The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 434
ราชาปีศาจละสายตาไปมองชิงจู้เหิงที่บินหนี คนที่ราชาปีศาจกลืนกินกับผู้หญิงคนนี้นั้นเป็นผู้คุมสวรรค์เหมือนกัน แต่วิชาเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้น่าตกใจมาก!
แม้ว่าสีหน้านางจะหม่นหมอง แต่นางก็เยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ นางหยิบเอาผ้าคลุมบางโปร่งใสออกมาคลุมกายเมื่อใช้มือขวาสร้างพลัง ปีกที่เกิดจากสายลมปรากฏที่แผ่นหลัง ปีกสะบัดพร้อมกับร่างที่ดูราวกับจะถูกย้ายมิติไปยังที่ที่ไกลกว่าเดิม
เสาศิลาประหลาดกรีดร้องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นางยังคงหนีไปได้ไกลและมาถึงที่ทางเข้าตำหนัก และผ้าคลุมของนางก็เปล่งประกายเล็กน้อยก่อนที่ทั้งตัวของนางจะหายไป แม้แต่รังสีพลังก็ถูกลบไปด้วย นางซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าคลุม
ราชาปีศาจมองที่ทางเข้าและประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณสมบัติวิญญาณธาตุลม หึหึ! คุณสมบัติหายากซะจริง โชคร้ายนักที่เจ้าเกิดผิดที่ ถ้าเจ้าอยู่ในจิวโจวก็จะได้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมไปแล้ว ในโลกดับสูญเช่นนี้ ต่อให้คุณสมบัติวิญญาณที่ดีที่สุดก็ยากนักที่จะได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ เจ้าหนูนั่นก็มองผ่านแท่นบูชาเห็นข้าที่ถูกผนึกได้ น่าสนใจจริงๆ”
มันหัวเราะ จากนั้นมันก็ลอยไปทางฉีหมิงและเลิกตามคนอื่น
ฉีหมิงใบหน้าประหลาด เขาไม่ตกใจ ไม่โมโห ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่ามีวิญญาณร้ายอยู่ที่นี่
“หึหึ…!”
ราชาปีศาจหัวเราะ
เสาสองต้นซัดเข้ามาจากทั้งสองด้านปิดตายทางหนีของฉีหมิง สีหน้าฉีหมิงเยือกเย็น เขาหยิบสร้อยทลายเทพทั้งสองออกมา เขาสะบัดมือขว้างมันออกไป
สร้อยที่มีพลังเทียบเท่ากับราชามนุษย์ระเบิดกลายเป็นกระบี่สองเล่มที่ทรงพลังและซัดใส่เสาศิลา! การปะทะกันทำให้เกิดเสียงระเบิดลั่น เสาศิลาถูกต้านเอาไว้ได้แต่เหล่าหนวดดำก็พุ่งออกมาจากเสาศิลาเข้ารัดกระบี่ทั้งสองเล่ม
กระบี่ทั้งสองถูกหนวดกลืนกินเข้าไป!
ฉีหมิงยืนมือไพล่หลัง เขาไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยและดูจะยินดีเสียด้วยซ้ำ
“ใช่จริงๆด้วย!”
“เจ้าคือราชาปีศาจที่ตระกูลกุยผนึกเอาไว้! สายเลือดปีศาจของตระกูลกุยก็มาจากเจ้า!”
การกลืนกินได้แม้แต่กระบี่ที่สร้างจากพลังนั้นเหนือกว่าพลังของสายเลือดปีศาจที่กลืนกินได้แค่เลือดเนื้อและฐานพลัง
ดวงตาแดงก่ำของราชาปีศาจหรี่แคบลง
“หึ ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องของข้า! เจ้ามั่นใจเพียงใดกันถึงกล้ามายืนต่อหน้าข้า!”
เสียงดังพร้อมกับเสาศิลาสองต้นที่ปล่อยหนวดร้อยเส้นเข้ารัดฉีหมิง ฉีหมิงหยิบสร้อยสีแดงออกมา สร้อยนั้นมีพลังสายฟ้าอยู่ด้วย
ฉีหมิงใส่พลังวิญญาณทำให้มันระเบิด สายฟ้าหลุดออกจากสร้อยและกลายเป็นอสรพิษสายฟ้าที่ซัดใส่เสาศิลา
เปรี๊ยะ—
เหล่าหนวดที่กลืนกินพลังได้อย่างง่ายดายกลายเป็นควันเมื่อสัมผัสกับอสรพิษสายฟ้า ส่วนหนวดที่เหลือนั้นหนีออกมาเพราะไม่กล้าจะสัมผัสกับอสรพิษสายฟ้า
“ใช้วิชาอัสนีแก้ทางข้างั้นรึ?”
“เจ้าเตรียมตัวมาดี แต่สร้อยสายฟ้านั่นก็ใช้ได้ยากที่สุด เจ้าจะใช้ได้สักเท่าไหร่กัน”
ราชาปีศาจส่งเสาศิลาอีกสิบต้นพุ่งเข้าไป แม้ว่าอสรพิษสายฟ้าจะแก้ทางพลังปีศาจได้ มันก็มิอาจรับพลังทั้งสิบได้ไหว มันกระจายพลังออกไป
ฉีหมิงอ้ำอึ้ง
“ฮื่ม! จะเสียงดังไปใย เจ้ามันก็แค่ผีที่ถูกผนึกมานาน เจ้าไม่คู่ควรที่จะได้ควบคุมร่างราชาปีศาจหรอก! ใช้เสาสิบต้นก็คือขีดจำกัดของเจ้าแล้ว!”
