The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 338
“นี่เป็นเสียงเห่าของสุนัขที่พ่ายแพ้รึ? ถ้าไม่มีคนมาขวางตอนนั้นเจ้าก็ตายไปแล้ว!”
เฉินยู่เหลียนมองเหยียดหยาม
ร่างอันลางเลือนของนางมาถึงที่แผ่นหลังซือหยูอย่างเงียบเชียบ
มีดคมกริบค่อยๆทะลวงแผ่นหลังของซือหยู
“อย่างนั้นรึ?”
ซือหยูฉีกยิ้ม เขาหันกลับไปทันทีและปล่อยแสงทมิฬออกจากดวงตา
ในระยะเช่นนี้ การโจมตีทางวิญญาณที่มิอาจป้องกันได้เข้าสู่สมองของเฉินยู่เหลียน
อ๊า—-
นางกรีดร้อง นางเจ็บปวดจนในดวงวิญญาณ วิชาที่นางได้เคลื่อนไหวได้แสดงออกมาทันที
“อ๊า! วิชาลับนี่มันอะไรกัน?”
เฉินยู่เหลียนตกใจและหวาดกลัว
ความแข็งแกร่งในดวงวิญญาณของซือหยูตอนนี้เหนือกว่าคนที่ฐานพลังเท่ากันอย่างมาก แม้เขาจะสังหารอำมฤตระดับสามขั้นกลางไม่ได้…มันก็ยากที่นางจะไม่บาดเจ็บ
“แน่ล่ะ มันคือวิชาที่จะเอาไว้ฆ่าเจ้า!”
ผนึกเพลิงเมฆาที่หน้าผากของซือหยูส่งพลังอันเยือกเย็นออกมา
น้ำแข็งสีขาวก่อร่างเป็นกระบี่ มันพุ่งออกไปตามที่ซือหยูควบคุม!
แกร๊ก—
อากาศบีบตัว หมอกขาวปรากฏขึ้นในทุกที่ที่กระบี่แล่นผ่าน ไอวารีในอากาศกลายเป็นน้ำแข็งตกสู่พื้น
สิ่งรอบข้างได้เข้าสู่กาลเหมันต์
เฉินยู่เหลียนที่เจ็บปวดอย่างหนักรู้สึกถึงภัยร้ายในทันที
นางชักสีหน้า นางตอบสนองได้รวดเร็วและคาดเดาทางที่ซือหยูจะโจมตี นางสะบัดมือสวนกลับ
“เป็นแค่สุนัขที่พ่ายแพ้แต่บังอาจจะฆ่าข้ารึ?”
ตู้ม—
แต่เมื่อทั้งปะทะกัน มีดในมือเฉินยู่เหลียนได้กลายเป็นน้ำแข็ง มันเย็นอย่างมาก!
พลังความเย็นที่ถึงตายเข้าสู่ร่างของเฉินยู่เหลียน มือขวาทั้งมือของนางกลายเป็นน้ำแข็ง!
มือที่ถูกแช่แข็งของนางได้แตกเป็นเสี่ยงๆ โลหิตและผิวหนังร่วงหล่นกับพื้นแตกเป็นฝุ่นผง
ไม่มีโลหิตที่ไหลออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อยเพราะโลหิตทั้งหมดได้กลายเป็นน้ำแข็ง
เฉินยู่เหลียนเสียมือขวาไป…เพียงแค่การปะทะเดียว!
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือความเย็นนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง มันแพร่กระจายไปยังแขนขวา พยายามจะเปลี่ยนทั้งร่างของนางให้เป็นน้ำแข็ง!
อ๊า—-
เฉินยู่เหลียนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว นางกำลังอดทนอยู่กับความเจ็บปวด
แต่แม้กระนั้น เฉินยู่เหลียนก็ยังไม่เสียสติ ความเร็วในการตอบสนองของนางนั้นยอดเยี่ยม นางคว้าแขนขวาด้วยมือซ้ายที่เหลือและกระชากมันออกมาอย่างรวดเร็ว!
โลหิตกระจายไปทุกหนแห่ง บางส่วนกระเด็นใส่ใบหน้าของนางทำให้นางดูคล้าบกับผี!
แววตานางเต็มไปด้วยความชิงชัง นางตะโกนเสียงดัง
“ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า!!”
ซือหยูสีหน้าเย็นชา
“เจ้าทำได้แค่เห่ารึ? นี่รึวิชาลอบสังหารที่เจ้าภูมิใจนักหนา? ธรรมดานัก!”
