The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 448
ไป่ลั่วหันกลับไปมองซือหยูที่อยู่ห่างเพียงเล็กน้อย ซือหยูมีผ้าคลุมล่องหนอยู่ด้วย เส้นผมแดงโลหิตนั้นปลิวไสวแม้จะไร้แรงลม ดวงตาสดใสราวกับดาราคู่นั้นแผ่รัศมีอย่างประหลาด
“ก็แค่เล่นตุกติก!”
ไป่ลั่วยังคงยืนมือไพล่หลังอยู่ที่เดิม เขาไม่ปิดบังจิตสังหารในแววตา
“เจ้าทำเรื่องที่โง่เขลาที่สุดไปแล้ว”
ซือหยูมองคนตรงหน้า บอกได้เลยว่าคนคนนี้คือคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยบงการให้หลิงเสี่ยวเทียนตกอยู่ในสภาพนี้ เฉินยิ่งนั้นแค่ทำตามคำสั่ง ผู้ชักใยตัวจริงคือไป่ลั่ว! ผู้ที่ทะเยอทะยานจะปกครองอาณาจักรทมิฬ
“ถ้าปรารถนาก็จงต่อสู้ คำพูดไม่ทำให้เจ้าได้เป็นราชาแห่งความมืดหรอก!”
ไป่ลั่วแววตาเย็นชา เรื่องที่เขาหมายตาตำแหน่งราชาแห่งความมืดนั้นแทบจะไม่เป็นความลับ แต่ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา
“นามของอาณาจักรทมิฬมิอาจแปดเปื้อนเพราะคนเช่นเจ้า!”
ไป่ลั่วตะคอกกลับ
“จงเตรียมชดใช้ซะ”
ซือหยูหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นบ้าคลั่งและอวดดี
“ทำให้นามแปดเปื้อนงั้นเรอะ…ฮ่าๆๆๆๆ! มีไม่กี่คนที่จะมีสิทธิ์ดูหมิ่นนามของอาณาจักรทมิฬ และข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น!”
เขาที่เป็นรองเจ้าตำหนักกลับถูกขับไล่จากอาณาจักรและต้องเปลี่ยนชื่อแม้ไม่ได้คิดจะก่อกบฏ ถ้าเขาไม่มีสิทธิ์ดูหมิ่นอาณาจักรทมิฬ…แล้วใครกันจะทำได้?
คำพูดของเขาทำให้หลายคนตกใจ ราชาปีศาจหิมะทมิฬเคยเกี่ยวข้องกับอาณาจักรทมิฬในอดีตงั้นรึ? พวกเขาคิดถึงตอนที่ซือหยูแสดงความเคียดแค้นต่อเฉินยิ่ง และด้วยสถานการณ์ตอนนี้ นั่้นทำให้หลายคนสงสัยในตัวตนของราชาปีศาจหิมะทมิฬและเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แต่อาณาจักรทมิฬนั้นมีดินแดนทั่วโลก และยังมีศัตรูนับไม่ถ้วน ยากที่จะบอกได้ว่าเมื่อใดที่ราชาปีศาจหิมะทมิฬเป็นศัตรูของอาณาจักรทมิฬ หลายคนคิดเช่นนี้และเห็นพิรุธของอดีตซือหยู
ไป่ลั่วแข็งกร้าว
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเจ้าจะมีอะไรกับอาณาจักร ข้าจะลบเจ้าให้หายไปจากดินแดนของอาณาจักรทมิฬที่เจ้ายืนอยู่”
“ถ้าเจ้ามีพลังก็ลองด…”
แต่เขาก็ถูกส่งมายังพื้นที่ใกล้กับไป่ลั่วก่อนที่จะพูดจบ พลังมิติปรากฏบนพื้น ฝ่ามือซัดเข้ามาจากข้างล่าง
พลังนั้นเทียบได้กับพลังของกึ่งเทพ พลังกายระดับราชามนุษย์ของซือหยูคงจะพ่ายแพ้ในทันที ฝ่ามือเดียวนี้ก็มากพอที่จะสังหารเขา
“ฮื่ม! ตอบสนองได้ดี!”
