The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 397
ตระกูลหวังนั้นเชียวชาญในการเดินทาง ปีกของตระกูลหวังนั้นเป็นสมบัติล้ำค่า และพวกเขาก็นำมาเป็นของขวัญ!
ทุกคนหันไปมองตระกูลหลี่ สามตระกูลก่อนหน้านั้นหวาดกลัวต่อเก้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจำต้องมอบของที่ล้ำค่าที่สุด แล้วตระกูลหลี่เล่า?
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลี่ไม่พอใจนัก พวกเขามิอาจรับได้ที่ต้องถูกบังคับให้มอบของล้ำค่า แต่พวกเขามิอาจทำอะไรได้ สถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวนัก
“ฮ่าๆๆ ท่านยี่เหยา โปรดเก็บเขาแห่งความตายไว้กับท่านเถอะ มันมาจากยุคก่อน ถ้าให้กับคนที่เหมาะสม มันจะใช้อัญเชิญดวงวิญญาณของคนตายได้ การใช้งานของมันน่าตกตะลึงโดยแท้จริง”
ผู้คนโดยรอบเงียบกริบ แม้แต่หลงเฟยหยูที่สงบนิ่งก็มองด้วยความโลภ เขาแห่งความตายนั้นคือสมบัติเทพระดับสูงที่ร่ำลือ!
ไม่มีสมบัติเทพระดับกลางใดที่จะเทียบกับของสิ่งนี้ได้! ทั่วทั้งทวีปแห่งนี้มีสมบัติเทพระดับสูงไม่ถึงห้าชิ้น เขาแห่งความตายคือหนึ่งในนั้น แต่มันก็ต้องการคนที่มีพลังแห่งความตายเพื่อปล่อยพลังของสมบัติเทพ
ตระกูลหลี่นั้นมีคนที่ครอบครองพลังเช่นนี้ แต่พวกเขาก็มิอาจใช้พลังของมันได้ถึงหนึ่งในร้อยส่วน เพราะอย่างไรผนึกของเจ้าของเดิมของสมบัติเทพก็ยังคงอยู่
“นายน้อย นี่คือของขวัญเล็กๆจากข้า โปรดรับไว้เถอะ”
เจ้าเมืองอันยี่เดินเข้าไปยื่นขวดหยดโลหิต มันมีอยู่สิบหยด!
หยดหมื่นพล! มันสามารถลบผนึกของเจ้าของเดิมจากสมบัติเทพได้! ทุกคนใจเต้นแรง แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลหลี่ก็มองขวดโลหิตด้วยความโลภ วันนี้ไม่ต่างจากการทำให้เขาแห่งความตายกลับมามีพลังอีกครั้ง!
ยี่เหยาหายใจเร็ว เขามิอาจปิดบังความยินดีไว้ได้ มีสมบัติมากมายนัก! สมบัติทุกชิ้นยังเป็นสมบัติที่สามารถสั่นคลอนทวีปได้!
และตอนนี้ ทุกสิ่งเป็นของเขา+
แต่เขากำลังตั้งตารอดูของขวัญจากคนสุดท้าย หลงเฟยหยู! เขาจะได้อะไรจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กัน?
พรึ่บ–
หลงเฟยหยูหยิบเหรียญออกมา มันมีสีดำสนิทและแผ่รังสีเยือกยะเยือกออกมา มีลายมังกรทมิฬสลักเอาไว้
“นี่คือเหรียญมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรก ถ้าเป็นไปได้ นายน้อยจงเพิ่มฐานพลังให้ถึงอำมฤตระดับสี่ขั้นสูง ถึงตอนนั้นก็อาจจะใช้สิ่งนี้ได้”
เมื่อเหรียญปรากฏ ทุกคนก็ตกตะลึง
“อะไรกัน? นั่นมันเหรียญมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรก!”
เหล่าผู้เฒ่าจากทั้งสี่ตระกูลตกตะลึงไม่ต่างกัน แววตาของเหล่าหนุ่มสาวในตระกูลที่พามานั้นเต็มไปด้วยความโลภ
ผู้เฒ่าตระกูลฉีอ้าปากค้าง
“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านหลงจะนำสมบัติยิ่งใหญ่เช่นนี้มา…”
ที่เขาตั้งใจจะพูดก็คือเขานั้นยอมแพ้ วารีสวรรค์นั้นทำให้ผู้คุมสวรรค์ตายได้ แต่เหรียญมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรกนั้นจะทำให้ผู้คุมสวรรค์ถือกำเนิดขึ้น!
