The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 453
ซือหยูเคยสัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างสมบัติเทพระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูงมาแล้ว ความต่างในแต่ละระดับนั้นนับว่าน่าตกใจเป็นอย่างมาก
ระดับของเกาะราชาศิลานิรันดร์นั้นสูงและน่ากลัวอย่างมาก ถ้ามันอยู่ในจิวโจว มันก็จะต้องไม่ใช่ของธรรมดาๆอย่างแน่นอน
ซือหยูตื่นเต้น เขาได้รับสมบัติล้ำค่ามาจริงๆ
เขารู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อคิดถึงตอนที่ใช้วารีบุพผาสวรรค์ไปมากมาย แต่สมบัติวิญญาณชิ้นนี้เคยถูกทำลายมาก่อน ดังนั้นมันจึงตกไปอยู่ในระดับกึ่งสมบัติวิญญาณ
เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูในตอนนี้จะซ่อมมันแม้ว่าเขาจะอยาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็คือสมบัติหายากสำหรับเขา!
หลังจากชำระเกราะ ซือหยูใช้จิตควบคุมแก่นของเกราะที่มีแก้วพลังชีวิต มันคือแก้วที่สร้างจากพลังชีวิตอันเข้มข้นและเป็นสิ่งสำคัญมากของจิวโจว
ส่วนพลังป้องกันของเกาะราชาศิลานิรันดร์ก็น่าตกใจ ถ้าซือหยูปล่อยพลังชีวิตในแก้วออกมา ชุดเกราะก็จะยิ่งป้องกันได้มากขึ้น
หลังจากที่ชำระเกราะแล้ว เขาสามารถปล่อยพลังชีวิตออกมาได้ตามใจนึก ไม่เหมือนกับในอดีตที่พลังชีวิตจะปล่อยออกมาหลังจากที่เขาถูกโจมตี
ซือหยูเก็บความตื่นเต้นเอาไว้พร้อมกับชุดเกราะ ตอนนี้เขาต้องคิดว่าจะชำระโลหิตของชายแก่ขี้เมาที่อยู่ในกระบี่สายฟ้าหรือไม่
แต่ความคิดก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการดูหมิ่นชายแก่ เพราะข้อตกลงยังไม่สมบูรณ์ การเอาโลหิตของเขาออกไปก่อนนั้นนับว่าผลีผลาม
ซือหยูตาลุกวาว เขาหยิบเอาแหวนทองปราบมารออกมา! ซือหยูหยดวารีบุพผาสวรรค์ลงไป
เมื่อวารีบุพผาสวรรค์ซึมเข้าไปก็มีโลหิตทองคำที่มีพลังอรหันต์เข้มข้นซึมออกมา แหวนทองปราบมารนั้นใช้วารีบุพผาสวรรค์เพียงหยดเดียวก็เพียงพอ!
“นี่คือโลหิตของร่างวิญญาณคนนั้นรึ?”
ซือหยูเดาะลิ้นด้วยความสงสัย เขาเก็บโลหิตทองคำเอาไว้
“แหวนทองงปราบมาร กึ่งสมบัติวิญญาณ มีผลกับภูติผีในขอบเขตภูติ พลังจะขึ้นอยู่กับฐานพลังของผู้ใช้”
ถ้าเป็นกึ่งสมบัติวิญญาณ…มันก็อยู่ในระดับเดียวกับกระบี่สายฟ้า! ซือหยูได้ของที่ดียิ่งกว่าที่คาดคิด! ถ้ามีแหวนนี้ เขาก็ปลอดภัยอย่างมากหากจะต้องเจอกับพวกภูติผี
เขาเหลือบมองวารีบุพผาสวรรค์อีกครั้ง มันเหลือเพียงแค่สองหยด เขานั่งคิดและหยิบเอาธนูกับชุดเข็มออกมา
ผลของวารีบุพผาสวรรค์นั้นเหนือกว่าหยดหมื่นพลถึงสิบเท่า แค่หยดเดียวก็ชำระกึ่งสมบัติวิญญาณได้หมดจด!
