The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 352
“ท่านวีรบุรุษ ท่านมีคุณธรรมเช่นนี้ ข้าคงคิดว่าท่านคงไม่สนใจสมบัติธรรมดาๆของข้าหรอก ถ้าท่านมาที่นี่ครั้งแรก ปราการวิหคเพลิงก็คงจะใหม่กับท่าน ถ้าท่านอยากได้ข้อมูลอะไร ตระกูลเหยาก็จะช่วยท่านได้ ข้าคิดว่าให้ตระกูลเหยาช่วยน่าจะดีกว่าท่านทำด้วยตัวเอง”
ถ้านางพูดว่าจะให้โอสถหรือวิชาบ่มเพาะ ซือหยูคงไม่สนใจแน่นอน
แต่เขาต้องการข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลของเซี่ยนเอ๋อ
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอรบกวนด้วย”
ซือหยูไม่ปฏิเสธ
โจวจิ้งยิ้ม
“ขอบคุณที่ให้เกียรติพวกเรา โปรดตามข้ามา”
นางนำพวกเขามายังโถงหลักของตระกูลเหยา
ซือหยูสัมผัสได้ถึงนักสู้ขอบเขตอำมฤตระดับสามสิบคน
ด้วยพลังของคนเหล่านี้ ในร้อยดินแดนก็มีเพียงแค่ฮั่นเจียงหลินเท่านั้นที่จะต่อกรกับตระกูลนี้ได้
“โปรดรอข้าเปลี่ยนชุดสักเดี๋ยว ข้าจะกลับมาในไม่นาน”
โจวจิ้งขอตัวหลังจากที่สั่งชาให้พวกซือหยู
ฉีหยุนเซี่ยงอิจฉากับร่างของนางเล็กน้อย
“นางเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ทั้งรูปลักษณ์ นิสัยใจคอ รูปร่าง และฐานพลัง ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่าสตรีตระกูลเหยานั้นดูเหมือนจะโค่นเมืองลงได้ หรือว่านั่นจะเป็นโจวจิ้ง?”
โค่นเมืองรึ? ทุกการกระทำของนางนั้นล้วนจับใจ การพูดว่านางจะโค่นล้มเมืองลงได้นั้นไม่แปลกใจเลย
ตอนที่ทั้งสองคุยกันก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามา
เขาอายุประมาณยี่สิบเจ็ดปี เขาตัวเตี้ยและท้วม เขามีผิวคล้ำและดวงตาเป็นประกาย
เขาดูราวกับตัวตลกแต่ด้วยพลังที่แผ่ออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุรุษที่อันตราย
“เจ้ารึที่ช่วยภรรยาของข้า?”
ชายร่างเตี้ยพูดด้วยเสียงสูงราวกับขันที
ซือหยูเลิกคิ้ว เกิดอะไรขึ้นกัน? เขาถูกสงสัยรึ?
แต่ซือหยูก็ไม่แสดงความไม่พอใจออกมา ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นสามีของโจวจิ้ง
“ใช่แล้ว ภรรยาท่านเกือบจะแย่เพราะลูกมังกรธรณีอสรพิษ พวกเราบังเอิญผ่านที่นั่นและช่วยชีวิตนางไว้ได้”
ซือหยูพูดความจริง
ชายร่างเตี้ยมองซือหยู
“มังกรธรณีอรพิษ..เจ้าน่ะรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรนั่นสังหารอำมฤตระดับสามได้? แต่เจ้าฆ่ามันได้ง่ายๆและช่วยภรรยาข้าจากคมเขี้ยวของมันน่ะรึ?”
เอ๋? ซือหยูยืนขึ้น แม้เขาจะอายุเพียงสิบหกปี เขาก็ตัวสูงกว่าอีกฝ่ายอยู่มาก เขาก้มลงมองด้วยความเย็นชา
“เจ้าคิดว่าข้าช่วยภรรยาเจ้าแล้วอ้างเพราะโลภรางวัลของตระกูลเหยางั้นรึ?”