ว่ากันว่าในมหาสมุทรกว้างใหญ่ มีที่หนึ่งที่เรียกว่ามังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรก ที่นั่นถูกสร้างโดยพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ตั้งแต่ครั้งโบราณจนถึงตอนนี้ คนที่แข็งแกร่งมากมายในทวีปที่ถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จับกุมนั้นได้ถูกจองจำอยู่ภายใน
คนที่อ่อนแอที่สุดมีพลังขอบเขตอำมฤตที่เข้าขั้นราชามนุษย์ ว่ากันว่ามีพวกกึ่งเทพอยู่ในนั้นด้วย
ตั้งแต่ครั้งโบราณ คนมากมายถูกจองจำในที่นั่น ไม่มีใครรู้ว่ายังมีอีกกี่คนที่มีชีวิตอยู่ สิ่งเดียวที่คนภายนอกรู้ก็คือภายในนั้นมีดินแดนลับซ่อนอยู่
สมบัติลับมากมายอยู่ที่นั่น สมบัติส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมบัติที่ทำให้คนกลายเป็นผู้คุมสวรรค์ในข้ามคืน แต่ที่นั่นถูกปิดผนึกมาหลายปี มีเพียงเหรียญมังกรก้นบึ้งที่ได้จากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เท่านั้นที่จะใช้ผ่านไปยังดินแดนนั้นได้
ว่ากันว่าทุกคนที่ได้เข้าไปยังมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรกและมีชีวิตรอดกลับมาจะได้สำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์ แต่จำเป็นที่จะต้องมีฐานพลังอำมฤตระดับสี่ในตอนที่เข้าไป
ไม่มีสมบัติใดเทียบได้กับการได้มีโอกาสเป็นผู้คุมสวรรค์อีกแล้ว
ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยอำมฤตระดับสี่ แต่อำมฤตระดับห้านั้นหายากดั่งขนวิหคเพลิงและเขาของอาชา จำนวนของอำมฤตระดับห้ามืออยู่เพียงหยิบมือ
ในทวีปแห่งนี้ ในบรรดายอดฝีมือ เฉินคงคนเดียวที่ได้รับพรจากสวรรค์ได้สำเร็จระดับผู้คุมสวรรค์ นอกจากเขาก็เป็นเหล่าอำมฤตระดับห้าที่เป็นหัวหน้าของขุมกำลังยิ่งใหญ่ แม้แต่เก้าศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจช่วยให้ยี่เหยาได้กลายเป็นผู้คุมสวรรค์ได้ แต่เหรียญที่ได้มานี้ทำได้อย่างแน่นอน
ยี่เหยาหายใจเข้าลึก เขาตื่นเต้น
“ขอบคุณ! ขอบคุณทุกท่าน!”
ยี่เหยาประสานหมัดแสดงความเคารพและประทับใจจนน้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมา
เหล่าแขกจ้องมองของขวัญแสดงความยินดีด้วยความมุ่งร้าย แต่ทั้งหมดก็กลัวเก้าศักดิ์สิทธิ์ผู้ลึกลับมากกว่า ไม่มีกล้าจะลงมือทำอะไร
ในตอนนั้นเอง มีสายลมรุนแรงพัดมาจากด้านนอก เสียงดังสองครั้งดังมาพร้อมกับวัตถุทรงกลมที่หมุนมาพร้อมกับโลหิตบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเป็นศีรษะมนุษย์…ศีรษะของสองคนที่ให้การต้อนรับแขกที่ทางเข้า!
“สำหรับงานวิวาห์ใหญ่ของนายน้อยยี่เหยา…”
เสียงอันเยือกเย็นประกาศก้อง
“ข้า ท่านซือผู้นี้ยังมิได้ให้ของขวัญเลย โปรดรับสิ่งเล็กๆน้อยๆนี่เถอะ”
ท่านซือรึ?
ไม่มีใครได้ยินนามนี้มาก่อน แต่เขาเข้ามาสังหารคนตระกูลยี่และก่อเรื่อง เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา! ทุกคนมองศีรษะอย่างตกใจ เขาเป็นชายหนุ่มที่แบกโลงก้าวเข้ามาในห้องโถง
เขาอายุประมาณสิบเจ็ดปี เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวสะอาดและมีร่างกายผอมบาง ใบหน้าเขามีหน้ากากสีทองแดง เส้นผมสั้นสีแดงดั่งโลหิต พลังปีศาจอันเข้มข้นปะทุออกมาจากร่าง เขาเป็นใครกัน? แม้แต่เจ้าเมืองอันยี่ ฮั่นเจียงหลิน หรือยี่เหยาเองก็จำเขาไม่ได้!
ซือหยูหยิบแก้วสุราบนโต๊ะ เขาดื่มมันและหัวเราะเสียงดัง
“สุราเลิศรส! ฮ่าๆๆ…!”
ยี่เหยาโกรธแค้นและตกใจอย่างมาก! ใครกันกล้าเข้ามาขัดขวางงานแต่งงานแห่งทวีปเช่นนี้? เขายังกล้าสังหารหวงเสี่ยวหยานกับผู้อาวุโสไปอีก!