“แต่มันจะจบตรงนี้”
ไป่ลั่วยังคงไม่ขยับออกจากที่เดิมแต่ก็มีมิติปรากฏใกล้กับที่ซือหยูอยู่บริเวณศีรษะ ดัชนีพุ่งออกมาหมายจะทะลวงศีรษะของซือหยู การโจมตีนี้ป่าเถื่อนอย่างมากแต่ซือหยูก็เตรียมการเอาไว้แล้ว เขาสร้างบันไดน้ำแข็งที่ใต้เท้าแม้ว่าเขาจะลอยอยู่กลางอากาศ
ซือหยูเหยียบเท้าลงบนบันไดน้ำแข็งและใช้แรงของมันเปลี่ยนทิศทาง เขาหลบพลังทั้งหมดโดยไม่ต้องลงแรงมากนัก แต่เมื่อร่างกายเขาพุ่งไปอีกด้านก็เจอมิติอีกด้านเกิดขึ้นที่ลำตัว มิติเกิดอย่างต่อเนื่องสามครั้ง ซือหยูไม่มีโอกาสให้ป้องกันตัว
ฉินจิงหยางกังวลถึงซือหยูเมื่อมองดูการต่อสู้ การโจมตีด้วยมิติเช่นนี้จะทำให้ชีวิตของซือหยูตกอยู่ในอันตราย สถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่โดยแท้จริง
คนที่เหลือก็เป็นห่วงซือหยูเช่นกัน แต่ซือหยูดูเหมือนจะทำนายได้ว่ามิติต่อไปจะปรากฏที่ไหน เขาสร้างขั้นน้ำแข็งและแตะปลายเท้าเบาๆเพื่อหลบอย่างง่ายดาย ท่าทางของเขาไหลลื่นอย่างมากตั้งแต่แรกสุด
ไป่ลั่วหรี่ตา
“เจ้าสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงมิติได้ด้วยรึ?”
การตอบสนองของซือหยูไม่ได้อธิบายง่ายๆด้วยเพราะการตอบสนองอันรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนั้นราวกับรู้อยู่แล้วว่าวิชาประหลาดของไป่ลั่วจะเป็นอย่างไร ไป่ลั่วใช้วิชานี้สังหารซือหยูไม่ได้
ซือหยูยังคงเงียบ เขาลอยไปถึงพื้น
ไป่ลั่วยักไหล่ เขาย้ายตัวเองออกไปไกลกว่าเดิม และในตอนนั้นก็มีเสาน้ำแข็งสูงสามศอกพุ่งออกมาจากพื้นที่เขาเคยยืน ราวกับว่าหอกน้ำแข็งนั้นพุ่งออกมาจากพื้น ถ้าไป่ลั่วไม่ได้อยู่ในระดับกึ่งเทพที่สัมผัสสิ่งรอบข้างได้เขาก็คงจะถูกแทงทะลุไปแล้ว!
แต่ไป่ลั่วที่เพิ่งย้ายตัวเองหนีไปก็พบว่าไอวารีตรงหน้าได้กลายเป็นเข็มน้ำแข็ง เข็มเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ไป่ลั่ว ด้วยระยะที่ใกล้แค่นี้ ไป่ลั่วไม่มีโอกาสจะหลบได้เลย
เมื่อเห็นว่าเข็มกำลังจะทะลุหัวใจ ไป่ลั่วได้ห่มกายด้วยพลังมิติ เหล่าเข็มน้ำแข็งที่ทะลุผ่านเขานั้นถูกมิติกลืนเข้าไป
หลายคนตกตะลึง หากใช้วิชามิติได้เช่นนี้ก็เท่ากับการมีร่างอันเป็นอมตะ การโจมตีทุกอย่างจะถูกวิชามิติกลืนกินไป
แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าก็คือราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นเป็นเพียงผู้คุมสวรรค์ เขารับมือกับไป่ลั่วที่เป็นกึ่งเทพได้! และที่สำคัญกว่าก็คือไป่ลั่วนั้นมีพลังกึ่งเทพที่เหนือกว่ากึ่งเทพคนอื่นๆ เขาคือแนวหน้าของเหล่ากึ่งเทพ
ฉินยู่ชางมองดูการต่อสู้ที่ดำเนินไปด้วยหน้าซีดเผือด เมื่อคิดว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬแข็งแกร่งขนาดนี้!
