The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1199 - ความมุ่งมาดของเทพผู้ล่วงลับ
“คารวะท่านฑากิณี!”
เทพทุกคนรวมถึงเทพการค้าเทพเจิ้ง และเทพกระบี่คุกเข่าลงเพื่อคารวะฑากิณี
ฑากิณีมองเหล่าเทพด้วยรอยยิ้ม
“ลุกขึ้นเถิด!งานชุมนุมเทพเริ่มขึ้นแล้ว!”
ฑากิณีเป็นผู้นำแสดงการคารวะแก่เทพราวกับเทพีผู้สูงศักดิ์
ทุกคนหลับตาเหล่าเทพปลดปล่อยพลังเทพออกมา คนที่ยังไม่ใช่เทพอย่างซือหยูเริ่มอธิษฐานเงียบ ๆ
ไม่นานเกิดความสั่นไหวที่แหล่งพลังเทพราวกับว่าเทพผู้ล่วงลับสัมผัสได้ถึงการคารวะ เจตจำนงของเทพผู้ล่วงลับแล่นออกมาจากหลุมฝังศพและปลดปล่อยแหล่งพลังเทพออกมา
ผู้คนได้รับความรู้สึกอย่างชัดเจนว่าทั้งโลกกำลังเริ่มปลดปล่อยแหล่งพลังเทพมันเหมือนกับน้ำพุขนาดยักษ์ที่ปล่อยวารีเชี่ยวกรากออกมา พลังเทพไหลจากโลกภายหลังแตกดับของเทพสู่โลกอีกใบในพันธมิตร
จากนั้นฑากิณีลืมตาและเรียกแหล่งพลังเทพของนางกลับคืน นางมองคนที่เหลือด้วยความอ่อนโยน
“เทพผู้ล่วงลับตอบสนองการคารวะของเราเวลานี้ พวกเจ้าจงใช้ดวงวิญญาณสงบลงกับบรรพบุรุษ!”
แม้เทพเหล่านั้นจะล่วงลับไปแต่เจตจำนงของพวกเขายังคงอยู่ที่นี่
เจตจำนงอันแข็งแกร่งสามารถก่อร่างเป็นตัวตนที่เป็นเอกเทศมันเป็นสิ่งที่คล้ายกับดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณของเทพสามสิบอันดับแรกผู้ล่วงลับนั้นสามารถแสดงเจตจำนงออกมาได้
ดังนั้นตระกูลของเทพสามสิบอันดับแรกจึงมักจะได้ประโยชน์จากงานชุมนุมเทพมากกว่าตระกูลอื่นอยู่เสมอเพราะเจตจำนงของเทพบรรพบุรุษนั้นย่อมพยายามช่วยลูกหลานอยู่เสมออยู่แล้ว
หากคนในตระกูลสงบดวงวิญญาณต่อบรรพบุรุษบรรพบุรุษที่มีเจตจำนงจะสามารถถ่ายทอดวิชาลับให้กับลูกหลานหรือแม้แต่กล่าวชี้แนะได้ ณ หน้าหลุมฝัง
ผู้ที่มาสายโลหิตย่อมได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษ
เมื่อเจิ้งหยวนชิงกับมารดาคารวะบรรพบุรุษอยู่นั้นเองคนหนึ่งก็ได้รีบไปคุกเข่าเริ่มคารวะแก่เทพเจิ้งในอดีตทั้งหมด
เจิ้งหยวนชิงตะโกนด้วยความตกใจ
“เทพขนนก?เจ้าควรจะคารวะเทพกระเรียนคนก่อนสิ! ทำไมถึงมาคารวะบรรพบุรุษของข้า?”
ซือหยูคารวะเทพเจิ้งคนก่อนทีละคนและพูดด้วยความจริงจัง
“เทพผู้ล่วงลับต่างต่อสู้เพื่อโลกใบนี้ด้วยโลหิตและชีวิตของตนข้าเป็นผู้มาใหม่ ข้าอยากถือโอกาสนี้แสดงความนับถือต่อพวกเขา ข้าหวังว่าอดีตเทพเจิ้งจะอวยพรให้พันธมิตรบูรพาเจริญรุ่งเรืองไปตลอดกาล!”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงังของเขาเจิ้งหยวนชิงค่อนข้างที่จะระแวงเพราะนางไม่เชื่อว่าซือหยูเป็นคนดีขนาดนั้น
หลังจากคารวะซือหยูลุกขึ้นและพูดกับเจิ้งหยวนชิงด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ
“ตระกูลเทพกระเรียนมีหลุมศพเพียงแค่สามข้าคารวะบรรพบุรุษเหล่านั้นแล้ว ข้าจึงถือโอกาสนี้คารวะเทพอื่นต่อไป! แล้วเจอกัน!”