ชายร่างเตี้ยยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ช่วยภรรยาข้าแล้วอ้างว่าทำเช่นนั้นรึ? ถ้าเจ้าตั้งใจแค่นั้นข้าก็คงให้รางวัลเจ้าไปแล้ว!”
ซือหยูสับสน
“โอ้? เจ้าพูดต่อไปสิ ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดอะไร”
“ข้าต้องพูดอีกรึ? เจ้าน่ะวางกับดักแล้วทำให้ภรรยาข้าต้องกับดักนั้น เจ้าทำนางเชื่อใจและเข้ามาในตระกูลเหยาเพื่อจะมาเอาโอสถโบราณของพวกเรา!”
เขายิ้มอย่างเยือกเย็น
“กลไม้นี้น่ะมันล้าหลังไปตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้ว ยังมีคนกล้าใช้มันในวันนี้ยุคนี้อีก อวดดีนัก!”
ซือหยูที่ได้ยินตัวแข็งทื่อ
หลังจากได้สติเขาก็ส่ายหน้าและหัวเราะ
“ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะเป็นผู้ร้ายหลังจากที่ช่วยชีวิตคน! ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าจะเหนื่อยไปทำไมกัน?”
“ฮื่ม! ไม่ต้องมาแก้ตัว พวกเรารู้ว่าเจ้าทำอะไรลงไป!”
ซือหยูส่ายหน้าและไม่พูดอะไร ไม่มีทางที่จะคุยกับคนเช่นนี้รู้เรื่อง
“หยุนเซี่ยง ไปกันเถอะ พวกเราเป็นผู้ร้ายที่นี่แล้ว ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้…ข้าจะช่วยนางทำไม?”
ซือหยูคว้าตัวฉีหยุนเซี่ยงและกำลังจะจากไป
“เดี๋ยว!”
ชายร่างเตี้ยหยุดพวกเขา
ซือหยูยืนนิ่งโดยไม่หันไปมอง เขาพูดด้วยความใจเย็นอย่างประหลาด
“ทำไมกัน เจ้าอยากจะฆ่าข้าเพราะข้อสงสัยของเจ้าน่ะรึ? ถ้าเรื่องนี้แดงออกไป ชื่อเสียงตระกูลเหยาจะเป็นยังไงกันนะ?”
ชายร่างเตี้ยหัวเราะ
“ข้าไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น ข้าเห็นคนอย่างเจ้ามามากมาย ตระกูลเหยาจะไม่ทำอะไรเจ้า! แต่เจ้ายืมธนูของตระกูลเหยามา เจ้าไม่ควรจะคืนหรอกรึ?”
ธนูรึ? ซือหยูขมวดคิ้ว
“เจ้ากำลังจะบอกว่าข้ายืมธนูของตระกูลเหยามางั้นรึ?”
ชายร่างเตี้ยปรบมือ
“โอ้ที่รัก ทำไมเจ้าไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในป่ากับพวกเราล่ะ?”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–
โจวจิ้งออกมาพร้อมกับนักสู้ขอบเขตอำมฤตระดับสามสิบคน
พวกเขาล้อมซือหยูกับฉีหยุนเซี่ยง
ซือหยูมองรอบๆ และจ้องไปที่โจวจิ้ง
รูปลักษณ์งดงามของนางในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป
“โปรดคืนธนูมาเถอะท่าน อย่าทำเรื่องไร้รสนิยมและไร้ยางอายเช่นนั้นเลย ข้าอาจจะดูถูกท่านได้”
น้ำเสียงของโจวจิ้งนั้นไร้อารมณ์
ซือหยูวางมือไพล่หลังและยิ้ม
“ทำไมเจ้าไม่พูดเองเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นในป่านั่น?”
