The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 394
ที่ห่างออกไกลออกไปหลายแสนลี้ ข้างสระอันงดงามกลางป่า ซือหยูปล่อยหลิงเสี่ยวเทียนกับจ้าววิหคเพลิงออกมาจากหน้ากากนิรันดร์
เส้นผมหลิงเสี่ยวเทียนขาวราวกับเส้นผมของซากศพ เขาเหลือชีวิตอีกไม่นาน
ปั้ง–
ซือหยูคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก ดวงตาบวมแดง
“ท่านเจ้าตำหนัก!”
ซือหยูตะโกนด้วยความโศกเศร้าและรู้สึกผิด
ชีวิตใหม่ของเขามิได้ถูกใครมอบให้ แต่เป็นการแลกชีวิตของหลิงเสี่ยวเทียนเพื่อเขา ซือหยูกับหลิงเสี่ยวเทียนนั้นนับว่าไม่ได้ใกล้ชิดกัน แต่ในตอนนี้เขาก็มอบชีวิตตัวเองให้เพื่อช่วยซือหยู!
หลิงเสี่ยวเทียนริมฝีปากสั่นระริก เขาฝืนยิ้ม
“ดีเหลือเกินที่เจ้ายังไม่ตาย…”
ซือหยูเจ็บปวด
“ท่านเจ้าตำหนัก ข้าจะใช้ชีวิตของข้าช่วยท่าน!”
หลิงเสี่ยวเทียนส่ายหน้า เขาที่โล่งใจพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“ข้าไม่เสียใจอีกแล้ว…ก่อนตาย ข้าหวังว่าเจ้าจะสัญญากับข้าได้สักสองอย่าง”
ซือหยูพยักหน้า
“ข้าทำได้ทั้งนั้น”
“สาบานกับข้า ว่าเจ้าจะไม่ใช้พลังปีศาจกับคนในอาณาจักรทมิฬ ข้าเป็นคนของอาณาจักรทมิฬแม้จะยามตกตาย ถ้าเจ้าฆ่าพวกเขาด้วยพลังนี้ ข้าก็คงละอายใจที่จะต้องพบคนเหล่านั้นในโลกหน้า”
ซือหยูเงียบกริบ เฉินยิ่งกับไป่ลั่วเป็นคนที่เขาต้องสังหาร
“ย่อมได้! ข้าสัญญา! ข้าจะไม่มีวันใช้พลังปีศาจกับคนของอาณาจักร!”
เขาอาจจะไม่ต้องใช้พลังปีศาจในการสังหารคนพวกนั้น
“อีกข้อ…”
“หากราชาแห่งความมืดตกอยู่ในอันตราย โปรดเข้าช่วยเขา แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า!”
ซือหยูตอบอย่างไม่ลังเล
“ย่อมได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตข้า!”
หลิงเสี่ยวเทียนโล่งใจ
“นอกจากสิ่งนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว”
ซือหยูก้มคุกเข่า หลิงเสี่ยวเทียนหลับตา เขาหายใจรวยริน เขายังคงเป็นห่วงซือหยูแม้ตัวกำลังจะตาย
“หากข้าตาย เจ้าจะต้องใช้ชีวิตให้ดี อย่าคิดล้างแค้นให้ข้า ใช้พลังปีศาจให้ดี…”
หลิงเสี่ยวเทียนปากสั่น
“สุดท้าย จงถนอมตัวให้มากขึ้น ขั้นแรกของพลังปีศาจมีพลังร้ายที่ส่งผลกับเจ้าของ เจ้าต้องใช้พลังสตรีในการข่มพลังนั้น จงอย่าลืมเรื่องนี้”
ซือหยูตอบ
“หากข้าหาพลังสตรีไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นรึ?”