ซือหยูเดินไปที่สุสานอื่นอย่างสง่าผ่าเผยเมื่อพูดจบ
เจิ้งหยวนชิงพูดเบาๆ กับตัวเอง
“เจ้าหมอนั่นกำลังจะก่อเรื่องอีกแล้ว!สุสานมากมายมีเจตจำนงของเทพที่ตายไป ถ้าเขาดูหมิ่นเทพเหล่านั้นก็ไม่มีใครช่วยเขาได้แล้ว!”
“นั่นคือซือหยูหรือ?” เทพเจิ้งที่อยู่ใกล้เจิ้งหยวนชิงเหลือบมองซือหยู
เจิ้งหยวนชิงพยักหน้า
“ใช่แล้ว!เขาเป็นคนฉลาดที่มีแต่ความคิดชั่วร้าย!”
“ถูกของเจ้า!เขามีแต่ความคิดชั่วร้ายจริง ๆ! เขาถึงกับใช้ความคิดนั่นกับเจตจำนงของเทพ!”
เทพเจิ้งจ้องมองซือหยูด้วยความโมโห
“หา!”
เจิ้งหยวนชิงอ้าปากค้าง
“ท่านแม่เขาทำอะไรกับบรรพบุรุษของเรารึ? มันจะมากไปแล้ว! กล้าดียังไงถึงคิดร้ายต่อบรรพบุรุษเรา!”
เทพเจิ้งตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ
“เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขาคารวะแต่สุสานที่มีเจตจำนงเทพอยู่เท่านั้น”
เมื่อได้ฟังเจิ้งหยวนชิงจับตาดูซือหยูและพบว่าเขาคารวะแต่สุสานที่มีเจตจำนงเทพเท่านั้น นางได้อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าเช่นนี้!เขาใช้ความคิดร้าย ๆ ของตัวเองกับเทพผู้ล่วงลับได้ยังไงกัน? ถ้าเขาทำให้เทพเหล่านั้นไม่พอใจ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่แน่!”
เจตจำนงของเทพผู้ล่วงลับเองก็มีความรู้สึกหากพวกเขารู้สึกหงุดหงิด พวกเขาจะลงโทษซือหยูโดยการควบคุมโครงกระดูก
แม้ว่าโครงกระดูกจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเทพแต่มันก็สังหารซือหยูได้อย่างง่ายดาย
“ก่อเรื่องรึ?ข้าไม่คิดแบบนั้นหรอก! ถึงจะไม่รู้ว่าเขาทำยังไง แต่ข้าสัมผัสพลังสายโลหิตเทพเจิ้งในตัวเขาตอนที่เขาคารวะได้!”
เทพเจิ้งกล่าว
“อะไรนะ?”
เจิ้งหยวนชิงมองเทพเจิ้งด้วยความตกใจ
“ท่านแม่ท่านหมายความว่าเขาคือ…พี่ชายที่พลัดพรากจากข้าไปนานรึ?” นางไม่คิดเลยว่าซือหยูจะเป็นบุตรของท่านแม่!
เทพเจิ้งตัวแข็งทื่อนางหันไปพูดกับเจิ้งหยวนชิงด้วยความโมโห
“เหลวไหล!เขาก็แค่ลอกเลียนพลังสายโลหิตของเรา!”
“โอ้!”
เจิ้งหยวนชองถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“โชคดีที่เขาไม่ใช่พี่ชายข้ามิเช่นนั้นข้าคงจะถูกรังแกไปชั่วชีวิต!”
“เขาไม่ได้ล่วงเกินบรรพบุรุษเรา!ข้าเลยแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาทำอะไร!”