ชายร่างเตี้ยถอนหายใจแรง
“เจ้ามันคนไร้ยางอาย ไม่ยอมรับแม้กระทั่งความผิดของตัวเองแม้กำลังจะตาย! ที่รัก บอกทุกคนสิว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า!”
โจวจิ้งพยักหน้า นางพูดช้าๆ
“ครึ่งวันก่อน ข้าออกไปเก็บสมุนไพร ระหว่างทางข้าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือเและเข้าไปดู”
“ข้าเห็นท่านผู้นี้กำลังต่อสู้อยู่กับมังกรธรณีอสรพิษและกำลังย่ำแย่ ในช่วงเวลาเป็นตาย ข้าส่งธนูเงินที่ข้าใช้อยู่ตลอดให้เด็กคนนี้เพื่อใช้เป็นอาวุธ เขาเลยรอดออกมาได้! แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะคิดร้ายหมายตาธนูของข้า เขาคิดจะเก็บไว้กับตัว!”
“แล้ว…เขาก็เริ่มเกิดความคิดกระหายและพยายามจะขืนใจข้า!”
นางเริ่มร้องไห้เมื่อเล่าเรื่องราว ราวกับว่านางได้พบเจอกับความไม่เป็นธรรมอย่างร้ายแรง สีหน้าท่าทางของนางน่าสงสารเป็นอย่างมาก
“แต่ข้าไหวพริบดีพอเลยโกหกว่าข้าจะช่วยเขาขโมยโอสถจากตระกูลเหยา ข้าพูดแบบนั้นก็เลยรอดจากการถูกขืนใจมาได้!”
โจวจิ้งร่ำไห้และเข้าไปในอ้อมกอดของชายร่างเตี้ย นางอ้อนวอน
“เหยาหลิง โปรดมอบความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!”
คนตระกูลเหยาโกรธแค้น แต่ฉีหยุนเซี่ยงโกรธแค้นเสียยิ่งกว่า!
คนตระกูลเหยาโกรธแค้นก็เพราะว่าซือหยูได้ชิงธนูจากผู้มีพระคุณของเขาไป และถึงขั้นจะขืนใจนาง!
แต่ฉีหยุนเซี่ยงนั้นโกรธแค้นเพราะการแสดงของโจวจิ้ง นางบิดเบือนความจริงทั้งหมด
สุดท้ายนางก็รู้ว่าโจวจิ้งนั้นได้เห็นอาวุธอันทรงพลังเมื่อซือหยูช่วยชีวิตนางและเหตุที่นางพยายามอย่างมากที่จะพาซือหยูมาที่ตระกูลเหยา
ใครกันที่ไร้ยางอายที่สุด ณ ที่นี่?
ปั้ง–
เหยาหลิงทุบโต๊ะตรงหน้า มันกลายเป็นฝุ่นผง
สีหน้าของเขาโกรธเกรี้ยว
“เจ้า! บังอาจนัก! เจ้าเอาของตระกูลเหยาไปแล้วยังคิดจะขืนใจภรรยาข้า!”
“อย่าคิดว่าวันนี้เจ้าจะหนีไปจากตระกูลเหยาได้เลย!”
“ทหาร ฆ่าพวกมัน! ไม่มีข้อยกเว้นอะไรทั้งนั้น!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–
กลุ่มทหารรีบใช้วิชาสังหารด้วยความโกรธแค้น พวกเขาไม่ออมมือ
ซือหยูหัวเราะจนหลังคาสั่น
“ฮ่าๆๆๆๆ…น่าสนุกนี่ ข้าเห็นหลายคนนักที่คิดจะฆ่าข้าเพื่อเอาสมบัติของข้า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าถูกแต่งเรื่องใส่ร้ายหลังจากที่ช่วยชีวิตมันผู้นั้นไป!”
“น่าสนุก…น่าสนุกจริงๆ! แต่ก็คงจะน่าสนุกที่สุดถ้าข้าฆ่าพวกเจ้าจนหมด!”