The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 435
ขณะที่พวกเขาพยายามจะทำลายผนึกทางเข้าถ้ำ การต่อสู้อันร้อนแรงที่แท่นบูชาก็เดือดพล่านขึ้นในทุกที
ไม่แปลกใจที่ฉีหมิงครอบครองสมบัติที่ใช้ต่อสู้มากมาย แต่ราชาปีศาจที่ควบคุมเสาศิลาได้ทั้งสิบต้นก็ดูไร้เทียมทาน หลังจากที่ต่อสู้กัน ฉีหมิงเริ่มสีหน้าไม่พอใจ จำนวนสร้อยสายฟ้าที่เขาใช้ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
พรึ่บ–
เขายื่นมือหยิบสร้อยสายฟ้าสามเส้นสุดท้ายออกมา!
“หึหึ!”
ราชาปีศาจหัวเราะเยาะ
“เจ้าเตรียมตัวมาดี! สร้อยสายฟ้ายี่สิบเส้น ในทวีปแห่งนี้ ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีมันมากกว่าร้อยเส้น เจ้ามันน่าตกใจจริงๆ!”
ฉีหมิงไม่พอใจนัก เขาต้องใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการรวบรวมสร้อยสายฟ้าทั้งหมด เขาแทบจะพลิกทวีปหา เขาไม่คิดว่าเขาจะใช้ทั้งหมดด้วยเวลาเพียงครึ่งถ้วยชา พลังของราชาปีศาจนั้นเหนือกว่าที่เขาคิดไว้!
แม้สร้อยสายฟ้ายี่สิบเส้นจะมีพลังเกือบครึ่งของเสาศิลา มันก็ไม่ทำให้ราชาปีศาจบาดเจ็บแม้แต่น้อย ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉีหมิงคงจะรับไว้ได้ไม่นาน!
ฉีหมิงกัดฟันและหันกลับไปตะโกน
“แม่นางชิง! ราชาปีศาจหิมะทมิฬ! เจ้าคิดจะรอจนถึงเมื่อไหร่กัน? ข้าจะต้านไว้ไม่ได้แล้ว!”
ซือหยูนั้นสับสนในอารมณ์ เขาไม่คิดจะต่อสู้เผชิญหน้ากับราชาปีศาจอยู่แล้ว แต่อย่างไรชิงจู้เหิงก็ต้องใช้เวลา! และถ้าฉีหมิงแพ้ มันก็ยิ่งยากที่เขาจะรับมือกับราชาปีศาจด้วยตัวคนเดียว!
ไม่นานนักซือหยูก็ทำใจได้ เขาพุ่งเข้าไปยังราชาปีศาจ
ราชาปีศาจเยาะเย้ย
“เจ้ามาต้องกับดักพอดิบพอดี!”
เสาศิลาพุ่งเข้าหาซือหยูพร้อมกับหนวดร้อยเส้นที่ร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง ซือหยูหยิบธนูและสร้างศรวิญญาณเพลิงออกมา
พรึ่บ—
ศรเพลิงทะลวงผ่านนภา แต่หนวดร้อยเส้นนั้นก็ไร้ความเกรงกลัว พวกมันเข้าล้อมรอบศรเพลิงเอาไว้จนเพลิงดับสนิท ศรเพลิงถูกหนวดเหล่านั้นสูบกิน
ฉีหมิงร้อนใจ
“ท่านหิมะทมิฬ การโจมตีธรรมดาไร้ผลกับมัน! ราชาปีศาจคือบรรพบุรุษของตระกูลกุย มันดูดกลืนพลังทุกสิ่งในทวีปเฉินหลงได้ง่ายๆ มีแค่อัสนีเท่านั้นที่จะเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมัน”
ซือหยูคิดถึงอะไรบางอย่าง ราวกับว่าฉีหมิงรู้อยู่แล้วว่าเขาเชี่ยวชาญวิชาอัสนีทั้งๆที่ตอนที่ซือหยูไม่เคยใช้วิชาอัสนีเลยสักครั้งเมื่ออยู่ในนามราชาปีศาจหิมะทมิฬ ชายคนนี้รู้ว่าซือหยูใช้วิชาอัสนี…และนั่นคือเหตุผลที่ฉีหมิงพาเขามาที่นี่! ฉีหมิงจะต้องรู้เรื่องราชาปีศาจที่ถูกผนึกเอาไว้ในแท่นบูชาแต่จงใจปิดบังข้อมูลเอาไว้!
