The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 450
“เกินร้อยกระบวนท่า…”
ข้อความลอยขึ้นมา
“ถือว่าการประลองนี้เสมอ โปรดหยุดประลอง”
การที่ทั้งสองเสมอกันนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ พวกเขากลับไปยังเสาศิลาของตัวเอง มังกรตัวที่หกครึ่งท่อนส่องแสงประการออกมา ทั้งสองปะทะกันมานานแต่ก็ทำได้แค่ทำให้ลายมังกรที่หกตอบสนองเพียงครึ่งเดียว หลายคนไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
“การต่อสู้นี้ก็เกินกว่ามาตรฐานของกึ่งเทพไปแล้ว…”
หลงเฟยฉิงตกตะลึง
“แต่กลับทำให้ลายมังกรตอบสนองได้แค่ครึ่งเดียว การตอบสนองมันเสียหายงั้นรึ?”
หลงหวูชิงจ้องมองซือหยู
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ดูการเปลี่ยนแปลงเหนือศีรษะของพวกนั้นสิ”
มังกรทองของซือหยูนั้นยาวกว่าเดิมมากกว่าสองเท่า ร่างกายของมันเปล่งแสงทองออกมาอย่างงดงาม
ส่วนไป่ลั่วนั่นก็เกิดมังกรที่ยาวเท่ากันอีกด้วย
“ขนาดมังกรที่เพิ่มขึ้นนั่นห่างไกลจากการต่อสู้ของฉินจิวหยางมากนัก”
“บอกได้ว่าการประลองนี้เข้มข้นกว่า มิใช่เพราะการตอบสนองผิดพลาด แต่มันกลับหมายถึงการเปิดประตูที่หกที่ยากกว่าพวกเราคิด”
ชายแก่ขี้เมาตาเป็นประกาย
“พลังของยอดฝีมือในยุคนี้เหนือกว่าเมื่อหมื่นปีก่อนยิ่งนัก แค่ไม่กี่การประลองก็ทำให้ลายที่หกตอบสนองแล้ว ถ้ายังเป็นเช่นนี้ การเปิดประตูที่หกก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
หลงจื้อชิงตกใจ เขามองราชาปีศาจหิมะทมิฬด้วยความระมัดระัง เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย เขาคิดถึงเหตุการในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ถ้าเขาโจมตีซือหยูจริงๆ เขาอาจจะเอาชนะซือหยูไม่ได้
“เจ้าสองคนต้องถอยกลับ…”
ทั้งสองอ่านข้อความบนอากาศ
“ตามกฎ การเสมอหมายถึงทั้งสองฝ่ายเสียสิทธิ์ในการประลอง เสาศิลาอื่นที่ต่อสู้น้อยที่สุดจะต้องส่งตัวแทนมาท้าทายคู่ต่อสู้”
จนถึงตอนนี้ มีเพียงชายชุดม่วงกับคนจากสี่ตระกูลเท่านั้นที่ยังไม่ได้ประลอง
ชายคนหนึ่งบินลงมาอย่างรวดเร็ว เขามีเส้นผมมรกตตรงยาว ดวงตานั้นเล็กอย่างผิดปกติ เขาคือยอดฝีมือจากตระกูลฉี เขามีพลังของราชามนุษย์ พลังนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลงเฟยฉิง
เขามองรอบๆ และเมื่อมองผ่านซือหยู เขาก็ละสายตาไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬจะเอาสมบัติตระกูลฉีไปในงานวิวาห์ เขาก็ไม่คิดจะต่อสู้ เหล่าราชามนุษย์ต่างก็คิดว่าซือหยูอยู่ในระดับของกึ่งเทพ
สุดท้ายพวกเขาก็มองไปยังฉินยู่ชาง จากนั้นจึงมีเสียงเตือนดังขึ้นมา
“คนที่จะต่อสู้เป็นครั้งแรกไม่สามารถเลือกคนที่พ่ายแพ้ได้”
เมื่อข้อความดัง ชายผมสีมรกตก็สีหน้าหมองลง เขาเริ่มหาคนที่น่าจะอ่อนแอกว่า สุดท้ายเขาก็มองไปยังจ้าวแห่งความมืดคนที่เจ็ด จ้าวยี่หยู!
“เจ้า!”
