The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 446
ตู้ม–
เฉินยิ่งพุ่งลงไปจนพื้นสั่นสะเทือน
ซือหยูมองดูอย่างใจเย็น ในอดีต เขาไม่มีแม้แต่พลังจะโต้กลับราชามนุษย์! เขาเป็นคนที่ทำให้หลิงเสี่ยวเทียนบาดเจ็บที่คณะวิหคเพลิง เกือบจะคร่าชีวิตของหลิงเสี่ยวเทียนไป เขายังทำให้หลิงเสี่ยวเทียนไม่มีทางเลือกนอกจากการสละตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าซือหยูจะไม่ตาย! และตอนนี้หลิงเสี่ยวเทียนก็อยู่ในสภาพปางตาย มิอาจตื่นได้จากการหมดสติ
ในวันนั้น ซือหยูสาบานขณะที่หลบหนีว่าจะทำให้เฉินยิ่งชดใช้ด้วยโลหิต ชีวิตของหลิงเสี่ยวเทียนทำให้เขาอยู่ได้จนถึงวันนี้ ในที่สุดเขาก็ได้มาอยู่ต่อหน้าเฉินยิ่ง เขารอคอยการต่อสู้นี้มานานเหลือเกิน!
“ข้ามีเรื่องอะไรกับเจ้าหรือไงกัน?”
เฉินยิ่งพูดเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซือหยูปล่อยออกมา
ซือหยูนั้นเยือกเย็น…เขาสงบนิ่งราวกับบึงวารีที่ไร้คลื่น
“เข้ามา!”
เฉินยิ่งถอนหายใจแรง
“คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ต้องมาเจอข้าก็เป็นลางร้ายของเจ้าแล้ว!”
เฉินยิ่งปล่อยพลังราชามนุษย์ออกมา พลังนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลงเฟยฉิงและพุ่งเข้าใส่ซือหยู
ซือหยูสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แม้แต่การไหลของพลังวิญญาณในร่างก็ช้าลง เฉินยิ่งนั้นแข็งแกร่งโดยแท้จริง…เขาใกล้กับระดับกึ่งเทพอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าให้เวลาเขามากพอ มันก็คงจะง่ายดายนักในการที่เขาจะได้เป็นกึ่งเทพ
“ฝ่ามือโลหิต!”
เฉินยิ่งใช้วิชาอำมฤตระดับสองขั้นสูง!
หลายคนมองดูตาไม่กระพริบ ทุกคนรู้ดีกว่าการบ่มเพาะวิชาอำมฤตนั้นยากแค่ไหนในขั้นสอง มันต้องใช้ระดับปัญญาที่เหนือล้ำในการบ่มเพาะขั้นกลางหรือขั้นสูง เฉินยิ่งนั้นสมกับเป็นลำดับสองของเจ็ดจ้าวแห่งความมืด
ฝ่ามือโลหิตกดดันเข้าใส่ซือหยู กลิ่นโลหิตพัดผ่านใบหน้า แสงโลหิตย้อมสิ่งรอบข้างจนเป็นสีแดง แต่แววตาของซือหยูก็เยือกเย็น พลังความเย็นเอ่อล้นจากร่างก่อตัวเป็นฝ่ามือปะทะกับฝ่ามือโลหิต
ฝ่ามือโลหิตของเฉินยิ่งเริ่มแข็งตัว
และพลังกายภาพก็กระจายมาจากฝ่ามือเยือกแข็งจนเฉินยิ่งต้องถอย เขาประหลาดใจ
ทุกคนบนเสาศิลาเงียบกริบ เฉินยิ่งนั้นอ่อนแอกว่าในการเผชิญหน้าตรงๆ!
คนที่มีสายตาเฉียบคมนั้นตกใจยิ่งกว่า
“พลังน้ำแข็งนั่นใกล้กับพลังต้นกำเนิดอย่างมาก….”
