The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 452
กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางมองหน้ากันและมองดูไป่ลั่วที่กำลังยุ่งอยู่กับการรับมือหลงหวูชิง แววตาทั้งคู่เหมือนจะตกลงอะไรบางอย่างและรีบพุ่งไปหาไป่ลั่วมิใช่เพื่อจู่โจม แต่เพื่อร่วมมือกันจัดการหลงหวูชิง!
ถ้าหากหลงหวูชิงเอาชนะไปลั่วและได้มังกรไป นางจะเป็นคนที่มีมังกรสูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
หลงหวูชิงไม่ได้โกรธแค้น นางกลับหัวเราะออกมา
“พวกเจ้ามาถูกเวลาพอดี! ข้าจะได้สู้ด้วยพลังเต็มที่!”
หีบข้างหลังนางระเบิดแสงสีทอง!
ซือหยูกับยี่หยูที่อยู่อีกด้านนั้นต่อสู้กันอย่างที่สัญญากันไว้ ยี่หยูใช้วิชาด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อแบบเดิมและใช้หลายวิชาในคราเดียว วิชาวารีสิบแบบที่แตกต่างกันหลอมรวมเป็นหนึ่งทำให้เกิดพลังที่ใกล้เคียงกับกึ่งเทพ
ซือหยูยิ้มเบาๆ
“ดี!”
ซือหยูพ่นนกเพลิงที่เกิดจากต้นกำเนิดอัคคี นกเพลิงนี้มีความร้อนอย่างมาก วิชาวารีนั้นสลายเป็นไอในไม่นาน
ยี่หยูนั้นไม่ได้ไม่พอใจ สิบวิชานี้ก็เพียงเพื่อยื้อเวลาให้นาง นางเตรียมวิชาไว้มากยิ่งกว่าเดิม
“หึหึ…”
ซือหยูหัวเราะเบาๆ
ยี่หยูสีหนา้เปลี่ยนไป น้ำพุพุ่งมาจากด้านล่างและผลักนางขึ้นฟ้าเพื่อหลบการโจมตี แต่กระนั้นก็มีพลังความเย็นแล่นผ่านในจุดที่นางอยู่ น้ำพุได้กลายเป็นน้ำแข็งในพริบตา
น้ำแข็งสายน้ำพุแตกสลาย ท้องนภาเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง แต่ดูเหมือนว่ายี่หยูจะคาดเอาเอาไว้แล้ว นางบินหนีจากน้ำพุล่วงหน้าล
ฟึ่บ–
ในตอนนั้นก็มีกลุ่มเศษน้ำแข็งรวมตัวเป็นศรธนูยาวพุ่งเข้าใส่นาง ยี่หยูไม่ทันป้องกัน นางไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดใช้วิชาที่กำลังจะปล่อยออกไป คลื่นวารีเปล่งประกายรอบตัว ศรน้ำแข็งที่พุ่งเข้าใส่ได้กลายเป็นวารีหยดสู่พื้น
นางปรากฏตัวอีกครั้งที่ร้อยศอกไกลออกไป นางหน้าซีดเล็ดน้อย นั่นเป็นวิชาที่ใช้ช่วยชีวิตนาง แต่มันก็ใช้พลังวิญญาณไปมหาศาล
ซือหยูดูเหมือนจะรู้ว่ายี่หยูหนีไปที่ใด เขายิงก้อนน้ำแข็งไปยังจุดนั้นก่อนที่นางจะปรากฏตัวเต็มที่เสียอีก นางเบิกตากว้าง คลื่นวารีเปล่งประกายรอบตัวอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้นางไปปรากฏตัวที่เสาศิลา
“ไม่ต้องประลองอีกแล้ว…”
ยี่หยูมองซือหยูด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม
“ข้าไม่ใช่คู่แข่งของเจ้า”
นางเคยคิดว่านางอาจจะรับมือกับราชาปีศาจหิมะทมิฬได้เมื่อสำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์ แต่เขาแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่เคยปล่อยให้นางมีเวลาได้ใช้พลัง…โดยใช้เพียงแค่วิชาธาตุน้ำแข็งเพียงอย่างเดียว
ยี่หยูย่นจมูก นางถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าชนะ ฮื่ม!”