ยี่เหยาบินออกไปด้วยความโกรธและทุบโต๊ะเสียงดัง เขาโกรธแค้นจนสั่นไปทั้งตัว!
“ทหาร!”
เขาตะโกน
แต่ข้างนอกก็เงียบกริบ!
“อ๊ะ…ดูนั่นสิ!”
ซือหยูพูด
“ข้างนอกมีหิมะตก แปลกนัก หิมะนั้นสีดำ!”
ทุกคนมองข้างนอก ปราสาทถูกล้อมรอบด้วยเกล็ดหิมะทมิฬ มีหิมะทมิฬมากมายปกคลุมผืนดิน
ภาพอันเหนือจริงเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ชายเส้นผมโลหิตและหน้ากากสีเงิน เขาแบกโลกแล้วยังมาในยามที่มีหิมะทมิฬร่วงโรยจากนภา ความประหลาดของตัวตนและท่าทางนั้นทำให้ทุกคนตัวสั่นอย่างไม่สบายใจ
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ–
ทหารที่ประจำการในสวนรีบพุ่งเข้ามา
“จับตัวเขา!”
ยี่เหยาตะโกนและกัดฟันแน่น
ทหารสิบคนเข้ามาในระยะสามสิบศอกจากซือหยูพร้อมกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นทันที ซือหยูนั่งอย่างเงียบๆบนโต๊ะและไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย แต่เส้นผมสีโลหิตนั้นก็สยายออกทุนทีพร้อมกับพัดผ่านทหารทั้งหมด
ฟึ่บ–
ทหารที่โดนผมโลหิตผ่านได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ขี้เถ้าจำนวนมากหล่นลงสู่พื้น! ทหารทั้งสิบได้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา ไม่แม้แต่จะได้ตอบสนอง
ทุกคนเข้าใจแล้วว่าหิมะทมิฬเกิดจากสิ่งใด
ทั้งห้องโถงเงียบกริบ! เหล่าผู้เฒ่าจากทั้งสี่ตระกูลยืนขึ้นอย่างเคร่งเครียด พวกเขาหวาดกลัว พวกเขารีบปกป้องคนในตระกูลและถอยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาจะมีพลังแค่อำมฤตระดับสี่ขั้นสูงและพวกเขาเป็นผู้คุมสวรรค์ก็ตาม!
ยี่เหยาเบิกตากว้าง เขาอ้าปากค้าง
“เจ้า…ตระกูลกุย!”
ในแปดตระกูล ตระกูลกุยคือตระกูลที่น่ากลัวลึกลับที่สุดและยังกระหายเลือดที่สุด! คนตระกูลกุยกลืนกินเนื้อหนังและดูดซับฐานพลังของทุกสิ่งเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น! ตระกูลที่เหลือล้วนหวาดกลัวตระกูลกุย
“ตระกูลกุย!”
คนที่นั่งรอบซือหยูที่แสร้งใจเย็นในตอนนี้หน้าซีดเผือด พวกเขารีบลุกขึ้นยืนและถอยหนี ในพริบตาก็มีเพียงลซือหยูที่นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะตรงกลางงานวิวาห์
“อะไรกัน?”
ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พวกเจ้าไม่ได้มาเพื่อแสดงความยินดีกับตระกูลยี่ในงานรื่นเริงนี่หรอกรึ? นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ยี่เหยาถอยด้วยความกลัว
“วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า เจ้ามาฆ่าคนและสร้างความหวาดกลัวทำไมกัน?”
“นั่นก็เพราะว่ายังมีหนี้โลหิตที่ข้าต้องสะสางกับพันธมิตรอุดรทวีป”
“ข้าไม่เข้าใจ…”
ยี่เหยาโต้แย้ง
“ข้าไปสร้างปัญหากับตระกูลกุยเมื่อใดกัน?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก…”
ซือหยูตอบอย่างไม่ยี่หระ
“เจ้ารู้แค่ว่าวันนี้ นามของพันธมิตรอุดรทวีปจะถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ก็พอ!”
พวกเขาทำลายคณะวิหคเพลิงและบังคับให้ซือหยูต้องใช้พลังในตอนที่เขาบาดเจ็บปางตาย ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนั้น หลิงเสี่ยวเทียนก็คงไม่ต้องสละชีวิตเพื่อรักษาชีวิตของซือหยู! เพื่อหลิงเสี่ยวเทียน เพื่อผู้หญิงของเขา…จ้าววิหคเพลิง ซือหยูต้องชำระหนี้โลหิตครั้งนี้!
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาป่าเถื่อนได้…”
ยี่เหยาพูดด้วยความกลัว
“อย่าอวดดีให้มากนัก!”