เหล่าคนดูรู้สึกทึ่ง
“ชายคนนี้เชื่อมโยงกับวิชาน้ำแข็งในระดับสูง”
แม้แต่ฉิงจูก็ยอมรับในใจ
ยี่หยูยิ้ม
“ถ้าหาก…”
ฉินจิวหยางเลิกคิ้ว
“พื้นฐานวิชาน้ำแข็งนั้นยอดเยี่ยมมาก ตามที่ข้ารู้ ธาตุต้นกำเนิดจะทำให้วิชามีพลังใหม่”
กังต้าเหล่ยมองซือหยูด้วยใบหน้าซับซ้อน
“ต้นกำเนิดไม่ได้มีผลกับทวีปเฉินหลงมากนัก ข้าได้ยินว่าจิวโจวนับถือต้นกำเนิดเป็นอย่างสูงยิ่งกว่า”
ไป่ลั่วมองซือหยูอย่างเงียบๆ สีหน้าของเขาอ่านไม่ได้เลย
ซือหยูมองเฉินยิ่งที่ถอยหนีด้วยสายตาเย็นชา เขาก้าวไปข้างหน้าและส่ายหัว
“แค่นี้รึ เจ้าอ่อนแอกว่าเดิมนะ”
การเหยียดหยามทำให้ใบหน้าเฉินยิ่งบิดเบี้ยว เขาทั้งโกรธแค้นและละอายใจ เขาเข้ามาต่อสู้ด้วยความมั่นใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เขากลับเสียเปรียบอย่างไม่คาดคิด!
“ฮื่ม! ข้าก็แค่ประมาทเท่านั้น”
“ครั้งต่อไปเจ้าจะไม่โชคดีอย่างนี้แล้ว!”
ปั้ง ปั้ง—
แสงโลหิตส่องสว่างจากมือขวา เกิดเป็นกำปั้นแสง ลายเส้นนั้นชัดเจนราวกับหมัดจริงๆของมนุษย์ แต่พลังนั้นก็มีมหาศาล มาบางอย่างขยับอยู่ในกำปั้นแสงนั้น
“ถึงข้าจะเสียมือไปข้างหนึ่งเพราะการต่อสู้ ข้าก็ได้พลังใหม่มา!”
เฉินยิ่งเลียริมฝีปากอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีแดงคล้ำอย่างผิดปกติ พลังอสูรเข้าสู่ร่างกายของเขา
“ไป!”
หนวดเส้นสีแดงพุ่งออกมาจากหมัดล้อมซือหยู เหล่าหนวดแดงเหล่านั้นกำลังกลืนกินพลังวิญญาณรอบๆ
“นี่มัน…สายโลหิตปีศาจของตระกูลกุย!”
ทั้งสี่ตระกูลตกใจ
“ไม่สิ มันแปลกไป ดูเหมือนมันจะชั่วร้ายยิ่งกว่า”
ซือหยูปล่อยหมัดออกไป หมัดนี้มีเพลิงสีแดงฉาน เพลิงนั้นกลายเป็นวิหคขนาดเท่าฝ่ามือทะยานออกไป
เหล่าหนวดโลหิตระเหยออกไป เพลิงนั้นไหลตามเส้นหนวดเผาแขนของเจ้าของพลัง
เฉินยิ่งชักสีหน้า
“นั่นมันเพลิงอะไรกัน?”
เขามิอาจรู้ว่าเพลิงที่เผาพลังนั้นสร้างจากแก่นโลหิตของตัวเอง แต่เขาก็ตอบสนองได้เร็ว เขากำหมัดและสะบั้นพลังออกจากแขน! แต่ในที่สุดวิหคเพลิงก็ปะทะเข้ากับลำตัวจนต้องถอยไปหลายก้าว เฉินยิ่งถอยหนีอีกครั้งในการเผชิญหน้าครั้งที่สอง!
เหล่าคนดูอ้าปากค้าง กระบวนท่าแรกที่ทำให้เฉินยิ่งถอยนั้นยังพออ้างได้ว่าเพราะเขาประมาท แต่เขาก็ไม่มีข้ออ้างในครั้งนี้อีกแล้ว เขาอ่อนแอกว่าจริงๆ
เฉินยิ่งมองดูซือหยูอีกครั้ง สีหน้าเขาเคร่งเครียด
“ขอถามจะได้หรือไม่…”
“เจ้าเป็นใคร? ข้าจำไม่ได้ว่าไปดูหมิ่นเจ้าเมื่อใด”
ความเคียดแค้นจากอีกฝ่ายทำให้เฉินยิ่งไม่สบายใจ
“เข้ามา ประลองต่อไป”
เฉินยิ่งแววตาเปลี่ยนไปเมื่อเห็นอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังคงถามอย่างจริงใจ
“จะให้ครั้งนี้เป็นการเสมอได้หรือไม่? ถ้าประลองต่อไปก็ทำได้แค่ต้องใช้ไพ่ตาย มันไม่ดีสำหรับข้ากับเจ้าในกระโจมเทพสวรรค์ครั้งนี้เป็นแน่”
นี่คือความคิดของทุกคน อย่างไรการเข้ามาที่กระโจมเทพสวรรค์ก็ทำให้เกิดข้อขัดแย้งกันอยู่แล้ว หากไพ่ตายของแต่ละคนถูกเผยออกมา พวกเขาก็คงจะเสียเปรียบในการต่อสู้ครั้งถัดไป
ซือหยูหยุดราวกับคิดอะไรบางอย่าง
แต่ในตอนนั้นจิตสังหารก็ฉาบแววตาเฉินยิ่ง
“ตายซะ!”