“ถ้าเจ้าพลาดครั้งนี้ เจ้าก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
เมื่อซือหยูพลังเพิ่มขึ้น ความน่ากลัวของเฉินยู่เหลียนได้ลดลงไปมาก
เฉินยู่เหลียนกุมแขนเอาไว้ แววตาของนางเยือกเย็น
“หยินหยู! ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ ข้าก็แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ตายดีแน่!”
ครืน—
การต่อสู้อันเข้มข้นทำให้พลังวิญญาณโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้คลื่นพลังมิติถูกรบกวน
การยักย้ายล้มเหลว!
ซือหยูกับตู่หลงหนีออกไปไม่ได้!
นี่คือความตั้งใจจริงของเฉินยู่เหลียน
แม้นางจะฆ่าซือหยูไม่ได้ แต่การหยุดซือหยูไม่ให้ยักย้ายตัวเองไปก็หมายความว่าเจ้าเมืองอันยี่จะเข้ามาสานต่อได้
“ก่อนเขาจะได้ฆ่าข้า อย่างน้อยข้าก็กำจัดเจ้าได้!”
เป็นเพราะนาง ซือหยูกับตู่หลงจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เช่นนี้พร้อมกัน
เขาจะต้องฆ่าผู้หญิงคนนี้!
ฟึ่บ–
ความเร็วในการตอบสนองของนางนั้นรวดเร็วอย่างมาก นางตอบและหัวเราะ
“ค่อยพูดตอนที่เจ้าตามข้าทันเถอะ!”
ร่างของนางบิดเบือนหายไป!
“คิดจะหนีรึ?”
แสงสีเทาฉาบแววตาซือหยู เขาปล่อยคลื่นวิญญาณออกไปในทุกทิศทาง
ในตอนนั้นเอง คลื่นวิญญาณได้สะท้อนกลับมาจากทิศเหนือ แสดงเป็นรูปร่างมนุษย์ในวิญญาณของซือหยู
พรึ่บ–
ซือหยูเรียกธนูมังกรฟ้าดินออกมาและสร้างลูกธนูยิงไปยังทิศเหนือโดยไม่ลังเล!
อ๊า—-
ศรพลังวิญญาณทะลวงอากาศอันว่างเปล่า ตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
เฉินยู่เหลียนเกิดบาดแผลขนาดใหญ่ทมี่เอว วิชาเร้นกายของนางหายไป นางกระแทกลงกับพื้น
นางทั้งตกใจและเจ็บปวด นางกระอักเลือดออกมา
“ได้ยังไง….เจ้าหาข้าเจอได้ยังไง?”
แม้แต่ฮั่นเจียงหลินก็ไม่ได้มองผ่านวิชาเร้นกายของนางได้โดยง่ายเช่นนี้
หยินหยูทำอะไรกัน?
ฟึ่บ–
ซือหยูไล่ล่านางอย่างรวดเร็ว
เฉินยู่เหลียนหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของซือหยู ความกลัวกัดกินจิตใจของนาง
นางมักจะเป็นฝ่ายที่สังหารผู้คนด้วยวิชาลอบสังหาร นางเคยคิดว่าความตายนั้นห่างไกลนักจากตัวนาง ในวันนี้…นางได้รู้แล้วว่าความตายอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด!
นางถูกกลืนกินด้วยความหวาดกลัว
“เดี๋ยวก่อน…อย่าฆ่าข้า ข้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น!”
เฉินยู่เหลียนกัดฟันขอร้อง
ก่อนหน้านี้ ในสายตาของนาง ซือหยูก็แค่สุนัขที่เกือบจะโดนนางฆ่าและไม่มีค่าให้พูดถึง
แต่ในตอนนี้นางกำลังอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขา
จิตสังหารของซือหยูไม่ได้ลดลงเลย
“ตอนที่เจ้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้ง่ายๆเยี่ยงสุนัข เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเจ้าทำตามคำสั่งคนอื่นอยู่? แต่ตอนที่เจ้าจะตาย เจ้ากลับผลักความรับผิดชอบไปให้กับคนอื่นรึ?”
“ความตายของเจ้ามันไม่มีค่าอะไรเลย!”
ตอนนี้ไม่มีเวลามากพอ ซือหยูจะลังเลไม่ได้ เขาซัดดัชนีใส่อกของนาง!
แต่ในตอนนั้นเองก็มีสายลมรุนแรงซัดใส่เขาเพื่อช่วยเฉินยู่เหลียน!
“เจ้าตำหนักหยินหยู ให้อภัยแล้วก็ลืมไปซะเถอะ เจ้าจะใช้ชื่อของเจ้าตำหนักได้อย่างไรถ้าเจ้าป่าเถื่อนเช่นนี้?”
