยิบชิ้นกระดาษส่งให้ซือหยู
“หน่วยข่าวกรองของข้าสืบเรื่องที่ตระกูลเทพตำราสามเดือนก่อนคนของข้าพบอู๋โจวที่เป็นผู้ติดตามที่นายน้อยตระกูลเทพตำราเชื่อใจออกมาจากตระกูลอย่างลับ ๆ มีคนตระกูลเทพตำราเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้แผนของเขา เราจึงติดตามอู๋โจวมาสามเดือน! คนของข้าพบว่าอู๋โจวไปที่โลกเสี้ยววิญญาณตามลำพัง!”
ซือหยูเลิกคิ้ว
“โลกเสี้ยววิญญาณ?โลกที่ใกล้กับดินแดนอสูรรึ? เขาไม่กลัวจะถูกอสูรกลืนกินหรือ?”
หยางไท่ตอบ
“ท่านซือโลกเสี้ยววิญญาณแทบจะติดกับดินแดนอสูร แต่โลกใบนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่ทรยศโลกของตัวเอง พวกเขาเหล่านั้นไม่มีที่ไป พวกเขาจึงต้องอยู่ที่นั่น อสูรเองก็ไม่เคยรุกล้ำ กลับกัน พวกอสูรกลับขอให้พวกทรราชย์เหล่านั้นนำทางในยามที่บุกโลกใบอื่น!”
จิตสังหารปรากฏในแววตาซือหยู
พวกคนทรยศมักจะเป็นศัตรูที่น่ารังเกียจที่สุด!
“คนของข้าติดตามอู๋โจวต่อไปและพบเขาที่สำนักนรกในโลกเสี้ยววิญญาณ!”
สีหน้าเขาจริงจังขึ้นกว่าเดิมเมื่อพูดถึงสำนักนรก
“ท่านซือสำนักนรกเป็นกลุ่มมือลอบสังหารที่น่าสะพรึงกลัว สมาชิกสำนักล้วนเป็นผู้มีนิสัยต่ำช้าจากโลกต่าง ๆ ที่อ่อนแอที่สุดเห็นจะเป็นเซียน ที่แข็งแกร่งสุดก็เกือบจะเป็นเทพแล้ว!”
ซือหยูแปลกใจเล็กน้อย
เกือบเป็นเทพรึ?ซือหยูเคยเห็นพลังที่แท้จริงของเจิ้งหยวนชิงมากับตา เขารู้ดีว่าพลังระดับนั้นน่ากลัวเพียงใด!
“เจ้าสำนักนรกคือเทพความตายที่มักจะไม่ปรากฏตัว!”
เทพรึ?นี่เป็นสำนักใหญ่มาก!
“หน่วยข่าวเจออู๋โจวขอให้สำนักนรกสังหารท่าน!พวกมันอยากฆ่าท่านด้วยทุกสิ่งที่มี!”
หยางไท่พูดอย่างเย็นชา
ซือหยูรู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวเพียงใด
ทุกสิ่งที่มีหมายถึงพวกเขาจะส่งเซียนขั้นสูงสุดหรือแม้แต่…คนที่เกือบจะเป็นเทพเพื่อฆ่าข้า!
ตอนนี้ซือหยูก็เป็นอันตรายอยู่แล้วหากต้องสู้กับเซียนขั้นสูงสุด ไม่ต้องพูดถึงพลังที่เหนือกว่านั้น!
หากพวกเขาส่งว่าที่เทพมาเพื่อสังหารซือหยูเขาก็ทำได้แค่หนีรอดอย่างหวุดหวิด
“ท่านหยางของขวัญชิ้นนี้งดงามนัก มันสำคัญกับข้ามาก!”