ซือหยูยังคงแสดงสีหน้าที่อ่านไม่ออก
“ถ้าเจ้าพูดถึงเก้าศักดิ์สิทธิ์…มันบาดเจ็บอยู่ ข้าอยากรู้นักว่ามันจะกล้าปรากฏตัวออกมาตอนนี้หรือไม่!”
เก้าศักดิ์สิทธิ์ได้ต่อสู้กับราชาเขตแดน และแม้ซือหยูจะไม่เห็นผลจากการต่อสู้ เขาก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรเก้าศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้อยู่ที่ป่าทมิฬ ซือหยูไม่จำเป็นต้องกลัว
“ส่วนพวกเจ้า…”
ซือหยูพูดและมองไปยังแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
“ใครที่อยากจะเข้ามาแทรกระหว่างข้ากับพันธมิตรอุดรทวีปขอให้อยู่ใกล้ข้าในระยะหมื่นศอก ส่วนใครที่ไม่คิดจะเข้ามายุ่ง…จงไปให้ไกลจากข้าหมื่นศอก ข้าไม่อยากจะฆ่าคนบริสุทธิ์ อย่าบังคับให้ข้าต้องทำ!”
เหล่าแขกธรรมดาไม่ลังเลแม้แต่น้อย พวกเขารีบหนีไปในระยะหมื่นศอก ตระกูลทั้งสี่ลังเลเล็กน้อย
“ลุงเจี้ยน”
เด็กหนุ่มตระกูลฉีพูดขึ้น
“ด้วยพลังนั่น ท่านน่าจะรับมือกับเขาได้ และบนโต๊ะนั่น….”
เขาชี้ไปยังสมบัติเทพบนโต๊ะ
ผู้เฒ่าตระกูลฉีส่ายหน้าด้วยความโศกเศร้า เขาดึงเด็กหนุ่มในตระกูลให้ถอย
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าใช้ชีวิตของเราไปยุ่งกับโลหิตตระกูลยี่! ส่วนสมบัติพวกนั้น ยังมีผู้คนมากมายที่นี่…เจ้าคิดว่าเราจะเอาไปได้ทั้งหมดรึ? รอดูเถอะ! จนถึงตอนนี้เก้าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ปรากฏตัวมาเลย”
พรึ่บ พรึ่บ–
ตระกูลทั้งสี่ล่าถอย หลงเฟยหยูใช้พัดในมือพัดเบาๆ จากนั้นเขาก็ยิ้มและถอยออกไปหมื่นศอก
ตระกูลยี่ได้ทำให้ทุกตระกูลเข้ามาเพื่อมอบสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวระหว่างตระกูลกุยกับตระกูลยี่
ทุกคนถอยไปหมด มีแค่ยี่เหยา ฮั่นเจียงหลิน และเจ้าเมืองอันยี่ที่ยังอยู่!
ซือหยูเล่นกับน้ำเต้าทมิฬบนโต๊ะที่มีวารีสวรรค์
“ฮั่นเจียงหลิน เจ้าเมืองอันยี่ เรื่องของเจ้ากับข้าจะจบลงในวันนี้!”
ซือหยูกับทั้งสองมีหนี้แค้นที่มิอาจลืมเลือน และในคณะวิหคเพลิง ซือหยูยังถูกบังคับให้ต้องแสดงพลังออกมาจนเขาเกือบตาย เลือดต้องล้างด้วยเลือด!
ฮั่นเจียงหลินกับเจ้าเมืองอันยี่ตกใจ พวกเขาไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลยี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน? อีกฝ่ายนั้นเข้ามาหาเรื่องพวกเขาด้วยเหตุผลอื่นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาจึงไม่แสดงความอ่อนแอออกไป
ฮั่นเจียงหลินสีหน้าเย็นชา
“น้องชายตระกูลกุย…ถ้าฮั่นเจียงหลินผู้นี้ทำอะไรเจ้าไป ข้าก็ขออภัยด้วย แต่ถ้าเจ้ายังไม่ยอมหยุด ข้าก็อยู่เฉยๆไม่ได้หรอกนะ!”
เจ้าเมืองอันยี่จ้องขวดหยดหมื่นพลของตัวเอง
“ฮื่ม! อายุเพียงเท่านี้ เจ้าก็ยังกล้าอวดดี! ถ้าเจ้าแก่กว่านี้ข้าก็คงกลัวอยู่บ้าง แต่เด็กน้อยอย่างเจ้า…คิดจะขู่ข้าเรอะ? โง่เขลานัก!”
ซือหยูยืนขึ้นช้าๆ ใต้หน้ากากสีทองแดง ดวงตาที่มืดบอดทั้งสองเยือกเย็นสุดขั้ว
“ข้าโง่เขลาเสียหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่! พวกเจ้าทุกคนจงเตรียมชีวิตชดใช้ข้าซะ!”