The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 429
“ของสามชนิดนี้คือวัตถุดิบที่หายากที่สุด…”
“ข้าบอกข้อมูลของสมุนไพรบาดาลอมตะกับเจ้าได้ นอกเหนือจากนั้น ข้าก็ไม่รู้เรื่องมุกเงินเลี่ยงอัสนีหรือโลหิตมังกรเลย”
เพียงได้ยินชื่อของวัตถุดิบทั้งสามก็บอกได้แล้วว่ามันคือของล้ำค่าที่ยากจะพบเจอ ดังนั้นแล้วการรวบรวมทั้งหมดในครบนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ
แต่ถ้าซือหยูได้การมองเห็นกลับมาอีกครั้ง ผนึกของมิติและเวลา…รวมถึงเนตรสวรรค์…เขาจะกลับมาใช้พลังเหล่านั้นได้ ด้วยพลังอำนาจของเนตรสวรรค์นั้น แม้แต่คนในขอบเขตภูติก็ทำอะไรไม่ได้ และเขายังถูกภูติสวรรค์จดจำเอาไว้อย่างแม่นยำ ถ้าเขาไม่หาทางเอาตัวรอด อนาคตของเขาก็ต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานแน่
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะข้า…”
“ท่านบอกข้าเรื่องสมุนไพรบาดาลอมตะจะได้หรือไม่? ข้าจะพยายามหามันให้เจอ และเมื่อถึงเวลา ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าได้”
ฉิวหนิงชุ่ยพยักหน้า
“ย่อมได้ ถ้าเจ้าหาวัตถุดิบสามอย่างนี้ได้จริงๆ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้ากลับมาเห็นแสงสว่างได้อีกครั้ง เจ้าไปที่หาเบาะแสของสมุนไพรบาดาลอมตะได้ที่เกาะคลื่นคราม! เกาะนี้คือศูนย์การค้าที่ตระการตาที่สุดในมหาสมุทร และยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่ใช้เพื่อเสริมทรัพยากร มีสมบัติที่นั่นมากมายปรากฏให้เห็น ไม่กี่วันก่อนตอนที่ข้าไปซื้อวัตถุดิบ ข้าได้ยินข่าวของสมุนไพรบาดาลอมตะโดยบังเอิญ แต่ข้าก็รีบร้อนจนไม่ได้ฟังรายละเอียด ถ้าเจ้าไปที่เกาะนั้น เจ้าอาจจะหาสมุนไพรบาดาลอมตะเจอก็ได้”
เกาะคลื่นครามรึ? ซือหยูพยักหน้า เขาขอบคุณนางและออกจากเรือรบ หายตัวไปยังมหาสมุทรกว้าใหญ่
จ้าวอู๋จี๋เดินเข้ามาจากไกลๆ เขาค่อยๆปรากฏตัวอย่างเงียบๆ
“จ้าวคณะฉิว…”
“เนตรเงินล้างอสูรคือหนึ่งในวิชาเนตรเทพของจักรวาลที่ผู้อาวุโสในโลกดับสูญพยายามจะได้มาครองแต่ก็ล้มเหลว บอกซือหยูไปเช่นนั้นจะไม่ทำให้เขาเสียแรงเปล่าหรอกรึ? จากที่ข้ารู้ มุกเงินเลี่ยงอัสนีกับโลหิตมังกรก็ไม่ใช่ของที่จะเจอได้ในทวีปเฉินหลง แล้วโลหิตมังกรนั่น แม้แต่ในจิวโจวก็เป็นของที่หายากมาก”
ฉิวหนิงชุ่ยถอนหายใจ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้รึไงกัน? แต่การมีหวังก็ยังดีกว่าการหมดหวัง!”
“หึหึ ดูเหมือนท่านจะได้เขาแห่งความตายติดมือมานะ”
จ้าวอู๋จี๋หัวเราะ
ฉิวหนิงชุ่ยขมวดคิ้ว
“เขาทิ้งมันไว้ให้เซี่ยนเอ๋อ ข้าหวังว่าเทพกระบี่จ้าวจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากเจ้าพันธมิตรนะ”
“ฮื่ม…ข้าไม่บอกหลงจื้อซินอยู่แล้ว ไอ้แก่นั่น ถ้าข้าทำ เขาก็คงจะคิดทุกทางเพื่อเอาสมบัตินี้ไปให้กับลูกชายลูกสาวของมัน! พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มีชื่อเสียงว่าจะบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์อย่างเท่าเทียมโดยไม่มีอคติ แต่ความจริงแล้วคนที่สนิทกับตระกูลหลงต่างหากที่จะได้ทรัพยากรพวกนั้น นี่มันไม่ยุติธรรม”
ฉิวหนิงชุ่ยไม่พอใจเล็กน้อย นางพูดอย่างหมดหวัง
“จะอย่างไร ตระกูลหลงก็เป็นตระกูลที่ปกป้องเรือรบ เราทำสิ่งใดไม่ได้หรอก! แล้วตระกูลหลงก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมไปอีก บุตรชายกับธิดาของหลงจื้อซินก็มีพรสวรรค์เหนือผู้อื่นอยู่แล้ว!”