เทพเจิ้งกล่าว
เจิ้งหยวนชิงแปลกใจเมื่อจับตามองซือหยูจากนั้นนางก็พบว่าเขาเดินผ่านสุสานมากมายและไปหยุดอยู่ที่…สุสานเทพตำรา
ไม่นะ!เขากล้าคารวะสุสานของเทพตำราได้ยังไง! ตระกูลเทพตำราคือตระกูลที่มีเกียรติยศยาวนาน มีเทพตำรามากกว่าสิบคนที่ล่วงลับไปแล้ว และในบรรดาเทพเหล่านั้นก็มีอยู่ห้าคนที่เหลือเจตจำนงเอาไว้
เขาเป็นคนที่ทำลายรากฐานและสังหารคนตระกูลเทพตำราเขาอาจจะตายถ้าเข้าหาสุสานเหล่านั้น
ซือหยูเดินไปราวกับไม่เห็นอันตรายเมื่อเขาเดินไปถึงสุสานอดีตเทพตำรา เขาไม่ได้คารวะแต่พูดด้วยความแปลกใจ
“เฮ้!แปลกชะมัด! หลุมศพอื่นกำลังปลดปล่อยแหล่งพลังเทพออกมาเพื่อบำรุงรักษาพันธมิตร ทำไมหลุมศพของเทพตำราถึงเงียบสงบเล่า? หรือว่าอดีตเทพตำราไม่มีเจตจำนงที่จะปกป้องพันธมิตรบูรพา?”
แม้เขาจะพูดไม่ดังมากนักทุกคนก็ได้ยินคำพูดของเขา
ณตอนนี้ สุสานแทบจะทั้งหมดได้ปลดปล่อยพลังออกมาแก่โลก แม้แต่สุสานที่ไม่มีเจตจำนงเทพอย่างเทพกระเรียนหรือเทพจิงเองก็พยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะปลดปล่อยพลังอันน้อยนิด
มีเพียงหลุมศพอดีตเทพตำราทั้งสิบที่เงียบเชียบในขณะนี้ทำให้พวกเขาสะดุดตา
เทพอื่นและทายาทแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินซือหยู
แต่พวกเขารู้ความจริงดีและพวกเขาก็ไม่ชอบเลย!
จะอย่างไรเทพเหล่านี้ล้วนสิ้นลมหายใจในโลกของพันธมิตรบูรพา แม้ว่าไม่อยากจะบำรุงรักษาพันธมิตรหลังความตาย ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่อยากจะกล่าวโทษพวกเขาเพราะพวกเขาควรจะแสดงความนับถือต่อผู้ล่วงลับ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดอะไรออกมา
แต่ซือหยูกลับพูดต่อไป
“ข้าไม่คิดเลยว่าเทพแห่งพันธมิตรบูรพาจะมีน้ำใจเช่นนี้พวกท่านถึงกับให้ที่ฝังศพเทพตำราที่ไม่แม้แต่ช่วยเหลือโลกใบนี้และปล่อยให้สิ่งมีชีวิตนับพันล้านชีวิตคารวะพวกเขา! สำหรับข้า หลุมศพสิบหลุมนี้ควรจะโยนทิ้งไปที่ธารดารา! ถ้าพวกมันไม่อยากจะทำอะไรให้โลกใบนี้ พวกมันก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่!”
เทพอื่นและทายาทต่างเหลือบมองกันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
พวกเขาเห็นด้วยกับซือหยูตระกูลเทพตำรานั้นแปลกประหลาด เป็นเรื่องที่รับได้หากเทพตำราสักคนไม่อยากจะฟื้นฟูโลกใบนี้ แต่ในสิบรุ่น ไม่มีเทพตำราสักคนที่คิดจะทำอะไรให้โลกใบนี้หลังจากความตายด้วยการปลดปล่อยพลังออกมา ดูเหมือนว่าคนตระกูลเทพตำราจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นสมาชิกพันธมิตรบูรพา
ดังนั้นจึงไม่มีใครชอบตระกูลเทพตำรา
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเทพตำรายังอยากที่จะสอดแนมเทพคนอื่นอยู่เสมอด้วยขุมทรัพย์เทพตำรา ซึ่งนั่นทำให้เทพอื่น ๆ ไม่สบายใจ
สำหรับเทพอื่นในพันธมิตรเทพตำรานั้นน่าขยะแขยง
หลายคนพยายามที่จะขว้างหลุมศพเทพตำราไปยังธารดาราแต่อดีตเทพตำราทุกคนล้วนแข็งแก่ง และตระกูลเทพตำรายังมีความสัมพันธ์อันดีต่อเทพเซียนคันฉ่องอีกด้วย และเมื่อตระกูลเทพตำราไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย เทพอื่นก็ได้แต่ทำเป็นมองการกระทำของพวกเขาไม่เห็น
นี่จึงเป็นเหตุที่มีเทพหลายคนเลือกแอบช่วยซือหยูเมื่อเขาพยายามจะทำลายขุมทรัพย์เทพตำรา
เมื่อซือหยูพูดถ้อยคำที่พวกเขาไม่กล้าพูดหลายคนก็แอบหัวเราะเบา ๆ
แม้แต่เจิ้งหยวนชิงเองยังพูดด้วยรอยยิ้ม
“คำพูดเขาหยาบคายแต่ก็มีเหตุผล!ข้าไม่คิดเลยว่าหลุมศพทั้งสิบของเทพตำราจะเป็นแบบนี้…ฮื่ม!”