มังกรห้านิ้วเหนือศีรษะนางลดความยาวไปสองนิ้ว มังกรของซือหยูเพิ่มเป็นยาวสิบแปดนิ้ว
การต่อสู้จบลง ซือหยูมองจุดที่กังต้าเหล่ยกำลังต่อสู้ เขาตกใจมาก! หลงหวูชิงนั้นเหนือกว่าพลังของสามคนที่ร่วมมือกัน ทั้งสามคนทำได้แค่ป้องกันและไม่มีพลังพอจะตอบโต้! และยังมีบาดแผลจากทั้งสามคนทั่วร่างกาย พวกเขาใช้พลังไปมหาศาล ใบหน้าเริ่มซีด
ส่วนหลงหวูชิงที่กำลังต่อสู้กับกึ่งเทพทั้งสามคนนั้นกลับดูสบายๆ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคิดเอาไว้อย่างมาก
ความเยือกเย็นบนใบหน้าหลงหวูชิงแทนที่ด้วยความเร่าร้อน
“ฆ่าๆๆ! อย่างนี้สิดี ข้าไม่ได้ต่อสู้แบบนี้มานานแล้ว”
ซือหยูพยายามจะซ่อนความตกใจ แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าราชาปีศาจ นางก็ใกล้เคียงกับระดับนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ พลังของนางนั้นอยู่ในชั้นแนวหน้าของเหล่ากึ่งเทพ
เสียงประกาศดังขึ้น
“หมดเวลาครึ่งชั่วยาม การประลองจบลงแล้ว”
ทุกคนยุติการต่อสู้ ฉินจิวหยางจัดชุดที่ยุ่งเหยิงด้วยความขมขื่น แม้แต่กังต้าเหล่ยก็ผิดหวัง แต่เมื่อซือหยูมองกังต้าเหล่ยก็พบกับแสงเทพที่แน่นหนาอย่างมาก มันมิอาจมองทะลุได้ด้วยเนตรวิญญาณ นั่นชี้ให้เห็นว่าเขายังมีพลังที่ยังไม่ได้ใช้อีกมาก
ซือหยูสงสัยในรูปลักษณ์ที่แท้จริงของกังต้าเหล่ย เขาทั้งสองรู้จักกันมาพอสมควร แต่กังต้าเหล่ยก็ไม่เคยเผยร่างกายที่แท้จริงออกมาเลย
“เสาศิลาแรกได้มังกรสิบแปดนิ้ว”
นั่นคือกลุ่มของซือหยู
“เสาที่สองเสมอกัน ได้มังกรสิบแปดนิ้ว”
มังกรสองนิ้วนั้นมาจากจ้าวยี่หยู ดังนั้นแล้วผลออกมาจึงเสมอกัน
“เสาที่สามได้มังกรสิบห้านิ้ว”
หนึ่งนิ้วมาจากหลงเฟยฉิงแห่งผู้คุมสวรรค์
“เสาที่สี่ได้สิบสี่นิ้ว เสาที่ห้าได้ศูนย์”
ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือเสาศิลาของซือหยู เขาพุ่งทะยานจากลำดับสามมาเป็นที่หนึ่ง
“ผลของบุคคล ลำดับหนึ่งเป็ยของซือหยูที่ได้มังกรสิบแปดนิ้ว ที่สองคือไป่ลั่วที่ได้สิบห้านิ้ว ที่สามคือไป่ฉีที่ได้สิบสี่นิ้ว”
เสียงหยุดลงไป บอลแสงปรากฏขึ้นจากลายมังกรด้านล่างไปหาคนทั้งสาม ซือหยูเอื้อมมือออกไปคว้า บอลแสงนั้นกระจัดกระจายเผยให้เห็นของสองสิ่ง หนึ่งคือมีดทองคำทั้งเล่มที่ปล่อยแสงกดดันวิญญาณประหลาดออกมา ซือหยูประหลาดใจและยินดีอย่างมากที่ได้สมบัติเทพระดับกลางชั้นแนวหน้าเช่นนี้!