ซือหยูยืนขึ้นขอบคุณของขวัญจากหยางไท่นั้นมากพอที่จะทำให้ซือหยูลืมความบาดหมางทั้งหมดในอดีต
หยางไท่รู้ว่าเขาทำสำเร็จแล้วเขาตอบ
“ท่านซือโปรดอย่าลังเลบอกข้าในสิ่งที่ข้าช่วยได้ ข้าส่งว่าที่เทพในตระกูลมาช่วยท่านได้!”
ถึงตระกูลพ่อค้าจะไม่มีว่าที่เทพมากนักหยางไท่พูดออกมาแม้จะไม่เต็มใจ เพราะเขาไม่ได้สิทธิได้รับความคุ้มครองจากว่าที่เทพเหล่านั้น!
“ท่านหยางข้าขอบคุณน้ำใจท่านมาก แต่ข้าจัดการพวกที่มันจะฆ่าข้าเองได้!”
ซือหยูตอบ
หยางไท่แอบถอนหายใจหากซือหยูขอให้เขาส่งว่าที่เทพมาจริง ๆ เขาจะต้องบากหน้าไปขอตระกูล
ว่าที่เทพสำนักนรกมีประสบการณ์ต่อสู้จริงมากมายคนที่แข็งแกร่งก็จะได้ทรัพยากรมหาศาลในการเพิ่มพลัง
หากว่าที่เทพในตระกูลหยางไท่ตายนั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่ผู้เป็นนายน้อยไม่ต้องการ
“ถ้าเช่นนั้น!ถนอมตัวด้วยท่านซือ!”
“คนของข้ากลับมาแล้วนั่นหมายความว่ามือสังหารก็อาจจะมาที่นี่ด้วย! ท่านจงระวังให้ดี!”
หยางไท่กล่าว
ซือหยูพยักหน้าหลังจากบอกลาหยางไท่ ซือหยูเดินกลับเข้ามาโถงเทพตามเดิม
เขารู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะว่าที่เทพแต่การป้องกันตัวจากว่าที่เทพนั้นมันคนละเรื่องกัน!
การป้องกันตัวจากว่าที่เทพนั้นยากเสียยิ่งกว่าการเอาชนะ!
“ข้าต้องเตรียมตัว!”
ซือหยูพูดด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดถ้าไม่ส่งเทพความตายมาที่นี่!”
สำหรับซือหยูที่รับผิดชอบความปลอดภัยของโลกจิวโจวและโลกเทพกระเรียนความผิดพลาดไม่ใช่ทางเลือกของเขา!
เขาต้องกำจัดศัตรูทุกคนที่อาจเป็นอันตรายกับเขา!
ซือหยูแบมือทรายดาราปรากฏเป็นรูปร่างเทพกระเรียน
“พลังหอกอยู่ที่ไหน?”
เทพกระเรียนตอบ
“มันอยู่ข้างในทราย!”
สิ่งที่ทรายดาราดูดซับจะไม่หายไปพวกมันจะถูกส่งต่อไปยังที่อื่น…ข้างในทราย
“เอาพลังนั้นออกมาสร้างหอก!หอกต้องเสร็จในสองเดือน…ไม่สิ…เดือนเดียว!”
“ตามบัญชา!”
วิญญาณเทพกระเรียนสามารถเตรียมหอกด้วยพลังปีศาจได้ง่ายๆ
ต่อมาซือหยูเรียกลูกธนูสีทองที่สีเป็นประกายน้อยลงไม่ตระการตาดังเดิมออกมา แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยพลังอันน่าหวาดผวา
ศรทลายฟ้าเองก็เป็นอาวุธสุดยอดของซือหยู
แต่มันยังไม่พอเขารู้ว่ายังต้องป้องกันตัวอีกหลายวิธีจากการลอบสังหารของว่าที่เทพ
ยิ่งไปกว่านั้นมือสังหารทั้งหมดยังมีประสบการณ์ล้นมือ
ต่อมาซือหยูเข้าไปที่มุกวิญญาณเก้าหยก
“เจ้ารู้ตัวว่าเจ้าคิดผิดใช่ไหม?เจ้าจะแต่งงานกับข้าแล้วใช่ไหม?”