ซือหยูเริ่มระวังตัวมากขึ้น เขาใจเย็นและพูดเบาๆ
“อย่างนั้นรึ?”
แต่หลังจากที่ศรเพลิงดับมอด ตัวศรจริงที่อยู่ภายในก็เผยออกมา มันคือธนูที่ถูกสร้างมาจากสายฟ้า!
หนวดที่รัดพันศรวิญญาณกระตุก เกินกว่าครึ่งที่มอดไหม้ขาดสะบั้น! ไม่นานสายฟ้าก็กระจายไปทั่ว ควันมากมายพวยพุ่งจากตำหนัก!
ราชาปีศาจใบหน้าแข็งกร้าว
“ซ่อนวิชาอัสนีเอาไว้รึ ข้ารู้แล้ว!”
ราชาปีศาจเหลือบมองฉีหมิงอีกครั้ง
“ฮื่ม! เจ้าเตรียมการมาถึงขั้นนี้! วิชาอัสนีของเจ้าหนูนี่อยู่ระดับสูงนัก…แทบจะถึงระดับต้นกำเนิด!”
ฉีหมิงตกใจ วิชาอัสนีนั่นเกือบจะถึงระดับต้นกำเนิดแล้วรึ? ไม่เพียงแต่ราชาปีศาจหิมะทมิฬจะเชี่ยวชาญวิชาน้ำแข็งจนถึงต้นกำเนิด แต่วิชาอัสนีของเขาก็กำลังจะไปถึงระดับต้นกำเนิดเช่นกัน! แล้วเขาก็ยังมีวิชาเพลิงที่ดูจะแข็งแกร่งเช่นกัน! เขาบ่มเพาะธาตุทั้งสามที่แตกต่างกันและพลังทั้งหมดก็เหนือชั้นเกินระดับสูง!
แม้ฉีหมิงจะดีใจที่วิชาอัสนีของซือหยูแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด แต่เขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
ฉีหมิงลบความไม่สบายใจทิ้งไปและแกว่งมือสะบัดยันต์สายฟ้าสามใบ เขาตะโกน
“ท่านหิมะทมิฬ! ช่วยข้ายื้อเวลาที ข้าจะใช้วิชาลับเพื่อฆ่าราชาปีศาจ!”
ซือหยูตกใจ ฉีหมิงมีพลังที่สังหารราชาปีศาจได้จริงๆรึ?
ราชาปีศาจนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจางตี๋เก้อเลย! พลังที่ใช้ในตอนนี้คือเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ ดังนั้นจึงมีขีดจำกัดในพลัง แต่มันก็ยังอยู่ในระดับกึ่งเทพที่เป็นรองเพียงขอบเขตภูติ แม้เช่นนั้น ฉีหมิงก็มั่นใจว่าเขาจะสังหารได้ ซือหยูค่อนข้างตกใจ
พรึ่บข-
ฉีหมิงหยิบแหวนทองออกมา มีภาษาสันสกฤตสลักเอาไว้ แหวนทั้งวงส่งพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา แสงเทพลุกดับสลับไปมาจากแหวน
ราชาปีศาจชักสีหน้า มันอ้าปากค้าง
“สมบัติอรหันต์! แหวนทองปราบมาร!”
มันมิอาจปิดบังความกลัวบนใบหน้าได้ แต่หลังจากที่จ้องมองมันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“สมบัติอรหันต์จะมาอยู่ในโลกดับสูญได้ยังไง? มันเป็นของเสียหาย! พลังหายไปเสียเก้าส่วน!”
แต่ฉีหมิงก็หัวเราะ
“ถึงจะเหลือพลังส่วนเดียว มันก็เกินพอที่จะผนึกเจ้า”
ราชาปีศาจขมวดคิ้ว
“ฮื่ม! ถ้าเจ้ามีพลังพอนะ!”
เสาศิลาสิบต้นซัดเข้าใส่ฉีหมิงพร้อมกัน!