ดังนั้นถ้าเขาใช้ชำระธนูที่ชำระมาแล้วแปดส่วน มันก็จะสูญเปล่า และสองหยดที่เหลือนั้นก็เพียงพอกับการชำระชุดเข็มทั้งเก้าพอดี ดังนั้นถ้าเขาใช้หยดเดียวชำระธนูก็จะเหลือมีเข็มเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับการชำระ
ซือหยูครุ่นคิด ตามที่เขารู้ สมมบัติเทพหนึ่งชุดที่สมบูรณ์จะต้องชำระทั้งชุดเพื่อให้ปล่อยพลังเต็มที่ออกมา ถ้าเขาชำระเพียงส่วนเดียว พลังของมันก็จะลดลงไปมาก
ซือหยูคิดให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บธนูเอาไว้และชำระเข็มทั้งเก้า เวลาผ่านไปนาน การชำระเสร็จสิ้น เขาชำระเข็มเหล็กทั้งเก้าเล่ม
“เข็มเก้าหยินหยาง…เกิดจากการสร้างกระบี่เก้าตะวัน หากใช้กับวิชาลับของเก้าหยินหยางจะปล่อยพลังของสมบัติเทพระดับสูงที่ใกล้เคียงกับกึ่งสมบัติวิญญาณออกมาได้! ถ้าผู้ใช้ได้วัตถุดิบเพื่อเพิ่มระดับของเข็มเก้าหยินหยู เข็มเก้าหยินหยางจะขึ้นไปอยู่ในระดับกึ่งสมบัติวิญญาณ และยังมีโอกาสที่จะไปอยู่ในระดับสมบัติวิญญาณ”
ซือหยูหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินดังนั้น! มันมีพลังสมบัติเทพระดับสูงด้วยรึ? และยังมีวิชาลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ที่ซ่อนอยู่ในสมบัติเทพนี้อีก?!
ซือหยูตระหนักได้ว่าทางเลือกของเขานั้นฉลาดอย่างมาก เขารีบใช้เวลาที่มีบ่มเพาะวิชาลับเก้าหยินหยางทันที
วิชาลับนี้ต้องใช้ความเข้าใจในจิตเพื่อสัมผัสตัวเอง หลักการบ่มเพาะวิชาลับให้สำเร็จคือการแบ่งส่วนพลังวิญญาณให้กับเข็มทั้งเก้าเล่มเพื่อให้แต่ละเล่มมีพลังเท่ากัน
วิชาลับนั้นพูดถึงจุดหลักเป็นพิเศษ ….ยิ่งผู้ใช้วิชามีวิญญาณแข็งแกร่งเท่าใด ผลในการบ่มเพาะก็จะยิ่งดีขึ้น เหตุก็เพราะคนที่มีวิญญาณแข็งแกร่งจะมีสัมผัสในตัวเองที่ดีกว่าคนอื่น นั่นทำให้การแบ่งพลังวิญญาณดีกว่าคนอื่น
หลังจากที่บ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภามาแล้ว วิญญาณของซือหยูนั้นเหนือกว่าคนที่มีฐานพลังเท่ากัน และเมื่อเทียบกับกึ่งเทพ เขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะโอรสสวรรค์จ้องนภายังคงติดอยู่ที่ระดับหนึ่งขั้นสูงแม้จะผ่านมานาน ซือหยูก็คงจะสำเร็จขอบเขตภูติไปแล้ว ด้วยวิญญาณอันแข็งแกร่งแบบนี้ การบ่มเพาะวิชาลับของเข็มเก้าหยินหยางจึงไม่ต้องลงแรงมากนัก ไม่ถึงสามชั่วยามเขาก็บ่มเพาะได้จนจบสิ้น
“ขึ้นมา!”
ซือหยูตะโกน เข็มทั้งเก้าพุ่งตามกันมาอยู่เหนือศีรษะของเขา
“เร็วขึ้นอีก!”
เข็มทั้งหมดร่ายรำบนท้องนภาไปทั่วทิศทางอย่างไร้ช่องโหว่
หากไม่ระวังตัว พวกกึ่งเทพธรรมดาคงจะถูกเข็มทั้งเก้านี่ทะลวงร่างและตายทันทีอย่างแน่นอน นี่คือสมบัติเทพที่หายากอย่างแท้จริง
ซือหยูเก็บเข็มทั้งหมดเอาไว้ด้วยความยินดี วารีบุพผาสวรรค์นั้นช่วยเหลือเขาอย่างมากในการทำให้เขามีพลังจากสมบัติเทพที่เพิ่มขึ้นอีก
ปั้ง ปั้ง–
ลำแดงสั้นเบาๆและเปิดออก จากนั้นก็มีเสียงดังสะท้อนที่ทำให้ทุกคนเป็นกังวล
“การพาตัวเข้าไปยังกระโจมเทพสวรรค์จะเริ่มขึ้นแล้ว!”