เขาตะโกน
“ลงมาประลองกับข้า!”
เจ็ดจ้าวแห่งความมืดหัวเราะ ยี่หยูหัวเราะเบาๆก่อนจะบินลงจากเสาศิลา นางดูสง่างาม ท่วงท่าของนางนั้นอ่อนช้อย
“ย่อมได้”
ยี่หยูใช้มืออันสะอาดสะอ้านสร้างผนึกเพื่อเตรียมต่อสู้
“เข้ามา”
“ข้าคือฉีเจี้ย”
“โปรดอภัยที่เสียมารยาท”
ฉีเจี้ยหายตัวไปในตอนที่พูดจบ มีคนไม่มากนักที่มองตามฉีเจี้ยทัน
“วิชาเคลื่อนไหวนั่นเร็วมาก!”
หลงหวูชิงมองการประลองอย่างยอมรับบนเสาศิลา
“สมกับเป็นคนตระกูลฉี วิชาเคลื่อนไหวช่างไร้เทียมทาน”
เหล่าคนที่เหลืออุทานอย่างตกใจ แม้แต่ซือหยูก็ตกใจเล็กน้อย เขาเห็นแต่เพียงร่างที่ไม่ชัดเจนแม้จะใช้เนตรวิญญาณ ความเร็วของฉีเจี้ยนั้นเหนือกว่าเหล่ากึ่งเทพที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้าแข่งขันกันด้านความเร็วเพียงอย่างเดียว เขาก็อาจจะอยู่ลำดับที่หนึ่ง
ในพริบตาเดียว ระยะห่างไกลก็เข้ามาใกล้ เซี่ยจิงหยูที่เป็นที่รู้จักในนามจ้าวยี่หยูแทบจะไม่มีเวลาได้ตอบสนอง มือของนางยังคงอยู่ที่เดิมในท่าที่กำลังสร้างผนึก ทั้งหมดได้ยินเพียงเสียงของฉีเจี้ยที่พูดว่า
“มันจบแล้ว”
ฝ่ามือพุ่งออกไปยังลำคอของยี่หยู แต่ต่อมายี่หยูก็ยิ้มเบาๆ ดัชนีของนางขยับอย่างรวดเร็ว จู่ๆไอวารีรอบกายนางก็หนาแน่นขึ้น มันก่อตัวเป็นเหล่ามังกรวารีเข้ารัดอีกฝ่ายที่ไร้การป้องกัน
ฉีเจี้ยตกใจ เขาใช้ความเร็วหลบมังกรวารีอย่างไม่ลังเล แต่ยี่หยูก็สร้างผนึกมังกรได้ทันเวลา ม่านวารีพุ่งลงจากนภาเข้าจองจำฉีเจี้ย
ยี่หยูไม่ทิ้งเวลาให้สูญเปล่า นางโจมตีอีกครั้ง สีหน้าฉีเจี้ยเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวจากการโจมตีแรก เขาป้องกันและก็พบว่ามีการโจมตีเป็นสิบแบบที่แตกต่างกันพุ่งเข้าหาเขาจากหลายทิศทาง
ฉีเจี้ยกระเด็นออกไป แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น การโจมตีเกือบยี่สิบแบบพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง
ทั้งลานประลองเต็มไปด้วยกระบวนท่าของยี่หยู วารีส่องประกายทุกทิศทางจนทำให้ทุกคนตกใจ
ฉีเจี้ยหน้าซีด เขาขนลุกซู่
“ข้าขอยอมแพ้!”