ซือหยูง้างคันธนูยิงธนูสิบครั้งในพริบตา สายฟ้าบนศรวิญญาณนั้นมีพลังที่ทำให้เสาศิลาต้องถอยกลับ
ฉีหมิงโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พ่นหยดโลหิตใส่แหวนทอง แหวนเปล่งแสงสีทองออกมาฉาบรอบข้าง เสียงอรหันต์ดังก้องบริเวณ เงาของอรหันต์ปรากฏอยู่เบื้องบนแหวนทอง
แหวนทองเปล่งประกายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อฉีหมิงใส่พลังวิญญาณไปมากขึ้น เงาอรหันต์เริ่มชัดเจนขึ้น
ราชาปีศาจสูงหมื่นศอกตัวสั่นเทาและปล่อยควันดำออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของมันแสดงความเจ็บปวด
ซือหยูตกใจ แหวนนั่นมันอะไรกัน? มันมีผลเหนือกว่าสายฟ้าที่แก้ทางพวกภูติผีได้อีกรึ?
ราชาปีศาจกรีดร้อง เสาศิลาสิบต้นลอยขึ้นและพุ่งเข้าใส่ฉีหมิง
“ตายซะเถอะ!”
ซือหยูทำอย่างเคย เขายืนอยู่ในระยะปลอดภัยและยิงศรสายฟ้าออกไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเสาศิลาจะแข็งแกร่งอย่างมาก มันก็มิอาจปะทะกับศรสายฟ้าได้!
ดวงตาแดงก่ำของราชาปีศาจเต็มไปด้วยความชิงชัง มันต้องมองซือหยูอย่างเยือกเย็น
“เจ้าเด็กน้อย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าถ้าเจ้าหยุดเข้ามายุ่งเรื่องของข้า ถ้าไม่ เมื่อข้าได้พลังกลับคืนมา ข้าจะทำให้เข้าทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย!”
คำขู่ของราชาปีศาจและแววตาอันน่ากลัวทำให้ซือหยูตัวสั่น แต่เขาก็ไม่หยุดมือ เขายังคงปล่อยศรสายฟ้าต่อไป ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าราชาปีศาจจะรักษาสัญญาหรือไม่! ถึงเขาจะทำตามสัญญาและไม่ฆ่าซือหยู เขาก็ไม่ได้สัญญาว่าจะไม่ทำลายฐานพลังของเขา เพราะอย่างไรก็ยากที่จะเชื่อว่าราชาปีศาจจะปล่อยให้ซือหยูไป…นักรบที่มีพลังอัสนีอย่างเขานั้นต่อกรกับราชาปีศาจได้
ซือหยูไม่ยอมอ่อนข้อ แหวนทองปราบมารในมือฉีหมิงกำลังจะถูกใช้งาน!
ราชาปีศาจคำรามลั่น
“เจ้าหนู! เจ้าอยากตายงั้นเรอะ! ถึงข้าจะสะสมพลังมาตลอดหมื่นปี ข้าก็กำลังจะตายเพราะเจ้า!”
ในตอนนี้เขาต้องรีบสังหารซือหยูก่อน เขาค่อยไปหยุดฉีหมิงทีหลังก็ย่อมได้!
ครืน–
ครืน–
ครืน—
ร่างสูงหมื่นศอกที่ขยับไม่ได้ของมันเดินออกมาจากแท่นบูชายัญ! แม้มันจะเคลื่อนไหวทื่อๆอย่างเชื่องช้า มันก็กำลังขยับตัว!
ฉีหมิงตกตะลึง
“เจ้า…เจ้าควบคุมร่างนี้ได้ด้วยเรอะ? เป็นไปไม่ได้! เจ้ามันก็แค่เสี้ยววิญญาณ!”
ราชาปีศาจพูดเบาๆ
“หลังจากสะสมพลังมาหมื่นปีก็พอแล้วที่ข้าจะควบคุมร่างกายนี้ได้ แค่นี้ก็เกินพอที่จะฆ่าเจ้าสองคนแล้ว!”
มันก้าวไปทางซือหยู! การย่างก้าวของมันนั้นประหลาดและมีวิชามิติอยู่ด้วย แม้ซือหยูจะอยู่ห่างหลายพันศอก หัวยักษ์ของมันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาในพริบตา!
ดวงตาแดงก่ำใหญ่โตนั้นสะท้อนร่างของซือหยู มันอ้าปากกว้างและพุ่งใส่ซือหยูอย่างรวดเร็ว!