เสียงอันหยาบคายดังขึ้น
ซือหยูหันไปมองและพูดอย่างเย็นชา
“เว่ยเทียนเฉิน?”
เขาคือหนึ่งในบุตรทั้งสี่ของหอสดับหิมะ เว่ยเทียนเฉิน!
เป็นเขาที่สั่งให้จางซือยี่ฆ่าซือหยูและเอาสมบัติมา
ในตอนนี้ เขาได้ปรากฏตัวมาแทรกกลางระหว่างซือหยูกับเฉินยู่เหลียน
ดูเหมือนว่าผลของนรกน้ำแข็งจะทำให้เว่ยเทียนเฉินสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาน่าจะมองดูการต่อสู้ของซือหยูกับเฉินยู่เหลียนอยู่ก่อนแล้ว มิเช่นนั้นก็คงไม่มีทางที่เขาจะขัดขวางได้ทัน
“ก่อนที่เจ้าจะมายุ่งเรื่องของคนอื่น เจ้าไม่ควรมองสถานการณ์ของเจ้าเองก่อนรึ?”
ซือหยูนั้นไร้ปรานี เขายังไม่ได้สะสางที่เว่ยเทียนเฉินสั่งจางซือยี่ให้มาฆ่าเขา!
เว่ยเทียนเฉินปกป้องเฉินยู่เหลียน เขาพูดอย่างใจเย็น
“เจ้าตำหนักหยินหยู ทำไมเจ้าจะต้องไล่ต้อนคนอย่างไร้ปรานีเช่นนี้? พวกเราต่างก็เป็นขุมกำลังของทวีปนี้ พวกเราควรจะสนับสนุนกันและเป็นมิตรมิใช่รึ?”
“เจ้าไม่คิดว่าเจ้าขาดการมองการณ์ไกลหรอกรึ? ถึงได้คิดฆ่าคนในทวีปเช่นนี้?!”
ไม่มองการณ์ไกลรึ? ซือหยูหัวเราะในใจ
ทุกคนรู้ว่าเฉินยู่เหลียนเข้ามาลอบโจมตีและเกือบจะสังหารซือหยู แต่ในคำพูดของเว่ยเทียนเฉินนั้นบอกว่าเป็นซือหยูเองที่กำลังสังหารยอดฝีมือในทวีปอย่างไร้ปรานี!
“เป็นมิตรรึ? เจ้าเห็นนางพยายามจะเป็นมิตรกับข้ารึ? ตอนที่ข้ากำลังเสี่ยงตาย ข้าไม่เห็นเจ้าโผล่หัวมาหยุดนางเลย แต่ตอนที่นางกำลังจะถูกข้าฆ่า เจ้ากลับกระโดดออกมาและบอกว่าข้าไม่มองการณ์ไกลรึ? ไร้ปรานีรึ?”
เว่ยเทียนเฉินหัวเราะ
“เจ้าตำหนักหยินหยู! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าสองคน ที่ข้าเห็นก็แค่เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าสตรีที่อ่อนแอ!”
“ในฐานะผู้เที่ยงธรรมและในฐานะรองเจ้าตำหนักแห่งอาณาจักรทมิฬ เจ้าไม่รู้สึกว่าเจ้าทำเกินไปอย่างไร้ยางอายบ้างรึ?”
ซือหยูหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าไม่รู้อะไรเลยแต่ก็ยังกล้าพูดจาติข้างั้นเรอะ? เจ้าจะพูดอะไรก็ได้ถ้าเจ้าเข้าข้างนาง การลอบกัดเช่นนี้คือธรรมเนียมของบุตรทั้งสี่หรือไงกัน?”
เว่ยเทียนเฉินโกรธเกรี้ยว เขาตะคอก
“หยินหยู! นับถือกันบ้าง เจ้าดูหมิ่นข้าได้ แต่เจ้าจะดูหมิ่นหอสดับหิมะไม่ได้!”
ซือหยูมองอย่างเย็นชา
“เว่ยเทียนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์น้องของเจ้าตายยังไง?”
เขาเบิกตากว้าง เว่ยเทียนเฉินกำหมัดแน่น เขาโกรธแค้น
“เขาโดนคนน่ารังเกียจสังหาร!”
“หึหึ…”
ซือหยูหัวเราะและส่ายหัว
“ไม่ใช่ มันตายก็เพราะว่ามันโอหังเกินไปต่างหาก!”
“เหมือนอย่างเจ้า มันประเมินตัวเองสูงเกินไป!”
ซือหยูบินเข้าไป แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะเปลี่ยนนามสี่บุตรแห่งหอสดับหิมะให้เป็นสองบุตรแห่งหอสดับหิมะ!!”