“ฐานพลังที่เจ้าดูดซับไปจะไร้ผล เจ้าจะกลับไปมีพลังเท่าเดิม มันจะเกิดขึ้นในขั้นแรกเท่านั้น หลังจากที่เจ้าคุ้นเคยกับพลังปีศาจแล้วมันจะไม่เกิดอีก เจ้าดูดซับฐานพลังของข้ากับเฉินยิ่งไปแล้ว จงตามหาพลังสตรีโดยเร็ว”
หลังพูดจบ หลิงเสี่ยวเทียนหลับตาเป็นครั้งสุดท้าย ประสาทสัมผัสของซือหยูหยุดนิ่ง เขาปล่อยพลังวิญญาณออกมาเพื่อยื้อชีวิตหลิงเสี่ยวเทียนทันที แต่หลิงเสี่ยวเทียนนั้นเป็นดั่งก้นบึ้งไร้ขอบเขต พลังวิญญาณหายไปทันทีที่เข้าสู่ร่างของเขา
จ้าววิหคเพลิงเดินเข้ามา สีหน้านางเคร่งเครียด
“ไม่ได้ผลหรอก พลังชีวิตของเขาหมดไปแล้ว เจ้าช่วยชีวิตเขาด้วยพลังวิญญาณไม่ได้”
ซือหยูใจหาย เขากระวนกระวาย หลิงเสี่ยวเทียนกำลังจะตายรึ? ตั้งแต่ที่ลี่กวงตายเพราะช่วยเขา ซือหยูได้ใช้ชีวิตโดยมีปมนั้นผูกอยู่ในจิตใจ เขารู้สึกผิดจวบจนถึงวันนี้ เรื่องแบบเดิมกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งรึ?
“ให้ข้าลองดูหน่อย”
จ้าววิหคเพลิงเฉือนนิ้ว หยดโลหิตที่มีพลังเพลิงหยดลงมา
หยดโลหิตหยดลงบนกากหน้าผากหลิงเสี่ยวเทียนและซึมสู่ร่าง ในตอนนั้น ความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายของเขา
“นั่นเป็นพลังของสายเลือดข้า…”
“มันจะยื้อชีวิตเขาได้สามเดือน แต่มันก็ได้เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะมีโลหิตมากเท่าใด ถ้าเจ้าช่วยเขาไม่ได้ในสามเดือน ทุกอย่างก็จบสิ้น”
ซือหยูดีใจมาก เขาคุกเข่าขอบคุณจ้าววิหคเพลิง
“ขอบคุณท่านจ้าวคณะ! หยินหยูผู้นี้จะไม่มีวันลืมพระคุณ”
นั่นดูเป็นเพียงโลหิตเพียงหยดเดียว แต่จ้าววิหคเพลิงก็หน้าซีด แก่นโลหิตนั้นเป็นสิ่งที่มีจำกัด และจ้าววิหคเพลิงยังเจ็บหนัก แก่นโลหิตนั้นยังจำเป็นต้องใช้เพื่อคงฐานพลัง การปล่อยมันออกมาไม่ต่างกับการทำให้นางตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเดิม ไม่มีสิ่งใดตอบแทนนางได้
จ้าววิหคเพลิงนั้นมองซือหยูด้วยความหลงใหล ซือหยูนั้นแสดงความจริงจังและความตกใจเมื่อนางเข้าช่วย นางคิดว่ายากนักที่จะได้เจอคนที่ภักดีอย่างซือหยู
ถ้าหากนางยังเป็นสาวและได้พบกับตำนานราชา…ที่รูปลักษณ์งดงามและเที่ยงธรรมเช่นนี้…นางอาจจะรักเขาหมดหัวใจ
จ้าววิหคเพลิงยิ้มเมื่อคิดเช่นนี้
“อย่าห่วงไปเลย…”
จ้าววิหคเพลิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฐานพลังข้าถูกทำลายไปแล้ว พลังของสายเลือดคงจะเปล่าประโยชน์ ให้ข้าใช้ช่วยชีวิตคนไม่ดีกว่ารึ?”
แต่นางมิอาจปิดบังความผิดหวังในน้ำเสียงได้ นางได้กลายเป็นคนไร้ค่าจากที่เคยเป็นผู้คุมสวรรค์ ความแตกต่างอันมหาศาลนี้ยากที่จะยอมรับ และนางยังต้องแบกรับความโศกเศร้าของเหล่าศิษย์นับไม่ถ้วน ฐานพลังนางถูกทำลายไป นางมิอาจแก้แค้นให้เหล่าศิษย์ได้อีก
ซือหยูเงยหน้ามองไปหน้าอันงดงาม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ซือหยูประทับใจในความอ่อนโยนของจ้าววิหคเพลิง นางโอบอ้อมอารีและบริสุทธิ์ผุดผ่อง แม้ว่านางจะอายุเกินกว่าสี่สิบปี นางก็ยังดูราวกับหญิงสาวในวัยยี่สิบ รูปลักษณ์ของนางนั้นงดงาม นางเป็นหญิงงามที่มีจิตใจอันงดงาม หากในชีวิตก่อนหน้าซือหยูได้พบกับสตรีเช่นนี้ เขาคงจะรักนางจนหมดหัวใจ
จ้าววิหคเพลิงหัวใจเต้นแรงเมื่อถูกซือหยูมองเช่นนั้น สายตาของซือหยูทำให้นางทำตัวไม่ถูก
เขาตาบอดอย่างเห็นได้ชัด จ้าววิหคเพลิงพูดในใจ เหตุใดเขาถึงส่งสายตาอันน่าจับตาเช่นนั้นได้เล่า?