ไป่ลั่วสีหน้าอัปลักษณ์ เขาอยากจะจบการต่อสู้โดยเร็วและใช้พลังสังหารราชาปีศาจหิมะทมิฬในการล้างแค้นให้กับเฉินยิ่งเพื่อจะได้กอบกู้ชื่อเสียงกลับมา แต่ราชาปีศาจหิมะทมิฬกลับรับมือยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
“มันจะจบตรงนี้แหละ!”
ไป่ลั่วคำรามลั่น
พลังมิติปรากฏต่อเนื่องกันหกมิติรอบกายซือหยู มันล้อมทั้งร่างซือหยูพร้อมกัน และแข็มน้ำแข็งก็พุ่งออกมาจากมิติเหล่านั้น ดูเหมือนว่าไป่ลั่วกำลังใช้วิชาของซือหยูจัดการกับซือหยู
สถานการณ์ในตอนนี้อันตรายยิ่งกว่าตอนที่ฉินจิวหยางพบเจอ แต่ซือหยูก็ยังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย พลังความเย็นในร่างเอ่อล้น เข็มน้ำแข็งที่พุ่งเข้าใส่กลายเป็นพลังความเย็นและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง
เขาสลายการโจมตีอย่างง่ายดายจนทำให้หลงหวูชิงเลือดร้อนด้วยใจอยากจะต่อสู้
“บ่มเพาะธาตุน้ำแข็งได้ถึงระดับนี้…”
หลงหวูชิงประหลาดใจ
“ผลที่ได้นั้นทรงพลังอย่างแท้จริง วิชานั้นจะแข็งแกร่งเพียงใดกันถ้าเขาไปถึงจุดต้นกำเนิด”
คนที่เหลือตกใจเช่นกัน ราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นบ่มเพาะธาตุน้ำแข็งและอัคคีพร้อมกัน อัคคีนั้นถูกบ่มเพาะจนถึงระดับสูงสุด เขาไปถึงระดับต้นกำเนิด ระดับของธาตุน้ำแข็งก็ไม่มีที่ติ เขารับมือกับไป่ลั่วโดยใช้แค่ธาตุน้ำแข็งของตัวเอง
ซือหยูดูดซับพลังกลับและก้าวไปข้างหน้า เขาเดินออกจากมิติทั้งหกโดยรอบ
“ข้ายอมรับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไป จงภูมิใจซะที่อยู่มาได้ถึงตอนนี้!”
ไป่ลั่วพูดจบและหายใจเข้าลึก จากนั้นเขาจึงส่งพลังมิติมหาศาลออกจากร่างกาย มิติทั้งเก้าปรากฏขึ้นรอบตัวซือหยูในทันที ทุกมิตินั้นปิดทางหนี มันเข้ากดดันซือหยูให้อยู่ในที่แคบ ทุกการเคลื่อนไหวจะทำให้เขาสัมผัสกับคลื่นมิติ ร่างกายเขาจะถูกฉีกกระชากออกมา
นี่คือกระบวนท่าที่ใช้เอาชนะฉินจิวหยาง ใครจะไปคิดว่าซือหยูจะทำให้ไป่ลั่วต้องใช้พลังถึงระดับนี้?
ไป่ลั่วหยิบเข็มสมบัติเทพทั้งเก้าเล่มออกมา เขาขว้างมันออกไป เข็มทั้งเก้าเข้าสู่คลื่นมิติและปรากฏอีกครั้งที่่มิติข้างซือหยู
ฉินจิวหยางเกือบตายเพราะกระบวนท่านี้!
“สายไปแล้วที่จะยอมแพ้!”