เขาตะโกน
เขาหยิบเอาขนวิหคสีแดงออกมา คลื่นพลังวิญญาณจากขนนั้นส่งแรงกดดันอย่างมาก มันคือสมบัติเทพระดับกลางชั้นแนวหน้า เทียบได้กับธนูมังกรฟ้าดิน และมันยังถูกชำระอย่างสมบูรณ์ ขนวิหคนี้ร้อนเป็นอย่างมาก มันมีเพลิงที่ใกล้เคียงกับต้นกำเนิด
“ฮื่ม! ประลองกับข้า เจ้าเลือกผิดคนแล้ว!”
เฉินยิ่งใส่พลังวิญญาณในขนวิหคอย่างบ้าคลั่ง
เพลิงโลหิตพุ่งขึ้นฟ้าเป็นทะเลเพลิง มันกลืนกินซือหยูโดยไร้ข้อสงสัย เหล่าผู้คนแตกตื่น ไม่มีใครคิดว่าเฉินยิ่งจะครอบครองสมบัติเทพระดับกลางที่ทรงพลังเช่นนั้น นี่ไม่ใช่สมบัติเทพที่แม้แต่กึ่งเทพจะมีได้ด้วยซ้ำ
และจ้าวแห่งความมืดยังลอบโจมตีอีกฝ่าย! มันไม่มีข้อห้ามในการลอบโจมตี แต่มันก็ยากที่จะยอมรับว่าจ้าวแห่งความมืดคนหนึ่งจะกล้าใช้กลไม้นี้
เฉินยิ่งมองดูทะเลเพลิง เขาหน้าซีดเล็กน้อย เขาเย้ยหยัน
“ทั้งความรัก และ สงคราม ทุกสิ่งล้วนยุติธรรม…”
“ด้วยปัญญาแค่นั้น ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ข้าก็แค่ประหยัดเวลาให้เจ้า”
แววตาของฉินจิวหยางกับกังต้าเหล่ยเยือกเย็น
“ทำอะไรของเจ้า?”
กังต้าเหล่ยตะคอก
“พวกเราฆ่ากันในการประลองได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
คำพูดของกังต้าเหล่ยส่งตรงไปยังเจ็ดจ้าวแห่งความมืด
จ้าวแห่งความมืดคนอื่นเงียบกริบ แม้แต่พวกเขาก็รับการกระทำของเฉินยิ่งไม่ได้ การสังหารโดยลอบโจมตีนั้นไร้ยางอายเกินไป
ไป่ลั่วเลิกคิ้วและพูดอย่างเย็นชา
“กระบี่ไร้เจตจำนง บางครั้งการพลั้งมือสังหารก็เกิดขึ้นได้ เจ้าคิดจะแก้แค้นให้กับอุบัติเหตุงั้นรึ?”
แต่ไป่ลั่วก็โกหกออกมาหน้าด้านๆ การโจมตีของเฉินยิ่งนั้นทำไปเพื่อการสังหารอย่างแน่นอน นั่นจะเรียกว่าการพลั้งมือได้ยังไง? และไป่ลั่วก็ยังตราหน้ากังต้าเหล่ยว่าจะล้างแค้นอย่างเจ้าเล่ห์ กังต้าเล่ยต้องคิดให้ดีก่อนจะทำร้ายและสังหารคนที่เป็นจ้าวแห่งความมืด เพราะนั่นจะเป็นการยืนยันคำพูดของไป่ลั่ว แค่คำพูดเล็กน้อยก็ทำให้กังต้าเหล่ยต้องระวังตัว
กังต้าเหล่ยแววตาเยือกเย็น
“เล่ห์กลเช่นนั้นใช้ไม่ได้กับข้า! หากเจ็ดจ้าวแห่งความมืดกล้าสังหาร ข้าก็จะไม่ออมมือ เจ้าจะพูดว่าข้าทำการล้างแค้นก็ย่อมได้ แต่ข้าหากพวกเจ้าคนไหนต้องสู้กับข้า ก็อย่าโทษที่ข้าพลั้งมือสังหารก็แล้วกัน!”