นางคิดว่าซือหยูเสียการมองเห็นไปและใช้ประสาทสัมผัสในการแสดงออก
“เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไปรึ?”
จ้าววิหคเพลิงถามเปลี่ยนเรื่องเพื่อขจัดความกระอักกระอ่วน
“ข้าจะกลับไปตำหนักรองเพื่อหาของที่ใช้ช่วยท่านเจ้าตำหนัก”
“แล้วเซี่ยนเอ๋อเล่า?”
จ้าววิหคเพลิงถามอย่างอ่อนโยน นางอิจฉาเซี่ยนเอ๋อที่ได้มีสามีเช่นซือหยู
ซือหยูเงียบไปชั่วครู่ น้ำเสียงของเขาลึกซึ้ง
“ท่านเจ้าตำหนักมอบชีวิตที่สองให้ข้า ท่านเจ้าตำหนักกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้ามิอาจยกเรื่องของตัวเองมาใส่ใจ ถ้าข้าช่วยชีวิตท่านเจ้าตำหนักไม่ได้ ข้าก็มิอาจหาความสุขสงบ…หรือใช้ชีวิตที่หลงเหลือกับเซี่ยนเอ๋อ นี่คือความโศกเศร้าที่มิอาจเอาชีวิตแลกได้”
เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแล้วกับลี่กวง ซือหยูจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นกับหลิงเสี่ยวเทียนอีกคนได้อย่างไร?
จ้าววิหคเพลิงมองอย่างนับถือ นางประทับใจซือหยูอย่างมาก เขาต่อสู้กับสวรรค์เพื่อสตรีอันเป็นที่รัก แต่ก็สู้เพื่อผู้มีพระคุณด้วยโดยไม่ถูกความรักฉุดเอาไว้ บุรุษเช่นนี้สูงส่งโดยแท้จริง เหตุใดนางถึงไม่เคยได้เจอกับคนเช่นนี้มาก่อน?
“แล้วท่านล่ะ?”
ซือหยูถามอย่างกังวล
จ้าววิหคเพลิงฝืนหัวเราะ
“ฐานพลังข้าถูกทำลายไป คนพิการอย่างข้าจะไปทำอะไรได้? ข้าต้องเก็บความโศกเศร้าและกลายเป็นสามัญชน หาบุรุษแต่งงานและใช้ชีวิตต่อไปจนตาย”
หาบุรุษเพื่อแต่งงานรึ? ซือหยูรู้สึกเวทนาที่สตรีอันงดงามต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ข้าขอโทษที่ช่วยอะไรท่านไม่ได้…”
ซือหยูขอโทษอย่างจริงใจ ผลของโอสถนพอาสัญนั้นแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของจ้าววิหคเพลิง จะมีวิธีอื่นใดนอกจากหายาแก้พิษเล่า?
จ้าววิหคเพลิงยิ้ม
“การที่เจ้าช่วยชีวิตข้าก็เป็นสิ่งที่ข้ามิอาจตอบแทนได้อยู่แล้ว ข้าจะฝืนให้เจ้าช่วยข้าขจัดพิษได้อย่างไรอีก?”
ทั้งสองนิ่งเงียบไป
ซือหยูเก็บหลิงเสี่ยวเทียนในหน้ากากนิรันดร์ เขายื่นมือไปหาจ้าววิหคเพลิง
“ไปเถอะ ข้าจะพาท่านไปหาที่ปลอดภัย”
จ้าววิหคเพลิงรู้สึกประหลาดเล็กน้อยเมื่อยื่นมืออันอ่อนนุ่มไปหาฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นของซือหยู นางรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าตกใจในฝ่ามือ นางหัวใจเต้นแรงจากนั้นก็หัวเราะให้กับตัวเอง ทำอะไรของข้ากัน? เขาเป็นแค่เด็กนะ
และเขายังมีคู่หมั้นเป็นศิษย์ของนาง สถานะระหว่างกันนั้นกว้างเกินไป นางไม่ควรจะเป็นสุขเพราะความคิดต่ำช้าเช่นนี้
จ้าววิหคเพลิงข่มใจและพูดตามปกติ
“ไปกันเถอะ”
ซือหยูพยักหน้าย่อตัวเตรียมจะอุ้มจ้าววิหคเพลิงขึ้น แต่ในตอนนั้นเขาก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง เขาตัวแข็งทื่ออยู่กับพื้น
เหงื่อเม็ดโตไหลจากหน้าผาก เขาเจ็บปวดอย่างมาก ใบหน้าเขาบวมแดงอย่างรวดเร็ว ไอโลหิตล้อมรอบกาย สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป!