ไป่ลั่วตะโกน จิตสังหารของเขาพวยพุ่ง เขากำหมัดพร้อมกับเข็มทั้งเก้าที่พุ่งเข้าใส่ซือหยู
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง–
แต่ในความวุ่นวายนั้น ภาพซือหยูอาบโลหิตจากการที่หัวใจถูกเสียบทะลุไม่ได้เกิดขึ้น ทุกคนกลับได้ยินเพียงเสียงโลหะกระทบกัน ราวกับมีอะไรปะทะกับเข็ม
เข็มเหล็กทั้งเก้าไม่ได้ทะลุซือหยู มันกลับปะทะกับของแข็งบางอย่าง แข็งทุกเล่มร่วงหล่นลงกับพื้น
“ดูนั่น มีอะไรบนร่างของเขากัน?”
บางคนเห็นชุดเกราะทมิฬปรากฏจากร่างของซือหยู
ชุดเกราะนั้นสีดำสนิทและปล่อยแสงสีดำออกมา มีหนามยื่นออกมาจากเกราะไหล่ และยังมีภาพเขียนสัตว์ป่าดุร้ายที่กลางอก ชุดเกราะนี้ดูยอดเยี่ยม สมบัติเทพระดับกลางทั้งเก้าสร้างรอยขีดข่วนไม่ได้เลย
ไป่ลั่วเลิกคิ้ว
“ชุดเกราะนั่นมันอะไรกัน? เป็นไปไม่ได้ แม้แต่สมบัติเทพระดับสูงก็ต้องมีรอยขีดข่วนบ้างสิ!”
ฉินจิวหยาง กังต้าเหล่ย และหลงหวูชิงตกตะลึง ชุดเกราะนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่สมบัติเทพระดับกลางก็ทำอะไรไม่ได้…นั่นมันเป็นสมบัติประเภทใดกัน?
ชายแก่ขี้เมาแววตาดุร้าย
“นั่นมัน…มันมาอยู่ในทวีปเฉินหลงได้ยังไง?”
แววตาแดงก่ำของชายในผ้าคลุมม่วงเปลี่ยนไป
“เกราะราชาศิลานิรันดร์ของข้า! ข้าคิดว่ามันถูกทำลายในการต่อสู้เมื่ออดีต แต่มันยังคงอยู่ในโลกใบนี้ มีรูตรงอกนั่นทำให้มันไปอยู่ระดับกึ่งสมบัติเทพ แต่มันก็ซ่อมได้ถ้าหาศิลานิรันดร์เจอ! ชุดเกราะของข้าไปอยู่ในมือไอ้เด็กนั่นได้ยังไง? หึหึ! สวรรค์ช่วยข้าจริงๆ!”
ซือหยูสีหน้าพอใจ แม้เขาจะรู้ว่าสมบัติเทพระดับกลางทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ยิ่งดีใจกับพลังป้องกันของชุดเกราะที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
ซือหยูคว้าเข็มทั้งเก้าเล่มเอาไว้ เขาสัมผัสเข็มเหล็กทั้งหมดและพบว่ามีร่องรอยของคนอื่นอยู่ นี่พิสูจน์ได้ว่าไป่ลั่วยังไม่ได้ชำระเข็มเหล่านี้ เขาเพียงแค่ใช้ความคมกริบของสมบัติเทพเท่านั้น
เข็มเหล่านี้เป็นสมบัติประเภทชุด ถ้าเขาชำระมันได้ พลังของเข็มเหล่านี้ก็ไม่น่าจะอ่อนแอไปกว่าสมบัติเทพระดับสูง ซือหยูเก็บเข็มทั้งเก้าเล่มไว้กับตัวทันที และก็แอบเอามันใส่ในคันฉ่องจักรวาล
“สมบัติเทพของข้า!”
ไป่ลั่วหน้าซีด
“ย่อมได้! ข้าจะไม่เอาแค่ชีวิตเจ้าแล้ว…ข้าจะเอาของของข้าคืนมาด้วย!”
ซือหยูมองไป่ลั่วด้วยสายตาเยือกเย็น
“เจ้ายังเชื่อว่าเจ้ามีพลังที่ฆ่าข้าได้อยู่อีกรึ?”
“ฮื่ม! ข้าฆ่าเจ้าได้เดี๋ยวนี้แหละ!”
ไป่ลั่วสีหน้าดุร้าย
“ระเบิด!”