เขาพูดจบและหยิบสร้อยสีแดงห้าเส้นออกมาอีก อสรพิษสายฟ้าห้าตัวปรากฏตัวปะทะกับเสาทั้งสิบ
ที่ถ้ำนอกตำหนัก ซือหยูยืนอยู่ที่ทางเข้าถ้ำหลัก เพียงเวลาไม่นานที่พวกเขาเข้ามา ผนึกสี่ชั้นก็กลับมาฟื้นฟูเต็มที่อีกครั้ง!
พวกเขาติดอยู่ข้างในนี้!
และยิ่งมองดูใกล้ๆใบหน้าซือหยูก็ยิ่งบิดเบี้ยว ผนึกที่เกิดขึ้นใหม่นั้นจะทำลายจากด้านในยากกว่าเดิมถึงสามเท่า…บางทีอาจจะเพื่อทำให้ราชาปีศาจที่อยู่ด้านในออกไปไม่ได้
“ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายผนึกด้วยพลังข้า…”
“ถ้าข้าใช้พลังเต็มที่ก็ยังพอทำได้ แต่เวลาอาจจะไม่พอ!”
ซือหยูใจหายเมื่อได้ยินเสียงระเบิดจากด้านหลัง
เขาสังเกตเห็นสัตว์ประหลาดที่เขาเห็นในแท่นบูชา พลังอันน่ากลัวที่เทียบได้กับจางตี๋เก้อทำให้ซือหยูถอยหนีอย่างไม่ลังเล! แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว
ในตอนนั้น ซือหยูหันไปมองทางขวาไม่ไกลนักและพูดอย่างเยือกเย็น
“แม่นางชิง เจ้าจะซ่อนตัวอยู่อีกนานแค่ไหนกัน?”
มันคือพื้นที่ว่างเปล่าไร้สิ่งใด
ซือหยูขมวดคิ้วและยิงพลังวิญญาณออกไป
ตู้ม—
ฝ่ามือยื่นออกมาจากความว่างเปล่าทำลายพลังวิญญาณ จากนั้นร่างของชิงจู้เหิงก็เริ่มชัดเจนขึ้น
นางตกใจมาก
“ข้าประมาทเจ้าไปแล้ว เจ้ามองผ่านการเร้นกายของข้าได้!”
นางตกตะลึง ผ้าคลุมปีกจักจั่นของนางนั้นใช้เร้นกายได้อย่างแนบเนียน แม้แต่กึ่งเทพก็มิอาจหาตำแหน่งของนางได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงอำมฤตระดับสี่เลย! แต่ซือหยูกับพบนางได้เพียงปราดตามอง!
“แม่นางชิง ตอนนี้มันแย่แล้ว…”
ซือหยูพูดเข้าประเด็น
“เราจะช้าไม่ได้ เจ้ามีพลังอะไรที่ใช้ทำลายผนึกได้เร็วๆหรือไม่? เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว”
ชิงจู้เหิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเงียบสนิท ต่อมานางก็พูดตอบ
“มีวิธีทำลายที่เร็ว แต่…ข้าก็ต้องใช้เวลา”
“ถ้าเจ้าต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งถ้วยชาก็หยุดพูดไปซะ”
ชิงจู้เหิงเลิกคิ้ว
“ทำไมกัน? เจ้ามั่นใจว่าเจ้าจะทำลายได้ในเวลาถ้วยชาเดียวรึ?”
นางค่อนข้างกังขา เมื่อเข้ามาในครั้งแรก ทั้งสี่ใช้พลังหนึ่งถ้วยชาทำลายผนึกทั้งหมด ซือหยูคนเดียวจะทำลายผนึกทั้งหมดที่แข็งแกร่งกว่าเดิมสามเท่าเมื่ออยู่ด้านใน…ในเวลาถ้วยชาเดียวได้ยังไง? ราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นลึกลับโดยแท้จริง
“ไม่ใช่…”
“ข้าจะบอกว่าเราอาจจะมีเวลาแค่ถ้วยชาเดียวต่างหาก”
ชิงจู้เหิงจ้องซือหยูและพยักหน้า
“ข้ามีแผน ข้าอาจจะทำได้ในครึ่งถ้วยชา แต่ข้าต้องการสมาธิโดยสมบูรณ์ ห้ามใครรบกวนข้า”
ซือหยูตกใจ
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพยายามยื้อเวลาให้เจ้า”
ซือหยูรีบถอยและพุ่งไปดูการต่อสู้ในแท่นบูชาที่อยู่ไกล
ชิงจู้เหิงไม่เต็มใจเล็กน้อยแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นี่คือทางเลือกเดียวของนาง
สีหน้านางเปลี่ยนไปหลายครั้งก่อนจะกัดฟัน นางใช้วิชาของนางทันที เส้นผมดำยาวร่วงจากศีรษะเผยให้เห็นผมขาวที่ซ่อนอยู่ภายใน! พลังนางพุ่งขึ้นจากผู้คุมสวรรค์เป็นราชามนุษย์และกำลังจะเข้าสู่กึ่งเทพ!
ที่อีกด้าน ซือหยูมองดูอย่างหวั่นใจ นางเป็นใครกันแน่?