“แย่แล้ว! พลังปีศาจ!”
ซือหยูรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
เขารีบหาสมบัติในตัวที่มีพลังสตรี ตามที่หลิงเสี่ยวเทียนบอก การได้รับพลังปีศาจเป็นครั้งแรกนั้นยากที่จะควบคุม เขาต้องหาสมบัติที่มีพังสตรีเพื่อทำให้พลังปีศาจสงบลง มิเช่นนั้นฐานพลังของเขาจะลดลง หรือแย่กว่านั้น…ชีวิตของเขาจะเป็นภัย! แต่เขามีของอยู่แค่สองสามชนิด ไม่มีอะไรเลยที่มีพลังสตรี
“ท่านจ้าวคณะ ท่านมีสมบัติที่มีพลังสตรีอยู่หรือไม่?”
ซือหยูขอความช่วยเหลือ
ในตอนนั้น ทั้งร่างของเขาแดงก่ำ ฐานพลังไม่คงที่ ถ้าหากช้าไปกว่านี้ฐานพลังของเขาจะต้องตกลงมาอยู่ที่เดิมแน่นอน
จ้าววิหคเพลิงก็อยู่ด้วยในตอนที่หลิงเสี่ยวเทียนบอกซือหยูเรื่องนี้ เมื่อนางเห็นดังนั้นก็ชักสีหน้า ฐานพลังของหลิงเสี่ยวเทียนที่มอบให้ซือหยูกำลังจะสูญเปล่า ชีวิตของซือหยูกำลังมีภัย และซือหยูในตอนนี้ต้องการฐานพลังอย่างเร่งด่วน การตกไปอยู่ในอำมฤตระดับสามนั้นนับว่าเป็นภัยพิบัติสำหรับเขา เขาอาจจะหนีออกไปจากทวีปกลางไม่ได้
จ้าววิหคเพลิงหัวใจหยุดเต้น นางหาจนทั่วทั้งตัวแต่ก็ไม่มีสมบัติที่มีพลังสตรี
“ข้าไม่มีอะไรเลยเหมือนกัน!”
นางเศร้าหมอง
นางถูกจับตัวและไม่มีเวลาให้เตรียมสมบัติที่มักจะพกติดตัว นางเป็นกังวลเมื่อเห็นฐานพลังของซือหยูเริ่มลดลง
ซือหยูทั้งผิดหวังและขมขื่น
“ฐานพลังที่ท่านเจ้าตำหนักมอบให้ข้า…กำลังจะสูญเปล่าไปทั้งแบบนี้!”
จ้าววิหคเพลิงรู้สึกสงสารเมื่อเห็นสีหน้าของซือหยู เขาโทษตัวเองอย่างรุนแรงแต่นางก็ไร้สมบัติที่มีพลังสตรี
เดี๋ยวสิ…
ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรขึ้นมาได้ นางสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่ลังเล ดูเหมือนว่านางกำลังจะตัดสินใจเรื่องสำคัญ สุดท้ายนางก็กัดฟัน ใบหน้านางแดงระเรื่อ
“ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร…”
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ซือหยูประหลาดใจแต่ก็ทำได้แค่ตอบรับ
“ขอบคุณท่านจ้าวคณะ”
ซือหยูโล่งใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของจ้าววิหคเพลิงในตอนนี้ฐานพลังกำลังลดลง แต่จ้าววิหคเพลิงก็ลังเล นางขบริมฝีปากจ้องมองซือหยู แววตานั้นซับซ้อน มีน้ำตารื้นอยู่ในดวงตานั้น
ซือหยูตกใจ
“ท่านจ้าวคณะ…นี่มันอะไรกัน?”
จ้าววิหคเพลิงสีหน้าไร้อารมณ์
“หลับตาเถอะ”
ซือหยูตัวแข็งทื่อ เขาหลับตา
กลิ่นอันหอมหวานเข้าจู่โจมในตอนที่เขาหลับตา ซือหยูตกใจแต่สติของเขาก็หลุดลอยออกไป
ในตอนที่หมดสติ เขาได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจเบาๆและเสียงที่ไม่ไกล จากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นประหลาดก่อนที่สติจะหายไปจนหมดสิ้น