The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1209 - โลกเสี้ยววิญญาณ
เมื่อได้ข้อมูลที่เจิ้งหยวนชิงเตรียมไว้ให้อสูรที่เทพรากษสคิดจะช่วยก็คือบุตรของเทพรากษสที่มีโลหิตอสูรผสมอยู่ด้วยนั่นเอง!
เจิ้งหยวนชิงหันไปมองตาซือหยูก่อนจะรายงานเรื่องใหญ่อีกเรื่อง
“ขุมทรัพย์เทพตำราเองก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตระกูลเทพรากษสได้ตกลงกับตระกูลเทพเซียนคันฉ่องและตระกูลเทพตำราเมื่อไม่กี่ยุคก่อน”
“ด้วยความสนับสนุนของเทพรากษสขุมทรัพย์เทพตำราจึงถูกสร้างขึ้นสำเร็จ มันใช้เพื่อกุมความลับเทพทั้งหมดเพื่อที่จะได้รู้จุดอ่อนไว้ใช้เล่นงาน ช่างน่าเกลียดนัก!”
เหล่าเทพหนาวสั่นที่แผ่นหลังเมื่อได้ยินเรื่องการกำเนิดของบุตรเทพรากษสและเทพอสูร
ถ้าหากเทพรากษสเผยจุดอ่อนของพวกเขาต่อเผ่าอสูรล่ะก็…
เพียงแค่คิดก็ทำให้เทพทั้งหลายเจ็บแค้นแล้ววิกฤติครั้งใหญ่กำลังจะมา
เทพหลายคนมีจุดอ่อนสำคัญถ้าหากเผ่าอสูรรู้ พวกเขาจะถูกกำจัดอย่างง่ายดาย
“ตระกูลเทพตำรามันคิดชั่ว!”
เทพหลายคนมิอาจข่มความโกรธแค้นในใจได้อีกแล้วแม้ว่าจะมีฑากิณีผู้เป็นเทพแห่งความรักดั่งพระมารดาอยู่ก็ตาม
“เราควรจะทำลายขุมทรัพย์เทพตำราตั้งแต่แรกแต่เพราะเทพรากษสเตือน เราเลยไม่ทำอะไร! แต่เป็นนางนั่นแหละที่เป็นตัวการ!”
“พวกมันเป็นตระกูลเทพไม่รู้สำนึกอยู่กินโดยใช้ทรัพยากรของเราเพื่อประทุษร้ายแก่แผ่นดิน! พวกมันควรตายหนึ่งพันหน!”
…
เหล่าเทพพากันโกรธแค้นซือหยูพูดเสริม
“ข้าเกรงว่าจะไม่มีเทพที่เกี่ยวข้องแค่เพียงสามเมื่อครู่ก่อน เทพรากษส เทพเซียนคันฉ่อง เทพวารี และเทพศิลาได้ไล่ล่าข้าพร้อมกับมาขวางทาง พยายามหยุดข้าไม่ให้เปิดเผยความจริงกับเทพทุกท่าน!”
“เทพทุกคนควรผ่านการสืบสวนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์พวกเศษขยะแก่พันธมิตรบูรพาจะต้องถูกถอนรากถอนโคน!”
เทพวารีกับเทพศิลาก็มีส่วนด้วยรึ?โทสะของพวกเขาระเบิด
พวกเขาไม่เคยคิดว่าเผ่าอสูรจะมีอิทธิพลต่อพันธมิตรบูรพาถึงเพียงนี้!
เทพทุกคนหันมองฑากิณีรอให้นางตัดสินใจเป็นคนสุดท้าย
ฑากิณีเหลือบมองเทพทุกคนพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“พวกเราเป็นเทพจำเป็นแล้วหรือที่จะต้องหันคบดาบใส่กันและกัน?”
