The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1185 - ไม่ต้อนรับสองครา
DND.
จริงๆ แล้ว มีบางคนบอกว่าซือหยูได้ตำแหน่งเทพมาด้วยวิธีสกปรก หลายคนเชื่อข่าวลือนี้เพราะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายการได้เป็นตัวแทนเทพของเขาในโลกเทพกระเรียน
“เช่นนั้นข้าควรจะไล่เขากลับไปหรือไม่?”
“เดี๋ยวก่อน!เขาจะตีอะไร?”
“สมบัติภูติชั้นต่ำหกชิ้น!”
“น่าเบื่อ!ข้าไม่สน!”
หวังยุ่นเสวียนโบกมือปฏิเสธ
ศิษย์หัวล้านแอบถอนหายใจ
‘ข้าบอกแล้วว่าอาจาย์ข้าจะไม่สนใจ!’
เขาคิด
“มันพูดอะไรอีก?”
ศิษย์หัวล้านตอบ
“เขาบอกว่าถ้าเขาไม่ถูกต้อนรับในอีกสิบนาทีเขาจะไปหาช่างคนอื่น!”
หวังยุ่นเสวียนกลอกตา
“พามันเข้ามา!”
ศิษย์หัวล้านสับสนกับอาจารย์พิลึกของเขา
ไม่นานซือหยูก็ได้พบกับหวังยุ่นเสวียนที่สวน
“อาจารย์หวังเรือกระดูกเทพที่ท่านต่อแข็งแรงนัก!”
ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
ในครั้งที่ซือหยูคิดหนีจากเทพกระเรียนเขาได้ต่อเรือรบกระดูกเทพหนึ่งลำและเรือเหยื่อล่ออีกสองลำ พวกมันถูกต่อโดยช่างในตลาดมืด
ส่วนเรือรบลำยักษ์นั้นก็ถูกต่อโดยสุดยอดช่างในตลาดมืด
แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ต่อเรือลำนั้นคือหวังยุ่นเสวียน!
ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังยุ่นเสวียนผู้เป็นตำนานจะทำงานให้ตลาดมืดด้วยเมื่อเขาได้ยินว่าซือหยูพยายามหาคนต่อเรือในตลาดมืด เขาก็อาสาทำงานนั้น
เหตุผลนั้นเรียบง่าย…เพราะการช่วยโจรลักพาตัวฉาวโฉ่ให้หนีคือเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ!
“ข้าจะไม่ตีสมบัติภูติสักชิ้นในวันนี้!”
หวังยุ่นเสวียนพูดเมื่อเห็นซือหยู
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
“แล้วถ้าเป็นสมบัติภูติที่กำลังจะใช้สังหารว่าที่เทพเล่า?”
สังหารว่าที่เทพเรอะ?ความแปลกใจที่แฝงความยินดีปรากฏบนใบหน้าโมโหของหวังยุ่นเสวียน เขารีบถามอย่างตื่นเต้นด้วยตาที่ลุกวาว
“ว่าที่เทพรึ?ตระกูลไหน?”
“สำนักนรก!”
ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น
เมื่อได้ฟังหวังยุ่นเสวียนหาได้หวาดกลัวไม่ เขาตบขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!สังหารว่าที่เทพจากสำนักนรกมันตื่นเต้นยิ่งกว่าฆ่าว่าที่เทพตระกูลใหญ่ซะอีก!”
“ว่าที่เทพสำนักนรกเจ้าเล่ห์และทรงพลังมีเพียงความตายของพวกมันเท่านั้นที่จะทำให้ข้ารู้สึกถึงความสำเร็จ!”
“รู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่เอาเรื่องน่าเบื่อมารบกวนข้า!”
หวังยุ่นเสวียนมีแต่ความดีใจเต็มใบหน้าศิษย์เขาไม่ได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ของอาจารย์มานานแล้ว! หวังยุ่นเสวียนตบบ่าซือหยูพร้อมกล่าว
“ตกลง!ข้าจะช่วยเจ้า! แต่เจ้าแน่ใจรึว่าจะฆ่าว่าที่เทพได้ด้วยสมบัติภูติชั้นต่ำหกชิ้น? อย่ามาคิดหลอกข้า!”
ซือหยูยิ้มเบาๆ
“กระบี่หกเล่มอาจจะไม่พอแต่ถ้าแปดเล่มเล่า?”
“ก็ยังไม่พอ!”
หวังยุ่นเสวียนเข้าใจดีถึงพลังที่แท้จริงของว่าที่เทพ
“แล้วถ้า…เก้าเล่มล่ะ?”
ซือหยูยิ้ม
เก้ากระบี่…หวังยุ่นเสวียนครุ่นคิดจากนั้นเขาก็พูด
“เก้ากระบี่!เจ้ากำลังจะใช้ค่ายกลกระบี่สินะ? เจ้าอาจสังหารว่าที่เทพได้ด้วยเพลงกระบี่ชั้นสูง แต่มันก็ยังยากมาก!”
ซือหยูเห็นด้วยกับที่เขาพูดเขาไม่เชื่อว่าเพลงกระบี่เก้าสุริยาแบบสมบูรณ์จะสังหารว่าที่เทพได้
ถ้าหากมันง่ายดายเช่นนั้นว่าที่เทพก็คงจะอ่อนแอเกินไปและถูกคนอื่นสังหารไปแล้ว!