นี่คือกระโจมเทพสวรรค์ที่จะปรากฏในทวีปเฉินหลงในทุกหมื่นปี! นี่คือโอกาสเดียวของคนทวีปเฉินหลง! โอกาสเดียวที่จะได้เข้าสู่ขอบเขตภูติมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
เสาศิลาของซือหยูและของเหล่าจ้าวแห่งความมืดเปล่งแสงสีเงินอันงดงามพร้อมกัน มันโอบล้อมผู้คนบนเสา จากนั้นมิติก็สั่นสะเทือน เสาศิลายิงลำแสงออกทะลุผนัง
บนผนังนั้นเต็มไปด้วยเหล่าดาราและกลุ่มดาว แสงสีเงินได้ทำให้มันดูเหมือนกับทางชางเผือกอันตระการตา
เมื่อแสงสีเงินส่องทะลุก็เกิดการเปลี่ยนแปลงรอบแสงสีเงิน ซือหยูกับกลุ่มของเขาพร้อมด้วยเสาศิลาหายตัวไป
จากนั้นครึ่งชั่วยามก็ถึงคราวของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และต่อมาจึงเป็นไป่ฉี
ชายแก่ขี้เมาเหลือบมองไป่ฉีด้วยความกังวลในแววตา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาอยู่นาน ท้ายสุดเขาก็ทิ้งความคิด
“ช่างเถอะ ดินแดนในกระโจมเทพสวรรค์กว้างใหญ่ มีโอกาสสูงที่มันจะได้เจอกับคนจิวโจวมากกว่าจะเจอกับพวกต้าเหล่ย”
“พวกเจ้าเป็นกลุ่มสุดท้าย พลังมีจำกัด อยู่ที่ชั้นหกและอย่าไปให้ไกลนัก”
ชายแก่พูดต่อเพื่อเตือนเหล่ายอดฝีมือจากสี่ตระกูล
กลุ่มสี่ตระกูลพยักหน้าอย่างรีบร้อน พวกเขามีทั้งหมดสี่คน แต่ละคนล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล นอกจากฉีเจี้ยก็มีผู้ชายอีกสองคน และหญิงสาวที่ยังไม่เคยต่อสู้
“หมิงเฟย จับข้าแน่นๆ”
ฉีเจี้ยพูดและมองหญิงสาวข้างๆเขา นางคือสตรีจากตระกูลหมิง รูปลักษณ์ของนางงดงามเป็นอย่างมาก ระหว่างฉีเจี้ยกับนางนั้นมีการหมั้นหมายที่คนนอกยังไม่ได้รับรู้
หญิงสาวที่ชื่อหมิงเฟยพยักหน้าอย่างเขินอาย นางจับแขนเสื้อของฉีเจี้ยและเอนกายกับแขนของเขา
ในตอนนั้นเอง เสาศิลาตอบสนองกับแสงสีเงิน ชายแก่ขี้เมามองทั้งสี่คนเป็นครั้งสุดท้าย แต่จู่ๆเขาก็จ้องไปยังหมิงเฟยและเบิกตากว้าง
ใต้แสงสีเงิน ผิวกายของหมิงเฟยเผยชั้นแสงสีดำออกมา ในยามปกตินั้นนางไม่ได้ดูแปลกไป แต่นั่นเป็นเพราะแสงสีเงินและสถานการณ์พิเศษซึ่งทำให้ชั้นพลังสีดำที่น่าสงสัยปรากฏขึ้นมา!
“ภูติสวรรค์!”
ชายแก่ชักสีหน้า เขาตบโต๊ะกระโดดขึ้นด้วยความโกรธ เขาพุ่งไปหมื่นศอกและพยายามจะคว้าตัวหมิงเฟย
ความเขินอายของหมิงเฟยหายไปทันที แทนที่ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“ไอ้แก่ รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว!”
ฟึ่บ ฟึ่บ–
แสงสีเงินกั้นขวางชายแก่ ชายแก่เข้าไปไม่ได้
“ก็ได้! ข้าประมาทเอง ถึงเจ้าจะปะปนตัวเข้ากับสี่ตระกูลได้ แต่ข้าก็ไม่รู้สึกถึงเจ้าเลย!”
ชายแก่โทษตัวเอง แววตาเขาเย็นชา
ฟึ่บ–
แสงสีดำโอบล้อมร่างหมิงเฟย พลังภูติฉาบใบหน้า ใบหน้าเด็กสาวของจางตี๋เก้อเผยออกมาช้าๆ
“หึหึ เจ้าคงไม่รู้ล่ะสิ ด้วยวิชาลับของภูติสวรรค์ ข้าได้สิงนังผู้หญิงคนนี้! เพื่อไม่ให้เจ้ารู้ตัว ข้าฝืนตัวเองไม่ให้ฆ่าไอ้เด็กที่ชื่อราชาปีศาจหิมะทมิฬนั่นถึงจะมีโอกาสดีให้ข้าลงมือก็เถอะ”
“แต่มันก็ไม่ห่างไกลความตายนักหรอก ถ้าข้าได้เจอกับมันในกระโจมเทพสวรรค์ ข้าจะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ!”
จากนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ตอนที่นางถูกซือหยูที่อยู่ในขอบเขตอำมฤตหลอก นางพูดจบและถูกส่งขึ้นไปเบื้องบน
ชายแก่สีหน้าเคร่งเครียด เขาเป็นกังวลอย่างมาก
“ภูติลึกลับก็อันตรายพออยู่แล้ว แล้วยังมีภูติสวรรค์อีก พวกต้าเหล่ยอยู่ในอันตราย”
ชายแก่ถอนหายใจยาวหลังจากคิดอย่างหนัก
“หวังว่าพวกนั้นจะเพิ่มพลังตัวเองได้เร็ว กระโจมเทพสวรรค์มีสัมผัสที่แข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าฐานพลังเผยไปถึงขอบเขตภูติก็จะถูกย้ายตัวออกมา ต่อให้ภูติสวรรค์กดฐานพลังถึงกึ่งเทพ พวกต้าเหล่ยก็อาจจะหนีออกมาได้”
หลงจื้อชิงสีหน้าเคร่งเครียด
“นั่นมันภูติสวรรค์! แย่แล้ว พวกเขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ไม่นานเหล่าคนที่ยังเหลืออยู่ในที่ประลองก็กังวลอย่างมาก ชายแก่มองรอบๆ
“พวกเรารอที่นี่เถอะ พวกนั้นจะกลับมาในเวลาสองปี”
“สองปี…ถ้าพวกผู้อาวุโสไม่เคยมาที่กระโจมเทพสวรรค์มาก่อนก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาในกระโจมเทพสวรรค์จะช้ากว่าในทวีปเฉินหลงไปสิบเท่า!”
หลงจื้อชิงพูดด้วยความตื่นตา
จากคำบอกเล่าของคนที่เคยมากระโจมเทพสวรรค์ พวกเขาอยู่ภายในนั้นสองเดือน แต่เมื่อกลับมา พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเวลาในทวีปเฉินหลงนั้นผ่านไปแล้วสองปี!
ชายแก่หัวเราะเสียงดัง
“นั่นมันประหลาดรึ? นั่นก็แค่ห้วงเวลาในกระโจมเทพสวรรค์ ห้วงเวลาในโลกจิวโจวน่ะช้ากว่าทวีปเฉินหลงเสียเป็นร้อยเท่า!”
“แม้เฉินหลงจะผ่านไปหมื่นปี แต่มันก็แค่ร้อยปีในจิวโจว”
“อะไรนะ? เวลาที่จิวโจวช้ากว่าที่นี่ร้อยเท่างั้นรึ?”
ทุกคนเดาะลิ้น
ชายแก่ชี้ไปที่รูปปั้นของยอดฝีมือในประวัติศาสตร์
“ดูรูปปั้นพวกนั้นสิ กระโจมเทพสวรรค์จะปรากฏออกมาในเวลาแค่ร้อยปี แต่ความจริงคือคนในจิวโจวจะได้เจอกับกระโจมเทพสวรรค์ทุกปี ผ่านไปร้อยปีก็มีถึงร้อยรูปปั้น ส่วนหมื่นปีก่อน คนในทวีปเฉินหลงของพวกเราได้มาที่นี่ด้วยความบังเอิญเป็นครั้งแรก แต่ในสายตาของคนจิวโจวก็ผ่านไปแค่ร้อยปี”
เขาอธิบายต่อ
“ด้วยนี่ก็ไม่ยากที่จะบอกถึงเรื่องเวลาระหว่างทวีปเฉินหลงกับจิวโจว เวลาที่ต่างกันร้อยเท่าไม่ใช่สิ่งที่พวกเราเข้าใจได้หรอก”
ทุกคนที่ได้ยินสงสัยอย่างมากถึงโลกในจิวโจว นั่นจะเป็นโลกแบบใดกัน?
กลับที่ซือหยู เขารู้สึกราวกับฟ้าดินที่หมุนไปมา จากนั้นพลังวิญญาณอันหนาแน่นก็พัดเข้าใส่เขาตรงๆ ปริมาณพลังวิญญาณที่นี่นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าทวีปเฉินหลงนับสิบเท่า!