แต่คำพูดของนางไม่ทำให้ผู้ใดคล้อยตามอีกแล้ว ครั้งนี้เหล่าเทพมิอาจทนความเห็นอกเห็นใจของฑากิณีได้อีก
เหล่าเทพพูดตามๆ กัน
“เผ่าอสูรมิได้น่าชิงชังแต่ที่ชิงชังคือพวกคนโสโครกในเผ่าอสูรที่แปลงกายเป็นพวกเดียวกับเรา ฑากิณี หากท่านทำไม่ได้ เราจะรับผิดชอบกำจัดพวกชั่วช้าเอง!”
เมื่อมีเทพหนึ่งคนเอ่ยปากเทพอีกสองคนก็พูดออกมา แม้ว่าฑากิณีจะไม่อยากคิดร้าย นางก็ทำได้แค่พูด
“ก็ได้เราจะทำตามกฎของพันธมิตร!”
ซือหยูจ้องมองฑากิณีและเย้ยหยันในใจพระแม่ผู้นี้รู้แล้วว่ามิอาจพลางศัตรูในพรรคพวกต่อหน้าเหล่าเทพได้แล้วรึ?
ถ้าหากพวกเขาไม่พบคนทรยศเร็วกว่านี้คนพวกนี้จะบ่อนทำลายจากภายในและสังหารทุกคนจนสิ้นเมื่อเผ่าอสูรรุกรานมาด้วยกำลัง
ถึงตอนนั้นฑากิณีจะมีโอกาสได้แสดงความรักอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาของนางต่อทุกคนหรือ?
เมื่อซือหยูถูกใส่ร้ายว่าสังหารฉินคั่วเมื่อครู่ก่อนฑากิณีมิได้ให้อภัยหรือเมตตาแก่เขา นางใช้นามแห่งพันธมิตรเป็นข้ออ้างแทนยตัวเอง
‘นางเมตตาก็แค่กับศัตรูแต่ไร้ปรานีกับคนฝ่ายตัวเอง หึ! พระมารดาปากว่าตาขยิบเอ้ย!’
ซือหยูคิด
แต่ซือหยูรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมที่จะเผยความคิดร้ายต่อฑากิณี
เมื่อเทพทำการสืบสวนจะมีสิ่งใดที่พวกเขาหาไม่เจอเล่า?
นอกจากรู้ถึงความเกี่ยวข้องของเทพวารีและเทพศิลาแล้วพวกเขายังพบว่ามีเทพอีกสามคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้
เทพทั้งสามหวังว่าจะรอดพ้นจากโทษทั้งสามทำได้แค่หนีในวาระสุดท้ายเมื่อถูกจับได้ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ชัดเจน…ทั้งสามถูกสังหารโดยเหล่าเทพที่โทสะเต็มกายร่างกายและดวงวิญญาณแหลกสลายไปพร้อมกัน!
โลหิตสีทองหลั่งรินบนโลกสามใบไม่หยุดหย่อน
ทั้งพันธมิตรกำลังอยู่ในความกลัวตื่นตระหนก และเศร้าหมอง
เทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหก…ดับสูญภายในวันเดียวกัน!
โลหิตละเลงไปทั่วพันธมิตรอย่างที่ซือหยูกล่าไว้ว่าเขาจะทำให้พิรุณโลหิตเทพหลั่งชะโลมล้างมลทินให้พันธมิตรร้อยเทพ
ในขณะเดียวกันตระกูลเทพทั้งหกยังถูกกวาดล้าง!
ทายาทถูกสังหารในทันทีไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
การนองเลือดที่ไม่เคยเห็นมาหลายยุคสมัยได้เกิดขึ้นในพันธมิตรบูรพา
ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือเทพรากษสที่เป็นตัวการได้หนีไปยังจักรวาลเวิ้งว้างด้วยเรือกระดูกเทพที่ปล้นจากท่าและเหล่าเทพตามล่านางไม่ทัน
เทพรากษสที่เป็นอันดับสี่มีพลังน่ากลัวเพียงใดคงไม่ต้องอธิบายถ้าหากนางซุ่มโจมตีระหว่างรอคนที่ตามล่าก็ต้องใช้เทพหลายคนถึงจะรับมือนางได้
เพื่อที่จะกำจัดภัยพันธมิตรต้องจัดกลุ่มเทพเก้าคนเพื่อตามล่าผ่านเรือกระดูกเทพ นำโดยเทพการค้าและเทพเจิ้ง
ขณะที่เหล่าเทพทุกคนต่างตื่นเต้นในการตามล่านางมีเทพคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เต็มใจแม้สักนิดเดียว ดูจากสีหน้าหม่นหมองของเขา
“ทำไมจะต้องเอาข้าไปด้วยกัน?!”