ไป่ลั่วสีหน้าหม่นหมอง
“เจ้ามันไร้เหตุผ….”
“หุบปาก!”
กังต้าเหล่ยตะคอก
“เป็นใครกันจะมาหาเหตุผลจากข้า? ถ้าเจ้ากล้าทำ ก็อย่าคิดว่าข้าจะเมตตา! เจ้าคนพิการนั่น…ข้าจะเอาหัวมันก่อน แล้วข้าจะฆ่าเจ้าทีหลัง!”
กังต้าเหล่ยไม่ได้พบซือหยูหลายครั้งนัก แต่เขาคือคนที่มีคุณธรรม เขาจะต้องแก้แค้นให้กับความตายของซือหยู!
จ้าวเฉินยิ่งใบหน้าบิดเบี้ยว ใบหน้ายิ้มเยาะเริ่มหุบยิ้ม เขาคิ้วกระตุกไม่หยุด ชายคนนั้นกำลังจะฆ๋าเขาเพื่อซือหยู! ความรู้สึกโศกเศร้าเอ่อล้นออกมา
ไป่ลั่วชี้แนะเฉินยิ่งอย่างหนักแน่น
“เฉินยิ่ง สู้กับเขาเมื่อใดให้ยอมแพ้ซะ”
กระโจมเทพสวรรค์นั้นมีตัวตนยาวนาน และระบบการประลองก็ถูกปรับแก้มาหลายครั้ง ถ้าอีกฝ่ายยอมแพ้แต่ยังถูกไล่ตาม กระโจมเทพสวรรค์ก็จะลงโทษอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
จ้าวเฉินยิ่งผ่อนคลายลง เขายิ้มอย่างเยือกเย็น หรือจะพูดได้เลยว่าเขาฆ่าซือหยูไปแล้ว เขาทำมันลงไปแล้ว ใครอื่นจะมาแก้ไขอะไรได้อีก?
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเบาๆก็ดังมาจากเพลิงที่ยังคงลุกไหม้อยู่ในกลางอากาศ
“ข้าต้องขอบคุณพี่ต้าเหล่ยจริงๆ…”
“แต่ข้าควรจะเป็นคนที่แก้แค้นเรื่องของตัวเอง!”
เหล่าผู้คนตกใจ ซือหยูนั้นถูกเพลิงเผาทั้งเป็น…นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
อั่ก–
เพลิงแหวนออก ร่างแดงเพลิงบินออกมาจากภายในพุ่งเข้าไปหาเฉินยิ่ง เฉินยิ่งไม่ทันระวังและถูกซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง!
ตู้ม–
เหล่าผู้คนเห็นได้เลยว่าซือหยูถูกโอบล้อมด้วยเพลิงอันน่ากลัว และเขาก็เหยียบใบหน้าของเฉินยิ่งอยู่
เพลิงในร่างกายเขานั้นรุนแรงยิ่งกว่าเพลิงจากขนวิหคสีแดงเพลิง เพลิงนั้นทำอะไรซือหยูไม่ได้เลย!
ในตอนนั้น ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาก้มมองเฉินยิ่งขณะที่เหยียบอยู่
“อนิจจา ข้าไม่ใช่คนเดิมในตอนนั้นแล้ว แต่เจ้ามันไม่เปลี่ยนไปเลย เจ้ายังน่ารังเกียจเหมือนเดิม!”
ซือหยูใส่พลังอีกเล็กน้อย เขาส่งต้นกำเนิดอัคคีเข้าใส่เฉินยิ่ง ทุกคนได้ยินแค่เพียงเสียงกรีดร้องอันทุกข์ทรมานจากเฉินยิ่งก่อนที่เขาจะกลายเป็นเถ้าถ่าน