“แต่…”
หวังยุ่นเสวียนพูดด้วยความตื่นเต้น
“แต่นี่มันน่าสนุก!บางทีเก้ากระบี่ภูติชั้นต่ำอาจจะไม่พอ แต่ข้าว่าเก้ากระบี่ภูติชั้นกลางน่ะเกินพอแล้ว! หึหึ!”
ซือหยูเลิกคิ้ว
“ด้วยวัตถุดิบที่ตีได้แค่สมบัติภูติระดับต่ำใช่ไหม?”
หวังยุ่นเสวียนพูดด้วยความตื่นเต้น
“มันถึงน่าสนุกและท้าทายกับข้ายังไงล่ะ!เรื่องเป็นไปไม่ได้มันก็แค่เรื่องโกหกไม่ใช่รึ?”
“กระบี่สามเล่มที่หลังเจ้าน่ะเอามาให้ข้าดูก่อน!”
ซือหยูยื่นกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ให้กับเขาหวังยุ่นเสวียนตะโกนด้วยความแปลกใจหลังจากเหือบมอง
“กระบี่ชั้นดี!คนตีกระบี่สามเล่มนี้จะต้องเป็นปรมาจารย์ระดับเทวะ! ข้าว่าเก่งพอ ๆ กับอาจารย์ข้าเลย!”
กิเลนน้อยเก่งขนาดนั้นเลยรึ?ใครกันที่ให้วิชาตีดาบในสมองของมัน? หรือว่าจะเป็นเทพอุปกรณ์?
“น่าเสียดายเพลิงที่ใช้ตอนตียังบริสุทธิ์ไม่พอ การตีกินเวลานาน เพราะแบบนี้ ระดับกระบี่จึงต่ำ เอาล่ะ! ข้าต้องล่วงเกินปรมาจารย์เทวะท่านนี้ด้วยการตีกระบี่สามเล่มนี้ขึ้นใหม่!”
หวังยุ่นเสวียนรับกระบี่ทั้งสามเล่มและวัตถุดิบไปเริ่มตีด้วยความตื่นเต้น
ซือหยูมองดูเขาตีกระบี่อย่างละเอียด
การตีสมบัติภูตินั้นมีขั้นตอนมากมายหวังยุ่นเสวียนต้องเรียกคนมาช่วยทำงานง่าย ๆ บางอย่างแทนเขา
เมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาซือหยูก็จ้องมองแต่ละคนด้วยความตกใจ คนเหล่านั้นก็จ้องมองซือหยูด้วยความตกตะลึง
แต่ซือหยูก็ละสายตาและแสร้งทำเป็นไม่รู้จักอีกฝ่าย
‘เขาคงเก็บตัวที่นี่เพื่อหนีจากคนโลกเทพกระเรียนเขาไม่อยากจะถูกใครวุ่นวาย’
ซือหยูคิด
จากนั้นศิษย์หัวล้านก็รีบวิ่งเข้ามาตะโกนอย่างเป็นกังวลด้วยร่างชุ่มเหงื่อ
“ท่านอาจารย์เจิ้งหยวนชิง หัวหน้าผู้คุมกฎอาวุโส กับปู้หลูยี่อยากจะพบท่าน!”
แทบจะไม่มีใครชอบการมาเยือนของสมาชิกผู้คุมกฎอาวุโสที่มีอำนาจสังหารใครก็ได้ยกเว้นลูกหลานเทพ
หวังยุ่นเสวียนไม่พอใจนักแต่เขาจำเป็นต้องพบผู้คุมกฎอาวุโสที่มา
คังเตี้ยยี่เริ่มเป็นกังวล
เมื่อศิษย์หัวล้านกำลังจะออกไปรับแขกอีกครั้งซือหยูก็พูด
“บอกพวกเขาว่าเทพขนนกอยู่ที่นี่อาจารย์หวังไม่มีเวลาให้พบ!”
ศิษย์หัวล้านตกใจกับคำพูดของซือหยูปฏิเสธผู้คุมกฎอาวุโสตรง ๆ แบบนี้…มันไร้กฎเกณฑ์ยิ่งนัก
แต่ซือหยูในเวลานี้คือตัวแทนเทพ!ไม่มีใครหยุดเทพจากการทำผิดกฎที่ตั้งโดยเทพด้วยกันได้!
หวังยุ่นเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คำตอบเจ้าช่างเหลือเกินจริงๆ! ข้าชอบ!”
คังเตี้ยยี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองซือหยูด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ที่ด้านนอกประตูเมื่อเจิ้งหยวนชิงกับปู้หลูยี่ได้ยินคำตอบจากซือหยู สีหน้าของทั้งเขาและนางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
เจิ้งหยวนชิงตกใจแปลกๆ
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่!”
ปู้หลูยี่สีหน้าหม่นหมองเขาพูดด้วยความโมโห
“มันกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง!มันไล่ข้าออกจากตระกูลเทพกระเรียน! และตอนนี้มันก็ไล่ข้าจากตำหนักหวังยุ่นเสวียนอีก! มันคิดจริง ๆ รึว่ามันคือเทพที่เก้ามังกรกลับชาติมาเกิด?”
ปู้หลูยี่ที่ไม่พอใจถึงสองครั้งแผ่จิตสังหารและพลังอันยิ่งใหญ่ของเซียนขั้นสูงสุดออกมาเขาผลักตัวศิษย์หัวล้านไปที่ด้านข้างและเดินเข้าไปด้วยความโมโห
“ซือหยู!ข้าเข้าอยู่ที่นี่แล้ว! เจ้าคิดจะลงโทษข้ายังไงล่ะ? เจ้าตัวแทนเทพ?”