จ้าวอู๋จี๋ถอนหายใจอย่างหมดท่า
“ลืมเรื่องหลงเฟยหยูเถอะ ถึงเขาจะยอดเยี่ยม แต่ข้าก็มองว่าเขาใจร้อนเกินไป ในชีวิตนี้ เขาถูกจำกัดอยู่แค่ระดับกึ่งเทพ แต่หลงอู๋ซินที่เป็นลูกสาวน่ะสิ พรสวรรค์ของนางน่าตกตะลึง ข้าว่านางมีโอกาสจะได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ! นางจะกลายเป็นยอดฝีมือคนขอบเขตภูติคนที่สี่ตลอดหลายยุคสมัยของทวีปเฉินหลง”
ฉิวหนิงชุ่ยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย
“นางน่ากลัวจริงๆ แค่ต้องรอเวลาเท่านั้นก่อนที่นางจะก้าวข้ามเจ้ากับข้า! นางเดินทางตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่านางกำลังจะกลับมาแล้ว”
******
ซือหยูมาถึงเกาะใหญ่ที่เรียกว่าเกาะคลื่นครามที่ทำการค้าขายตามที่ฉิวหนิงชุ่ยชี้แนะ
ถนนการค้าบนเกาะนั้นกว้างใหญ่ และมันทอดยาวไปจนถึงสุดขอบแต่ละด้านของเกาะ ซือหยูถามคนรอบๆและไปที่กระโจมแสงทองที่ฉิวหนิงชุ่ยได้ยินเรื่องสมุนไพรบาดาลอมตะ
กระโจมแสงทองนั้นคือหนึ่งในร้านค้าสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในถนนการค้า และมันยังมีของล้ำค่าอยู่มากมาย
เมื่อเดินเข้าไปก็มีหญิงสาวท่าทางดูดีปรี่เข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“อยากได้อะไรรึท่าน?”
นางสังเกตมองดูซือหยู นอกจากความนับถือ นางยังแอบหวังว่าเขาจะร่ำรวย
ซือหยูคิดและพูด
“ข้ามีของที่อยากจะขาย”
แม้หญิงสาวจะผิดหวังกับคำตอบ นางก็ปฏิบัติกับซือหยูอย่างเคย
“กระโจมแสงทองรับซื้อสมบัติอยู่แล้ว แต่จะรับซื้อแค่ของล้ำค่าหายาก ท่านอยากจะขายอะไรรึ?”
อยากนางจะพูดว่าถ้าของที่จะเอามาขายนั้นเป็นของธรรมดา ซือหยูไม่เอามันออกมาเสียยังดีกว่า
ซือหยูหยิบแก้วทมิฬออกมา มันคือของที่ได้จากรากษสเมื่อมันตาย มันมีพลังลมหายใจมังกรอันเข้มข้น มันจะมีผลยอดเยี่ยมอย่างมากสำหรับผู้ที่บ่มเพาะวิชาภูติผี และแก้วทมิฬยังมีพลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างมากอยู่เล็กน้อย ถ้าสกัดมันเป็นโอสถไว้ได้ มันจะช่วยเพิ่มพลังจิตวิญญาณได้อย่างดี
ด้วยพลังจิตวิญญาณของซือหยูในตอนนี้ การเพิ่มพลังขึ้นเล็กน้อยนั้นไร้ค่ากับเขา แก้วทมิฬใช้ไม่ได้ผลกับเขามากนัก
หญิงสาวงุนงง นางมองแก้วทมิฬอย่างละเอียดอยู่หลายครั้งและยังบอกไม่ได้ว่ามันคือสิ่งใด นางขมวดคิ้ว
“นี่คืออะไรกัน?”