เขารีบตะโกนออกมา
เขารีบบินกลับเสาศิลา
“จ้าวยี่หยูเป็นผู้ชนะ”
เสียงประกาศดังมาจากกระโจมเทพสวรรค์
มังกรยาวห้านิ้วปรากฏเหนือศีรษะยี่หยู การต่อสู้นี้ใกล้เคียงกับระดับของกึ่งเทพ เหล่าเจ็ดจ้าวแห่งความมืดต่างชมเชยกันอีก
“ฮ่าๆๆ เจ้าเลือกยี่หยูแทนที่จะเลือกคนตั้งมากมาย! นอกจากไป่ลั่วก็ไม่มีใครในเจ็ดจ้าวแห่งความมืดรับมือกับนางได้อีกแล้ว”
ทุกคนตกตะลึง ความเร็วที่นางสร้างผนึกวิชา และพลังที่ใช้วิชาที่แตกต่างกันได้สามสิบกระบวนท่าในช่วงเวลาสั้นๆทำให้ทุกคนหวาดกลัว
ยี่หยูมองรอบๆและจ้องมองไปที่หลงหวูชิง
“อย่างไรพวกเราก็เป็นสตรี มาประลองกันเถอะ”
หลงหวูชิงคือสตรียอดฝีมือที่ใกล้เคียงกับขอบเขตภูติมากที่สุด นางสนใจการประลองนี้เช่นกัน
“ข้าอาจจะไม่สนใจถ้าคนอื่นท้าข้าประลอง แต่ไม่ใช่กับเจ้า”
ฟึ่บ–
หลงหวูชิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ต่อมานางก็ไปหยุดอยู่หน้ายี่หยูแล้ว ชุดของนางปลิวไปตามแรงลม พลังมหาศาลเอ่อล้นจากร่าง นางนั้นราวกับจักรพรรดินีที่เดินทางมายังโลก
“ลงมือซะ…”
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวินาที”
ยี่หยูใจเย็น
“สามวินาทีก็มากพอแล้วที่จะบอกว่าใครชนะ”
ยี่หยูสร้างผนึกวิชาด้วยมือทั้งสองข้าง นางปล่อยกระบวนท่าด้วยความเร็วราวกับพระเจ้าจนทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง นางสร้างการโจมตีจากกระบวนท่านับไม่ถ้วน เพียงสามวินาทีก็มีเก้าสิบวิชาจากทั้งลานประลอง และมันยังเต็มไปด้วยการโจมตีหลากหลายรูปแบบ และบางวิชายังเป็นวิชาระดับอำมฤตระดับสาม!
ทั้งเก้าสิบวิชาพุ่งเข้าไปพร้อมกัน มันเทียบเท่ากับราชามนุษย์เก้าสิบคนที่โจมตีในคราเดียว แม้แต่ไป่ลั่ว ฉินจิวหยาง และกังต้าเหล่ยที่ยืนดูอยู่บนเสาศิลาก็ตกใจ แม้จะเป็นพวกเขาก็ยากนักที่จะรับการโจมตีเช่นนี้ได้
แต่หลงหวูชิงนั้นเยือกเย็น ความท้าทายฉาบแววตา นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหยิบสิ่งของที่คล้ายหีบออกมา
หึบอ้าปาก แสงทองประกายสิ่งรอบข้าง พลังไร้ขอบเขตเล็ดลอดออกมาจากหีบ พลังทำลายที่แผ่ไปยังรอบข้างก็มากพอแล้วที่จะทำให้คนขนลุก แม้แต่ซือหยูก็รู้สึกเจ็บปวดที่ดวงวิญญาณเมื่อมองด้วยเนตรวิญญาณ แต่ซือหยูนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในหึบ…ในหีบนั้นมีสมบัติเทพนับไม่ถ้วนอยู่ภายใน! สมบัติเทพมากกว่าพันชิ้นอัดแน่นอยู่ในหีบนั้น!
ใช่แล้ว สมบัติเทพมากกว่าพันชิ้น!
“ฆ่ามันซะ”
หลงหวูชิงบัญชา นางชี้ดัชนีออกไป
เหล่าสมบัติเทพมากมายบินออกจากหีบ แต่ละชิ้นนั้นมีพลังอันน่ากลัว การโจมตีเก้าสิบกระบวนท่าของยี่หยูถูกทำลายในทันที!
ใบหน้ายี่หยูซีดเผือด นางมองดูหีบที่เต็มไปด้วยสมบัติเทพจนต้องกล่าวชมเชย
“ว่ากันว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มีหีบโบราณที่เก็บสมบัติเทพได้ในช่วงพันปี”
“แต่หีบนั้นมีปัญญาของตัวเองที่สูงส่ง มิอาจถูกควบคุมได้โดยใคร แต่เจ้ากลับควบคุมมันได้สำเร็จ”
ชายแก่ขี้เมามองด้วยความนับถือ
“โอ้ ขอบเขตภูติอย่างพวกข้าก็ควบคุมหีบนั่นไม่ได้ แต่แม่สาวคนนี้กลับควบคุมได้แม้จะเป็นกึ่งเทพ!”