เขามองไป่ลั่วกับไป่ฉี ทั้งสองได้สมบัติเทพระดับกลางธรรมดาๆ แม้ว่าไป่ลั่วจะได้ที่สองและได้สมบัติเทพสองชิ้น แต่สมบัติเทพธรรมดาๆก็ไม่มีผลอะไรกับกึ่งเทพนัก
ไป่ลั่วสีหน้าดุร้ายเมื่อเห็นว่าซือหยูได้สมบัติเทพชั้นดี มันไม่ใช่เพราะซือหยูได้สมบัติเทพแต่เป็นเพราะสมบัติเทพนั้นยังไม่เคยถูกชำระล้าง! สมบัติเทพที่ยังไม่เคยมีเจ้าของนั้นหายากอย่างยิ่งยวดในทวีปเฉินหลง โชคชะตาระดับสุดยอดเท่านั้นที่จะทำให้ได้มันมาครอง เพราะแม้แต่ไป่ลั่ว เขาก็ยังมีเข็มเหล็กที่มีเจ้าของอื่นมาก่อนหน้า
ซือหยูดูดีใจ มีดทองคำนี้คือสมบัติเทพชิ้นแรกที่เขาเรียกได้อย่างเต็มปากว่าเป็นของตัวเอง สมบัติเทพชิ้นอื่นนั้นล้วนถูกใช้งานโดยคนอื่นหรือกำลังถูกเขาชำระให้เป็นของตัวเองทุกชิ้น
ซือหยูหลอมแก่นโลหิตของตัวเองเข้าไปในมีดทองทันที มีดทองได้สร้างสายสัมพันธ์กับเขา
พลังประหลาดอันเยือกเย็นเข้าสู่สมองของเขา
มีดเกล็ดทองคำ สร้างจากแร่เกล็ดทองคำและใช้ตัดเหล็กได้ราวกับโคลน ขึ้นชื่อด้านความคม หลังจากชำระมีดเล่มนี้แล้ว มันจะตัดได้ทุกสิ่งที่ระดับต่ำกว่าสมบัติวิญญาณ
ซือหยูคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาทดสอบมีดกับชุดเกราะทมิฬที่มี เขาชี้ปลายมีดลงบนชุดเกราะเบาๆ ซือหยูตกตะลึง เขาพบรอยข่วนเล็กๆที่ชุดเกราะ ชุดเกราะที่เทียบได้กับกึ่งสมบัติวิญญาณถูกตัดได้อย่างไม่ยากเย็น!
สมกับเป็นมีดที่ขึ้นชื่อในเรื่องความคมและตัดทุกอย่างที่ระดับต่ำกว่าสมบัติวิญญาณได้ แต่มีดเกล็ดทองคำนี้ก็ได้มาโดยบังเอิญ ซือหยูตื่นเต้นกับของต่อไปเสียมากกว่า!
“วารีบุพผาสวรรค์!”
วารีที่ลบล้างร่องรอยของสมบัติเทพในระดับสมบัติวิญญาณลงมาได้ วารีบุพผาสวรรค์นั้นเก็บอยู่ในขวดที่หนาเท่าแขนคน มันมากพอที่จะชำระล้างสมบัติเทพหนึ่งชิ้น นั่นทำให้ซือหยูตื่นเต้นมาก
ชายแก่ขี้เมาเหลือบมอง เขาเห็นขวดหยกในมือซือหยูและสีหน้าหม่นหมอง
“นั่นเป็นขวดหยกที่ทำจากหยกบุพผาสวรรค์งั้นรึ?”
ชายแก่อุทานด้วยความตกใจ
“ค่อยสมเหตุสมผลขึ้นมาหน่อย! คงน่าขันนักถ้าผู้ชนะจะได้แค่วารีบุพผาสวรรค์ ของรางวัลที่แท้จริงก็คือตัวขวดบุพผาสวรรค์นั่นเอง เจ้าหนูนั่นโชคดีจริงๆ ถ้ามีคนรู้ว่าขวดบุพผาสวรรค์ถูกปล่อยออกมาในครั้งนี้ หลงหวูชิงก็คงจะไม่ต่อสู้อย่างสบายๆเช่นนั้นแน่ นางคงจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อให้ได้ลำดับหนึ่ง! แล้วไอ้ภูตินั่นก็คงจะไม่แค่มองดูอยู่แน่”
ไป่ฉีมองขวดหยดในมือซือหยู แววตาแดงก่ำดูดุร้าย
“ขวดบุพผาสวรรค์! นั่นคือรางวัลจริงๆรึ?”
ใบหน้าเขาเศร้าหมอง
“ถ้าข้ารู้ว่านั่นคือรางวัลจริงๆ ข้าก็คงจะลงมือไปนานแล้ว!”