ซือหยูย่นคิ้ว
“เจ้าเอาคนที่รู้ว่ามันคืออะไรมาอธิบายดีกว่า”
หญิงสาวไม่พอใจ แต่นางก็หันกลับไปเมื่อลังเลอยู่เล็กน้อย นางอยู่ที่กระโจมแสงทองมานาน แม้สายตาของนางจะไม่ดีที่สุด มันก็ดีกว่ายอดฝีมือทั่วไปอยู่มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นแก้วทมิฬ
ไม่นานก็มีผู้ทรงภูมิสวมชุดยาวเดินเข้ามายิ้มด้วยความอบอุ่น
“ท่านมีของมาขายกับกระโจมแห่งนี้รึ?”
แม้เขาจะสุภาพ แต่มันก็เป็นเพียงการคงไว้ซึ่งมารยาท ความร้อนรนเขียนอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเขาถูกรบกวน ถ้าไม่ใช่เพราะพลังอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงของซือหยู เขาอาจจะไม่สุภาพเช่นนี้
ฟึ่บ–
ซือหยูโยนแก้วทมิฬออกไปอย่างเรียบเฉย ชายที่เดินเข้ามารับไว้โดยไม่รู้ตัว เขารับมันไว้ด้วยความตกใจในทีแรกแล้วก็เริ่มยิ้มออกมา เขาทึ่งในสิ่งที่ได้เห็น
“โปรดตามข้าไปที่ข้างหลังเถอะท่าน…”
ชายวัยกลางคนมองซ้ายขวาอย่างระวังตัว เขามองซือหยูอีกครั้งด้วยความคาดหวัง เขายื่นมือกวักเรียกซือหยู ซือหยูพยักหน้า เขาเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ ชายวัยกลางคนหันกลับมาและบอกกับหญิงสาว
“เจ้าไปที่ห้องเก็บของแล้วเอาชาวิญญาณระดับหนึ่งมาเดี๋ยวนี้ เร็ว!”
หญิงสาวตกใจ นางสีหน้าเปลี่ยนไปและวิ่งไปยังห้องเก็บของ การให้ชาวิญญาณระดับหนึ่งนั้นเป็นระดับการต้อนรับแขกที่ดีที่สุด! ชายหนุ่มหน้ากากทองแดงนั่นเอาสมบัติอะไรมากัน เจ้าของร้านถึงได้จริงจังเช่นนี้?
“ข้าฉีหมิง เจ้าของกระโจมแสงทอง”
ชายวัยกลางคนมองหน้าซือหยู
“ข้าขอทราบนามของท่านจะได้หรือไม่?”
ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าคือหิมะทมิฬ เจ้าสนใจของสิ่งนี้หรือไม่?”
ฉีหมิงไม่สะทกสะท้านกับความเย็นชาของซือหยู เขายิ้ม
“แก้วทมิฬ…แก้วที่เกิดจากพวกรากษส นี่คือสมบัติล้ำค่าสำหรับยอดฝีมือที่บ่มเพาะวิชาภูติ ถ้าท่านคิดจะขายล่ะก็…กระโจมแสงทองจะต้องทำให้ท่านพึงพอใจแน่นอน! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระโจมแสงทองรับซื้อของ ตามราคาในอดีต แก้วทมิฬนั้นแลกได้กับตำราระดับอำมฤตสองเล่ม ถ้าท่านคิดจะขายมัน ข้าก็จะเพิ่มสมบัติเทพระดับต่ำให้อีกหนึ่งชิ้น”
ตำราระดับอำมฤตสองเล่มกับสมบัติเทพระดับต่ำงั้นรึ? ดูยุติธรรมดี
“ฮ่าๆๆ! ขอบคุณเจ้าของร้านในความเอื้อเฟื้อ”
“แต่ร้านนี้อาจจะไม่มีสิ่งที่ข้าต้องการ!”
ฉีหมิงหรี่ตาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านกำลังมองหาสิ่งใดอยู่รึ? ร้านของข้ายังมีของที่ครุมเครือ…ต่อทวีป บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ท่านกำลังมองหา”
ซือหยูดื่มชาเต็มปากและพูดอย่างเรียบเฉย
“ข้ากำลังหาสมุนไพรบาดาลอมตะ ถ้าเจ้าบอกข้าได้ว่ามันอยู่ที่ไหน ข้าจะใก้แก้วทมิฬกับเจ้า แต่ถ้าเจ้ามีสมุนไพรอยู่แล้ว ข้าจะนับว่ามันเป็นของแถม ข้ามีสิ่งอื่นจะแลกกับสมุนไพร!”
สมุนไพรเทพบาดาลอมตะนั้นเป็นสมุนไพรพิเศษที่พบเจอได้ยาก มูลค่าของมันนั้นเทียบเท่ากับสมุนไพรเทพเยือกแข็งที่ซือหยูกินเข้าไป