ทวีปคงสั่นสะเทือนเป็นแน่ถ้าข่าวนี้เผยแพร่ออกไป สมบัติเทพที่แม้แต่ภูติก็ควบคุมไม่ได้…มันจะเป็นสมบัติระดับไหนกัน?
จิตใจของเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดสั่นคลอนเมื่อได้พบกับแรงกดดันมหาศาลที่เกิดจากหีบโบราณ
“ข้าแพ้แล้ว”
ยี่หยูยิ้มอย่างสุภาพ นางกลับเสาศิลาอย่างสง่างาม
มังกรยาวสิบนิ้วปรากฏบนศีรษะหลงหวูชิง! มังกรของซือหยูยาวสิบห้านิ้วเมื่อผ่านไปสามการประลอง แต่หลงหวูชิงนั้นสร้างมังกรยาวเช่นนั้นได้เพียงแค่การประลองเดียว พลังของนางนั้นมิอาจดูถูกได้เลย แต่ลายมังกรที่พื้นก็ไม่ได้ขยับมากนัก มันยังคงอยู่ในระดับครึ่งเดียว จะต้องมีการประลองที่ยิ่งใหญ่ขึ้นถ้าออยากจะปลุกลายมังกรให้ตื่นอย่างเต็มที่!
หลงหวูชิงมองดูชายลึกลับในชุดม่วง
“เจ้า ชายชุดม่วงตรงนั้น ลงมา มีแค่เจ้าที่จะประลองกับข้าได้”
ชายคนนั้นยังไม่ได้ต่อสู้ แม้แต่นามก็เป็นสิ่งลึกลับ
“ข้าขอยอมแพ้!”
เขายอมแพ้โดยไม่ลังเล
“ไป่ฉียอมแพ้”
กระโจมประกาศก้อง
“หลงหวูชิงเป็นฝ่ายชนะ”
มังกรทองของหลงหวูชิงยาวขึ้นอีกสามนิ้ว
“ต่อไป เสาศิลาที่ยังไม่ได้ต่อสู้จะต้องลงมาประลอง”
ในบรรดาเสาศิลาทั้งห้า มีแค่เสาศิลาของชายชุดม่วงที่ชื่อไป่ฉีที่ยังไม่ได้ต่อสู้ เขาไม่มีโอกาสจะยอมแพ้ในครั้งนี้
“ถ้าข้าไม่มีทางเลือก ข้าก็จะลองดู”
ไป่ฉีพูดและบินไปอย่างเรียบเฉย เขาชี้ไปหาไป่ลั่ว
“ลงมา”
ไป่ลั่วโกรธแค้น ชายคนนี้ไม่กล้าจะสู้กับหลงหวูชิงแต่ก็กล้าประลองกับเขา สำหรับไปลั่วแล้วนี่เป็นการบอกว่าพลังของเขาอ่อนด้อยกว่าอย่างชัดเจน
“ก็ได้ ข้าจะสู้กับเจ้า!”
ไป่ลั่วพูดและบินลงไป
เมื่อถึงพื้นก็มีคลื่นมิติปรากฏหลังไป่ฉี หมัดที่ไม่คาดคิดพุ่งออกมาจากมิตินั้น
การโจมตีนี้ประหลาด ไร้การตั้งตัว และไร้ปรานีอย่างมาก แต่ไป่ฉีก็ดูเหมือนจะคาดเอาไว้แล้ว เขาไม่ขยับตัว และยังยิ้มเยาะออกมา
ตู้ม—
ไป่ลั่วลอบโจมตีอย่างโหดเหี้ยมได้สำเร็จ ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจแรง!
ไป่ฉีนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับแม้แต่น้อย คนที่ถอยกลับเป็นไป่ลั่ว!
โลหิตไหลออกจากมุมปากของไป่ลั่ว เขาตกตะลึง
“ร่างกายเจ้า…เป็นไปไม่ได้! นอกจากเจ้าจะอยู่ในขอบเขตภูติ!”
ไป่ฉียิ้มเยาะ
“เจ้าไม่รู้หรอกถ้ายังไม่ได้ลองอีกรอบ”
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าไปโจมตีไป่ลั่วโดยใช้พลังกายเพียงอย่างเดียว