ซือหยูไม่ชอบใจนัก
ในการประชุมเทพทุกคนซือหยูถูกเลือกให้เป็นหน่วยตามล่าผู้มีเกียรติด้วยผลคะแนนเก้าสิบเก้าคะแนน โดยมีซือหยูเพียงคนเดียวที่ปฏิเสธ เหล่าเทพยิ้มแย้มพวกเขาจงใจเมินสีหน้าของซือหยู
พวกเขาทำแบบนี้ก็เพราะว่ากังวลที่จะทิ้งซือหยูไว้ในพันธมิตรบูรพา!
เพียงแค่สองปีเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในพันธมิตรมากเพียงใดกัน? ก่อนหน้านี้ เขาได้เริ่มสงครามระหว่าเทพกระเรียนและเทพจิง และตอนนี้เขากำลังก่อสงครามและสังหารเทพไปหลายคน
ถ้าหากไม่มีใครจับตามองเขาพวกเขาก็เกรงว่าเมื่อพวกเขาออกจากพันธมิตรไป ซือหยูจะทำเรื่องใหญ่แก่พันธมิตรอีก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทั้งกลัวและชอบ ‘ภัยพิบัติ’ ที่ซือหยูก่อขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะพาซือหยูไปในหน่วยล่าด้วย
เจิ้งหยวนชิงย่อตัวเท้าคางหน้าซือหยู
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยน่าเราต้องเดินทางไกลในระหว่างการล่านี้ จักรวาลกว้างใหญ่ มิได้มีแค่พันธมิตรบูรพา”
นางปลอบเขาด้วยรอยยิ้ม
ทายาทเทพหลายคนเข้าร่วมการล่านี้ด้วยเช่นกันพวกเขามิได้สร้างความได้เปรียบอันใด แต่พวกเขาจะได้ประสบการณ์กลับไปแน่นอน
ซือหยูไม่พอใจเท่าใดนักเขาคิดหาวิธีรับมือกับโลกทั้งหกใบและเทพรากษส แต่ถูกพาตัวมาขณะที่วางแผนนั้นเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจไม่ได้เลย
เจิ้งหยวนชิงหัวเราะเมื่อมองหน้าซือหยูนางเหลือบมองฉินเฟยเฉินที่ถูกมัดทั้งตัวและทำลายพลัง นางกระพริบตาอันน่ารัก
“นี่ทำไมเจ้าถึงไว้ชีวิตมันกันเล่า?”
ทายาทเทพทุกคนที่เกี่ยวข้องล้วนต้องโทษประหารถึงแม้ว่าฉินเฟยเฉินจะเป็นคนที่มีความผิดสูงสุด ซือหยูก็ขอให้ไว้ชีวิตเขา
ซือหยูตอบ
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ?วัชพืชทั้งหมดต้องถูกถอนรากถอนโคน พวกชั่วช้าต้องถูกจัดการให้สิ้นซาก เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเทพตำรายังลอยนวลอยู่?”
“เจ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนรึ?”
เจิ้งหยวนชิงถามด้วยความสงสัย
ซือหยูฉีกยิ้ม
“ถ้าข้าคิดถูกเราจะเจอรอยเท้ามันพร้อมกับเทพรากษสนั่นแหละ!”
“ที่ไหนล่ะ?”
เจิ้งหยวนชิงกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
นางเชื่อว่าซือหยูปิดบังอะไรบางอย่างจากนางอยู่ประสบการณ์ที่เจอซือหยูมาโดยตลอดได้พิสูจน์กับนางแล้วว่าการคาดเดาของซือหยูนั้นไม่เคยพลาด!
“ที่โลกเสี้ยววิญญาณ!”