เขาิย้มอย่างเยือกเย็น
“แต่ก็ช่างเถอะ ดูเหมือนเจ้าหนูนั่นจะไม่รู้ว่าขวดบุพผาสวรรค์ทำอะไรได้ ข้าค่อยชิงมาเป็นของตัวเองทีหลังก็ไม่สายนัก”
“พวกเจ้ามีเวลาครึ่งวันให้ฟื้นฟูพลัง”
กระโจมส่งเสียงประกาศ
“ในครึ่งวัน พวกเจ้าจะถูกส่งไปที่กระโจมเทพสวรรค์ชั้นหกตามลำดับเสาศิลาของพวกเจ้า”
ฟึ่บ ฟึ่บ–
ลำแสงพุ่งลงมาปกคลุมทุกคน แสงนี้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างมากและแยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการรบกวนใดระหว่างที่ฟื้นฟูพลัง
ซือหยูไม่ถามอะไรอีก เขาใช้เวลานี้ฟื้นฟูพลังกายและพลังวิญญาณ จากนั้นหยิบขวดบุพผาสวรรค์ออกมา เขามีสมบัติเทพมากมายที่ต้องชำระล้าง อย่างแรกคือชุดเกราะทมิฬ เขากำลังจะเข้าสู่กระโจมเทพสวรรค์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก การรับรองว่าเขาจะมีชีวิตรอดกลับมานั้นคือสิ่งสำคัญสูงสุด
ซือหยูรินหยดบุพผาสวรรค์หนึ่งหยดลงไป ชุดเกราะทมิฬแตกออก แก่นโลหิตสีดำไหลออกมา
ซือหยูตกใจ
“โลหิตทมิฬ…หรือว่านี่จะเป็นชุดเกราะของราชาปีศาจ?”
เขาอาจจะกำลังใช้ชุดเกราะของราชาปีศาจอยู่ก็ได้ ซือหยูเริ่มระวังตัว เขาหยิบเอาขวดหยกเล็กๆออกมาเก็บแก่นโลหิตของราชาปีศาจ
ราชาปีศาจที่กำลังฟื้นพลังอยู่อีกด้านนั้นลืมตาขึ้นมา แววตานั้นเคียดแค้น
“ลักลั่นนัก!”
“ไอเด็กบ้า! บังอาจชำระสมบัติของข้า”
ซือหยูคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจชำระมันต่อไป ดูเหมือนจะยากที่วารีบุพผาสวรรค์หยดเดียวจะชำระได้ทั้งหมด เขาใช้อีกหยดเพื่อขับโลหิตราชาปีศาจออกมาและเก็บเอาไว้ เขาทำเช่นนี้ห้าครั้งและใช้วารีบุพผาสวรรค์ไปจำนวนมาก แต่ชุดเกราะก็ถูกชำระล้างจนเสร้๗ ซือหยูเก็บแก่นโลหิตของราชาปีศาจไว้เต็มขวด!
ซือหยูมองดูวารีบุพผาสวรรค์ที่ใกล้จะหมดด้วยความเศร้าใจอยู่บ้าง เขารีบใช้โลหิตของตัวเองชำระชุดเกราะและก็มีข้อความปรากฏในสมอง
เกราะราชาศิลานิรันดร์ สมบัติวิญญาณระดับสูง สร้างจากกระดูกจ้าวสวรรค์ มีความทนทานอย่างมาก ป้องกันการโจมตีที่ระดับต่ำกว่าจ้าวเทวะได้ รวมถึงการโจมตีจากขอบเขตภูติ
ซือหยูใจเต้นแรง จ้าวเทวะรึ? นั่นมันขอบเขตอะไรกัน? ยังมีขอบเขตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าขอบเขตภูติอยู่อีกรึ?
คนที่สำเร็จขอบเขตภูติก็เป็นดั่งพระเจ้าในทวีปเฉินหลงอยู่แล้ว แล้วระดับจ้าวเทวะจะไปถึงขั้นไหนกัน? แล้วระดับของเกราะราชาศิลานิรันดร์ยังเหนือกว่าที่ซือหยูคาดคิดเอาไว้มาก มันไม่ใช่เป็นแค่สมบัติเทพ แต่มันคือสมบัติวิญญาณระดับสูง!