นางถอนหายใจซือหยูเองก็อุทานขึ้นมา
“ประชากรพันธมิตรกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ดินกำลังขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ! ยากสำหรับผู้คนที่จะหาหลุมฝังศพตัวเองซึ่งมีราคาแพงได้! เรายังหาที่ฝังเทพกระเรียนที่เพิ่งจะล่วงลับไปไม่ได้เลย! ข้าว่าเราควรจะเอาสุสานเทพตำราออกไปจากโลกใบนี้เสีย และถ้าหากพวกเขาไม่ห่วงใยโลกใบนี้ ข้าก็คิดว่าพวกเขาคงสบายใจหากได้ล่องลอยในธารดารา! มีแต่ได้กับได้!”
ซือหยูพูดต่อไปราวกับจะขุดหลุมเหล่านั้นขึ้นมา
แม้จะมีเทพหลายคนอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่มีใครเลยที่หยุดซือหยู ราวกับว่าพวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดอันชั่วร้ายของเขา
ขณะเดียวกันลึกในสุสานเทพตำรา ฉินเฟยเฉินกำลังคุกเข่าลงกับพื้นและพูดคุยกับดวงวิญญาณบรรพบุรุษเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลผ่านกระแสจิต
เขาบอกบรรพบุรุษว่าซือหยูได้ทำลายรากฐานของตระกูลและล้างบางคนในตระกูล
เมื่อฉินเฟยเฉินเห็นว่าบรรพบุรุษเริ่มโกรธเกรี้ยวเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ซือหยู!ถ้าเจ้ารอดชีวิตจากดวงวิญญาณเทพห้าคนที่พยายามสังหารเจ้าได้ ข้าก็จะยอมรับความฉิบหายของข้า!”
นี่คือแผนของฉินเฟยเฉิน
ซือหยูนั้นต้องเข้าร่วมพิธีชุมนุมเทพแน่นอน
ฉินเฟยเฉินเพียงแค่ต้องบอกบรรพบุรุษของเขาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลจากนั้นเทพผู้ล่วงลับจะรีบออกจากสุสานไปสังหารซือหยูทันที
และมีดวงวิญญาณเทพผู้ล่วงลับถึงห้าดวง!ซือหยูจะถูกสังหารไม่ว่าจะมีว่าที่เทพกี่คนพยายามปกป้องเขา
ปัญหาเดียวก็คือการล่อให้ซือหยูมาที่สุสานเทพตำรา
ถ้าหากซือหยูอยู่ห่างเกินไปดวงวิญญาณเทพจะถูกหยุดจากเทพคนอื่นที่นี่
เมื่อฉินเฟยเฉินกำลังแอบคิดอยู่นั้นเองคำพูดอันอุกอาจของซือหยูก็มาถึงหูของเขา ฉินเฟยเฉินหงุดหงิดขึ้นในทันทีเพราะไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าหยาบคายต่อหน้าบรรพบุรุษของเขา
ไม่นานฉินเฟยเฉินก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นเจ้าเอาหัวมาถึงคมกระบี่เองนะ อย่ามาหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน!
เจ้ามาเคาะประตูเรือนข้าตอนที่ข้ากำลังคิดว่าจะล่อเจ้าเข้ามายังไง!แล้วเจ้ายังดูหมิ่นเทพตำราอีก!
ตอนนี้คำพูดเจ้าทำให้เทพตำราทุกคนโกรธแค้นนั่นมันดีเสียกว่าการเล่าของข้าอีก!
“ซือหยูวันนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีกแล้ว!”
ฉินเฟยเฉินแสยะยิ้มราวกับได้เห็นความตายของซือหยู
เขาไม่คิดว่าซือหยูเองก็คิดแบบเดียวกันในใจหึหึ! ฉินเฟยเฉิน อย่างที่คิดเลย เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง! เช่นนั้น ข้าจะไม่ฆ่าแค่เจ้า แต่จะพังสุสานบรรพบุรุษเจ้าทั้งหมดไปเลย!