เทพไม้ที่กำลังรังแกจางตี๋เก้อพูดอย่างซุกซน
ซือหยูเมินนางและมองจางตี๋เก้อ
“ผีเสื้อโกลาหลเป็นเช่นใดบ้าง?”
จางตี๋เก้อวิ่งหนีจากเทพไม้และพูด
“มันฟื้นพลังเต็มที่แล้วมันเติบโตขึ้นกว่าเดิมด้วยเพราะนายท่านให้ของล้ำค่าที่โลกจิวโจวไม่มีกับมัน! ตอนนี้การสะบัดปีกของงมันแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว!”
“จริงรึ?”
ซือหยูดีใจตอนที่เขาเป็นเซียนขั้นสูงสุด ผีเสื้อโกลาหลเคยสะบัดปีกใส่เขาจนร่างกายแทบจะสลาย การเติบโตของมันหมายถึงพลังที่รุนแรงกว่าเดิม!
จางตี๋เก้อพยักหน้าเมื่อซือหยูถามยืนยัน
“ดี!เลี้ยงมันต่อไปด้วยทุกสิ่งที่เจ้าหาได้ในดินเพาะบ่มชั้นสูง! ข้าต้องการผู้ช่วยในอีกสองเดือน!”
จางตี๋เก้อพยักหน้าอีกครั้ง
“นี่!เจ้ามีปัญหาอะไรรึ?”
เทพไม้ถาม
ซือหยูตอบ
“ก็มีน่ะสิ!พวกว่าที่เทพกำลังวางแผนลอบสังหารข้า!”
เทพไม้ขมวดคิ้ว
“ว่าที่เทพเป็นคำที่น่ารำคาญเสียจริง!คนที่เพิ่งได้แหล่งพลังเทพมาก็เป็นว่าที่เทพ คนที่อีกก้าวเดียวจะได้เป็นเทพก็เป็นว่าที่เทพเหมือนกัน! ความต่างของพลังมันคนละเรื่องกันเลย!”
“แม้ข้าจะเป็นอิสระแล้วแหล่งพลังเทพของข้าก็เสียหายมาตลอดหลายปี ถ้าเจ้าเจอกับว่าที่เทพขั้นต้น ข้าก็อาจจะเอาชนะได้ แต่ถ้ามือสังหารเป็นว่าที่เทพขั้นกลาง ข้าจะตายในการต่อสู้แน่ ไม่ต้องพูดถึงว่าที่เทพขั้นสูง! เจ้ารู้หรือไม่ว่าว่าที่เทพที่จะมาฆ่าเจ้ามีพลังเท่าใด?”
ซือหยูขมวดคิ้วแน่น
“เรื่องนี้แหละที่ข้ากังวล!ข้าไม่รู้เลยว่าพลังที่แท้จริงของพวกมันเป็นยังไง รวมถึงจำนวนคนกับเวลาที่มันจะมาลอบสังหาร!”
เทพไม้เริ่มคิดหนัก
“เจ้ากำลังเป็นฝ่ายรับที่เจ้าต้องทำคือเพิ่มการป้องกันให้แข็งแกร่ง!”
ซือหยูตาลุกวาวแต่เขาก็ส่ายหน้าในเวลาต่อมา
“ข้ารู้ว่าข้าต้องทำ!แต่ข้าจะเป็นฝ่ายบุก! การบุกคือความได้เปรียบของมือสังหาร แต่ครั้งนี้ ข้าจะทำให้พวกมันเป็นฝ่ายรับแทน!”
อะไรนะ?เทพไม้ตัวแข็งทื่อเมื่อได้ฟังคำพูดของซือหยู นางไม่รู้เลยว่าซือหยูที่ตกเป็นฝ่ายรับจะพลิกสถานการณ์ได้ด้วยวิธีการใด